เมื่อราว 5-6 ปีก่อน หลานสาวผมซึ่งตอนนี้ก็จบเศรษฐศาสตร์ไปเรียนต่อโทเมืองนอกแล้ว เคยถามผมว่าเขาทำISO ไปทำไม ผมถามเขาว่าทำไมถึงถามละ่มันก็ตรงไปตรงมา ก็เขาอยากให้มีการพัฒนาคุณภาพ
คำตอบของเขาก็ง่ายๆ เขาถามเพราะเขารู้สึกว่ามันไม่เข้าท่าเลย
เพราะอาจารย์ต้องงดชั่วโมงสอน เนื่องจากต้องไปประชุมเขียนคู่มือ
ISO
ผมก็เลยได้รู้ว่า ผมข้างเคียงที่สำคัญของการมัวแต่เขียนคู่มือก็คือไม่มีเวลาทำงาน
ในขณะที่ผมเป็นคนชอบให้เขียนแผน ผมก็รู้ว่าการเขียนแผนบ่อยครั้งไม่มีใครเอาไปใช้ เขียนไปอย่างนั้นเอง เสียเวลาคนเขียน พร้อมกับเสียโอกาสในการทำงาน (ถ้าคนนั้นอยากทำงานจริง)
ตอนนี้การปฏิรูประบบราชการ กำลังสร้างกระดาษกองใหญ่ที่คนให้ทำเห็นคุณค่า แต่คนเขียนเสียเวลา โดยไม่มีคุณค่าเกิดขึ้นเท่าที่ควร แต่คนขอให้เขียนเอกสารเห็นว่าเป็นหนทางแห่งการคิดให้เป็นระบบ และการบันทึกเป็นหลักฐาน
ถ้าเอาเรื่องการเรียนรู้เป็นตัวตั้งก็อาจไม่ต่างกับความพยายามที่จะให้นักเรียนใช้เวลาท่องหนังสือเพื่อให้สอบได้คะแนนดี แทนที่จะไปเรียนรู้จากของจริง
เราพอใจที่เห็นนักเรียนสอบได้คะแนนดี โดยไม่สนใจว่าเขาได้เรียนรู้อะไรบ้าง
แม้ผมจะเป็นคนที่สอบได้คะแนนดีในระหว่างเรียนหนังสือมาโดยตลอด ผมก็ต่อต้านการพยายามให้เด็กสอบให้ได้คะแนนดีๆ โดยไม่สนใจว่าเด็กได้เรียนหรือเปล่า
แน่นอนว่าการวัดผลการสอบย่อมง่ายกว่าการวัดระดับการเรียนรู้ที่คนคนนั้นมี
แต่ถ้าเราเอาวิธีคิดเดียวกันมาบริหาร และกำกับ ประเมินการบริหารองค์กร เราอาจจะได้แต่องค์กรที่ผลิตกระดาษเก่ง แต่ไม่มีการจัดการหรือการพัฒนาที่ดีเลยก็ได้
แต่เราหลอกตัวเองว่ามีการพัฒนาเกิดขึ้นในกระดาษ ผ่านคู่มือที่เขียนได้ดีเยี่ยม หรือ แผนที่เขียนวิเคราะห์อย่างชัดเจน
สำหรับคนประเมิน ตรวจข้อสอบนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่สำหรับคนที่อยู่ในองค์กร และอยากให้การพัฒาเกิดขึ้นจริง นั่นอาจจะเป็นการกระทำที่ไร้สาระอย่างสิ้นเชิง
เพราะนักบริหาร หรือคนทำงาน อยากได้งานที่ดีขึ้น คนที่เก่งขึ้น ไม่ใช่คู่มือหรือแผนสวยงาม หรือกระดาษกองใหญ่ๆ
ถ้าเราอยากให้องค์กรพัฒนาอน่างแท้จริง เราต้องหาจุดสมดุลย์ระหว่างการผลิตเอกสาร กับการลงมือทำ
ถ้าหาสมดุลย์ไม่เจอ เราก็จะยังเวียนว่ายตายเกิดกับการผลิตเอกสาร แทนท่จะไปใช้เวลากับการลงมือทำ และหาทางประเมินด้วยวิธีการอื่นๆว่าตกลงองค์กรเราดีขึ้น หรือยัง
ถ้าเรายังพัฒนาองค์กรโดยใช้นักวิชาการ แทนที่จะใช้คนที่ต้องทำงานในองค์กรจริงๆมาลงมือทำ ไปพร้อมกับเรียนไป เราอาจหนีไม่พ้นวงจรอุบาทของการโค่นต้นไม้มาทำกระดาษแล้วเอามาทำให้มันเปื้อนนำ้หมึกเล่นก็ได้
ขอแสดงความเสียใจกับคนที่ต้องใช้เวลาผลิดเอกสารด้วยความจำเป็น
ขอจงอย่าลืมเป้าหมายที่แท้จริงคือการพัฒนางานให้ดีขึ้น ไม่ใช่ผลิตเอกสาร