เมื่อเวลาประมาณ 13.30-16.30 น.
ผมได้มีการปรึกษาหารือร่วมกันในการทำงานของเครือข่ายงานในกำกับดูแลที่ผมรับผิดชอบ
ก็มีด้วยกัน 7 หน่วยงาน คือ ส่วนพัสดุ ส่วนการเงินฯ ส่วนสารบรรณฯ
ส่วนการเจ้าหน้าที่ ส่วนประชาสัมพันธ์ งานOD และ สหกิจศึกษา
ซึ่งเป็นปกติของพวกเราที่จะได้มีการพูดคุยกันถึงความสำเร็จในการทำงาน
และแผนงานต่างๆ ที่คาดว่าจะดำเนินการและพัฒนาการทำงานต่อไป
ส่วนมากเราจะใช้เวลากันประมาณ 2-3 ชั่วโมง เสมอ เป็นประจำทุก 2
สัปดาห์
อย่างวันนี้ผมคิดว่าผมได้รับรู้และเรียนรู้อะไรมากมายที่เดียวครับ
ซึ่งเกี่ยวกับการคิดเชิงบวก
และการพยายามที่จะพัฒนาการทำงานของแต่ละส่วนงาน
โดยที่ความคิดส่วนใหญ่เกิดจากผู้ปฏิบัติงานเอง
ที่ต้องการที่จะพัฒนาการทำงานของตนเองให้มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่น
ส่วนการเงินก็จะพัฒนาระบบการยืมเงินที่คล่องตัวขึ้น
ต่อไปนี้พนักงานที่ขอยืมเงินทดรอง
ส่วนการเงินจะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่ผู้ยืมต้องการได้เลย
โดยไม่ต้องมารับเช็คก่อน ส่วนพัสดุและส่วนการเงิน
รวมถึงส่วนสารบรรณฯก็จะร่วมกันพัฒนาระบบควบคุมงานแบบครบวงจร
ส่วนการเจ้าหน้าที่ก็มีโครงการพบปะเครือข่ายในมหาวิทยาลัยของเราเพื่อค้นหาความต้องการ
เพื่อให้เกิดการบริการที่เป็นเลิศ เป็นต้น ซึ่งผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกดีใจมากครับที่เห็นความต้องการในการพัฒนางาน
เกิดจากผู้ทำงาน ขอชื่นชมและให้กำลังใจด้วยคนนะครับ
นอกจากนี้สิ่งที่ผมได้รับการให้ข้อมูลจากงาน OD
ก็คือขณะนี้มีการรวมตัวกันเป็นชุมชนต่างๆ
เกิดขึ้นมากมายในวลัยลักษณ์เรา ชุมชนคน 5 ส. ชุมชนคนการเงิน ชุมชนคนทำ
web ชุมชนคนหลังไมค์ ชุมชนคนทำ e-office ชุมชนคนพัสดุ ชุมชนคน Oracle
เป็นต้น และยังมีอื่น ๆ อีกนะครับ
ถ้าผมกล่าวถึงไม่หมดต้องขออภัยด้วยนะครับ
แต่ที่สำคัญชุมชนเหล่าได้นัดกันคุยและเกิดการรวมตัวกันแล้ว
บางชุมชนก็หลายครั้งแล้ว ที่สำคัญจะ สังเกตุพบว่า
ในแต่ละชุมชนก็จะมาจากหน่วยงานต่างๆ ในมหาวิทยาลัยของเรา
และที่สำคัญเป็นการมาร่วมชุมชนกันโดยสมัครใจ
ซึ่งปรากฎการณ์เช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่เดียว
เพราะนั่นหมายถึง การเกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกัน
ซึ่งจะช่วยให้การประสานภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และสิ่งนี้หมายถึง ความสำเร็จก้าวแรกของการเกิดชุมชน
หากชุมชนเหล่านี้ได้เชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่นและมีการสร้างค่านิยมในระดับชุมชนร่วมกัน
ก็จะทำให้พลังของการค้นหาองค์ความรู้ที่มีลักษณะซ้อนเร้นอยู่ในตัวผู้ปฏิบัติงานจริง(Tacit
Knowledge) ก็จะถูกพบได้ง่ายขึ้น
และการยอมรับในองค์ความรู้ที่พบ
ตลอดจนการนำองค์ความรู้ไปใช้ในการพัฒนาการทำงานของตนต่อไปก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมขอเพิ่มข่าวที่น่าประทับใจอีกนิดนะครับ พรุ่งนี้ หัวหน้าส่วนพัสดุ
หัวหน้าส่วนการเงิน พร้อมลูกทีม
ได้รับเชิญให้ไปถ่ายทอดประสบการณ์และความสำเร็จที่มีคุณค่า
ในการได้รับเหรียญทองจากการประเมินสถานที่ทำงานน่าอยู่และน่าทำงาน
ตามโครงการของ สสส.
ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจของพวกเราชาววลัยลักษณ์
ใครอยากชมว่าสถานที่ทำงานน่าอยู่
น่าทำงานจริงไหมก็น่าจะลองมาเยี่ยมเยือนส่วนพัสดุ
และส่วนการเงินฯดูนะครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์ ใน KM ใน ม.วลัยลักษณ์
คำสำคัญ (Tags)#knowledge#การจัดการความรู้#tacit#ชุมชุนนักปฏิบัติ
หมายเลขบันทึก: 13230, เขียน: 24 Jan 2006 @ 22:19 (), แก้ไข: 11 Feb 2012 @ 14:21 (), สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ, ความเห็น: 1, อ่าน: คลิก
ภายหลังจากที่แต่ละชุมชนฯ (ตามที่รศ.สมนึก ได้กล่าวไว้ข้างต้น) ได้มีการพบปะพูดคุย / เสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.)กันไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว หน่วยพัฒนาองค์กรมีแนวคิดที่จะเชิญผู้ประสานงานหรือตัวแทนของแต่ละชุมชนฯ มา ลปรร.ในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างชุมชนฯ เช่นความคาดหวัง /เป้าหมายในการตั้งชุมชนฯ แนวทางในการดำเนินการของชุมชนฯ แนวปฏิบัติที่ได้รับหลังจากการเสวนาฯ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อหน่วยพัฒนาองค์กรจะได้นำมาสกัดออกเป็นขุมความรู้เพื่อแต่ละชุมชนฯ จะได้นำเอาแนวทาง/วิธีการดำเนินการปฏิบัติที่ดีกว่าไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม รวมถึงเป็นแนวทางให้กับพนักงานกลุ่มอื่น ๆ ที่สนใจจะจัดตั้งชุมชนฯ ที่สนใจขึ้นใน มวล. ต่อไป