อภิญญา ซอหะซัน เรียบเรียง
ปี ค.ศ.1940 แรลดาลล์และบูท นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ได้ร่วมกันประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่า “แมกนิตรอน” เพื่อประโยชน์ทางการทหาร เจ้าแมกนิตรอนนี้เองเป็นส่วนสำคัญในการตรวจจับเครื่องบินรบนาซี โดยทำหน้าที่ผลิตคลื่นไมโครเวฟออกไปในท้องฟ้า เมื่อกระทบยานข้าศึกคลื่นจะสะท้อนกลับปรากฏให้เห็นบนจอเรดาร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วิศวกรชื่อ ดร.เฟอร์ซี สเปนเซอร์ ยังคงทำการทดลองกับแมกนิตรอนเพื่อหาประโยชน์ทางการค้า และเขาได้พบความสามารถของแมกนิตรอนโดยบังเอิญ ดร.เฟอร์ซี เป็นคนติดช็อกโกแลตงอมแงม มักพกช็อกโกแลตไว้ในกระเป๋าครั้งละมากๆ วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1946 ขณะที่ทดลองอยู่ใกล้ๆ เครื่องแมกนิตรอน ดร.เฟอร์ซีพบว่าช็อกโกแลตในกระเป๋ากางเกงของเขาหลอมเหลวเลอะเทอะเต็มกระเป๋า เขาตั้งข้อสันนิษฐานว่า คลื่นไมโครเวฟจากแมกนิตรอนสามารถละลายช็อกโกแลตได้ และเกิดไอเดียว่าน่าจะทดลองใช้คลื่นไมโครเวฟกำลังสูงปรุงอาหาร ทดลองไปทดลองมาเลยได้ เตาไมโครเวฟ เกิดขึ้น คลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งอยู่ในแถบสเปกตรัมที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นวิทยุ และสามารถนำมาใช้เป็นคลื่นพาห์ สำหรับส่งข้อมูลข่าวสารได้เช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ โดยเฉพาะการสื่อสารทางไกลผ่านดาวเทียม การพยากรณ์อากาศ รวมทั้งการสำรวจระบบสุริยะจักรวาล ในปัจจุบันประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการนำคลื่นไมโครเวฟมาใช้ ก็คือ เตาไมโครเวฟ ซึ่งใช้ประกอบอาหารโดยการทำให้โมเลกุลของอาหารเกิดการสั่นสะเทือนพร้อมๆ กัน ทำให้สุกในเวลาอันสั้น
คลื่นไมโครเวฟ ที่เรามาใช้ในการปรุงอาหาร เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ 2,150 เมกะเฮิรตซ์ พอคลื่นพุ่งปรู๊ดไปกระทบอาหาร ก็จะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำ ทั้งในและนอกอาหาร เกิดการสั่นสะเทือนเสียดสีกัน จนเกิดเป็นความร้อน ทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว
คลื่นไมโครเวฟมีอันตรายหรือไม่ <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> ตอบว่าไม่อันตราย เพราะเมื่อคลื่นมอบพลังงานให้กับอณูของน้ำหมดแล้ว ตัวมันจะสลายหายไป ไม่สะสมในอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด</p> <table border="0"><tbody><tr>
ไม่มีความเห็น