ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนเป็นอย่างมาก จึงควรพัฒนาให้เกิดขึ้นกับนักเรียนทุกคน การศึกษาในครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนที่เรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 37 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้เทคนิคการจัดกลุ่มย่อยแบบ STAD เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ จำนวน 9 แผน แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีค่าความยากเท่ากับ .20 ถึง .84 ค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ .23 ถึง 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .88 และแบบวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test
ผลการศึกษาปรากฏ ดังนี้
1. นักเรียนที่เรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยรวม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่เมื่อจำแนกรายทักษะแล้วนักเรียนที่เรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จำนวน 6 ด้าน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และทักษะด้านการวัด และทักษะด้านการพยากรณ์ก่อนเรียนและหลังเรียนไม่แตกต่างกัน
2. นักเรียนที่เรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ มีเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
โดยสรุป การเรียนรู้โดยการทำกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ควรนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนต่อไป