บทเรียน จากค่ายเรียนรู้ หรือ ค่ายพัฒนาพี่เลี้ยง
คำว่า Fa ในที่นี้ คือ พี่เลี้ยง หรือ คุณอำนวย หรือ Facilitator แต่ยังไม่ถึงกับเป็น Coach หรือเป็น ระดับ Mentor อย่างไรก็ตาม Fa ก็ดีกว่า นายแบบ boss เยอะเลย
จริงๆแล้ว การพัฒนา Fa (ถ้าทำได้)ควรจะฝึก ต่อเนื่องติดกันไปตลอดสัก 6 เดือน แต่ เนื่องจาก ผู้เรียนรู้ มีงานประจำทำ จึงต้องแยกออกมาเป็น 4 modules
Module 1 : ให้ผู้เรียน รู้จัก learn how to learn ก่อน โดยการให้ เห็นว่า “ระบบการศึกษา” ที่ผ่านๆมาเป็นอย่างไร แต่ละท่านผ่าน “ระบบการศึกษา”แบบไหนมา และ ที่ควรจะเป็น ที่เหมาะสมเป็นอย่างไร
ผู้เรียน จะเข้าใจ ข้อแตกต่าง ของ “รับรู้” กับ “เรียนรู้” อย่างชัดเจน จนร้องว่า “ โอโห … ฉันเรียนมาแบบ “รับรู้” ตลอดชีวิตเลยนี่นา” แล้ว จะเริ่มต้นเรียนรู้ (Learning to learn) จาก Module I นี้ไป
ผู้เรียนจะได้รู้จัก การบริหารงานสมัยใหม่ ที่เป็นแบบ
การฝึกใน Module นี้ ก็ใช้การเล่นเกม การล้อมวงคุยกัน และ ที่ สำคัญ คือ ดู “ครูสมพรสอนลิง” เป็นหนังที่ ทุกคนดูได้ แม้นจะดูเกิน 40 รอบก็ยังได้อะไรใหม่ๆเสมอ … ไม่น่าเชื่อ !!!
ผู้เรียนจะได้เห็น ภาพ (Slides) การพัฒนาในชุมชน เช่น ที่มูลนิธิข้าวขวัญ มหาชีวาลัยอิสาน แพรกหนามแดง บ้านจำรุง แหลมรุ่งเรือง ดรุณสิกขาลัย รุ่งอรุณ วัดป่าธรรมอุทยาน ฯลฯ และ ทำกิจกรรมเพื่อให้ เชื่อมโยงเข้ากับ การพัฒนาองค์กร (Organization development) ของผู้เรียนเอง
พวกเขา หลายคน “เข็มขัดสั้น” คาดไม่ถึงว่า ชุมชนมีอะไรดีๆ ที่ คนในบริษัทไม่มีเยอะเลย เช่น ความรัก ความอบอุ่น ความสามัคคี การแบ่งปัน ฯลฯ หลายคนเริ่มเห็น “ความวิปริต” ในการบริหารองค์กรขององค์กรต่างๆ ในช่วง Module 1 นี้ โดยทั่วไป จะค่อนข้างเป็น Class room training อยู่บ้าง เพราะ ผู้เรียนเพิ่งมาจาก ระบบการศึกษาแบบ Newtonian ยังยึด Format เดิมๆ ยังชอบให้ผู้สอนป้อน ติดนิสัยเสพนิยม “เคยตัว” ชอบจดไม่ชอบคิด หลายคนยังมองวิทยากรเป็น “ผู้รับเหมา” ที่ตนเองโขกสับได้ หลายคนปิดใจ จะฟังเฉพาะข้อมูลที่ทำให้ “ความเชื่อ”ของตนเองดูดี ขึ้นเท่านั้น ฯลฯผู้สอน ต้องใจเย็นๆ ใน Module 1 นี้ พวกเขา จะ งงๆ เพราะ กำลังปรับตัว บางคนต่อต้าน บางคนช็อค บางคนเริ่มคล้อยตาม บางคนสับสนกับชีวิต ฯลฯ ผู้สอนต้อง เข้าใจว่า “ มันเป็นเช่นนั้นเอง” ครับ
ช่วงแรกๆนี้ ผมโดนด่า ทั้งตรงๆ และ แอบด่าในใจ แต่ ก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เราก็จับเขาเข้ากระบวนการ เช่น สุนทรียสนทนา ทำ world café ทำ AAR เล่นละคร ฯลฯ เอา มือที่สาม คือ ตัวละคร ใน VCD มาสอนแทนเรา เช่น ดร สุเมธ ครูบา ฯ พี่เดชา ครูสมพร ดร อาจอง พี่ปัญญา คุณสมหมาย ปู่เย็น ฯลฯ (ต้องขอกราบขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย)คำคมที่ผมต้อง สอดแทรกอยู่เสมอๆ เช่น
· วิทยากรยังไม่มา
· ใคร คือ วิทยากร
· ความเห็นไม่ตรงกัน การทดลองย่อมเกิดขึ้น
· อย่ามาเชื่อผม
· ทำไปเถอะ ….ผิดอยู่ดี
· เกิดมาทำไม
· ฯลฯ
Module 1 นี้ ประเมินผลอะไรไม่ได้มากนัก เพราะ เป็นการ ต้อนเข้า “กระบวนการ” พวกบ้า KPI อย่าเพิ่ง มาวัดอะไรแถวนี้ ถอยไปก่อนในช่วงนี้ จะโดนแรงเสียดทาน จาก “เจ้านาย” ที่ ไม่เข้าใจ ศาสตร์และศิลป์ของ องค์กรเรียนรู้ ดังนั้น ควรจับเจ้านายมาฝึกก่อน
เจ้านายส่วนใหญ่ ฉลาด แต่ คราวนี้ “เข็มขัดสั้น”ครับ เพราะ การบริหารสมัยใหม่ “พลิกโฉม”แบบหน้ามือเราเป็นหลังมือคนอื่นเลยทีเดียว เจ้านายเราจึง “ฉลาดแต่ ไม่เฉลียว” เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้ ก็จงอย่าด่าเจ้านาย อย่าคิดอกุศลกับเจ้านาย ฯลฯ มันก็เป็นเช่นนี้เอง เราเป็น Fa เราก็ต้อง จัดการเจ้านายแบบ “เนียน นุ่ม ลึก” เราทำเพื่อองค์กร เพื่อนายนั่นแหละ มันเป็นกรรมของเราด้วย
นายใหญ่ ระดับนโยบาย มักจะเข้าใจอะไรดี (ระดับนโยบาย = อยากได้ แต่ ไม่เคยทำ) ที่ปวดหัวมักจะเป็นนายระดับรองๆ ระดับปฏิบัติการลงมาครับ นายพวกนี้ อยู่ โหมด “รบ”มาตลอด จู่ๆ จะให้ท่านมาเข้าใจ โหมด “เรียนรู้” มันไม่ง่ายเลยนะครับ พวกท่านจะบอกว่า ไม่มีเวลา ท่านเหล่านี้มักจะ "ปิดใจ" และ ส่วนใหญ่ มักจะ Play safe
พวกเขา จะกลัว “ตำหนิ”ของตนเองถูกเปิดเผย กลัวคนรู้ความ “เปราะบาง”ในใจตน กลัวเสียฟอร์ม กลัวเสียหน้า แบกความโลภ โกรธ หลงมาเต็มตัว สามารถ ถีบเพื่อน ขายนาย ฆ่าลูกน้อง ลืมเมีย ฯลฯ ได้ทุกเมื่อ
ถาม Module นี้ ใช้เวลา กี่วัน
ตอบ ตอบยากครับ เพราะ ขึ้นอยู่กับ ว่าเอาคนแบบไหนมาเรียน ถ้าเป็นพวกอัตตามากๆ มีความหนืดในการเปลี่ยนแปลงสูง อาจจะต้องมี Module ศูนย์ ก่อน รองพื้นก่อน
คนที่จะมาจัดอบรมต้องดูพฤติกรรม “เจ้านาย”ทั้งหลาย ว่าท่านเอาจริง หรือ บ้าตามแฟชั่น หรือ โดนใบสั่ง
สันดานนายหลายท่าน จะเอาตัวรอด จัดอบรมไปงั้นๆ พวกเขายังฉลาดแบบศรีธนชัยกันอีกมาก
บางท่าน เข้าใจผิด คิดแบบหัวสี่เหลี่ยมว่า การได้ เข้าฟังบรรยาย นั่งฟัง นั่งจด แบ่งกลุ่ม ฯลฯ คือ การเรียนรู้ ในหัวพวกท่าน ยังเห็น ผู้เรียนเป็นวัตถุดิบ วิ่งเข้ากระบวนการอบ ตั้งเวลาไว้ เสร็จ ออกมา สุก กินได้เลย ก็เพราะ ยังไม่รู้จัก “วงจรเรียนรู้” เราคนจัด ก็ต้อง เมตตาเจ้านาย ด้วยการ แหย่ๆ แอบๆ คุยแลลแย็บๆ แกล้งเอา VCD เอาเทป หรือ หาเพื่อนของนายที่เข้าใจแล้ว ไปคุย ฯลฯ อย่าลืมนายพวกนี้อัตตาสูง จะเสียฟอร์มไม่ได้ เราก็ต้องฝึก เทคนิค TL ให้มากๆไว้ถาม จัดคนเรียน ผสมกัน นายกับลูกน้อง หรือ แยกกัน
ตอบ ผมชอบให้แยกกันนะ เพราะ บางที มีอะไรหลายๆอย่าง ที่ผม จะสอนนาย แล้ว นายหน้าแตกได้ ผมไม่อยากให้ลูกน้องมาเห็นสภาพนั้น
ถาม อาจารย์ เอา ความชั่วพวกเขามาแฉ ทำไมล่ะ
ตอบ คงไม่ได้ ระบุว่าเป็นใครนะ ผมก็ว่าไปตาม วิชาการ แต่ พวกคนเข้าเรียนเขารู้กันเอง บางทีผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวอย่างนายแย่ๆ นายโหดๆนั้น ไปโดนท่านที่นั่งฟังอยู่ แต่ คนในห้องรู้กันหมด ท่านนั้นก็ “ปูนร้อนท้อง” ออกอาการมาเลยก็มี ผมก็เสียใจนะ และต้องขอโทษด้วยหลายเรื่องที่สอน มัน “โดน” อย่างแรงครับ
อย่าลืมนะว่า เรากำลังเล่นกับ พฤติกรรมของคน สันดานของคน ปัญหาต่างๆในองค์กร ในสังคม ก็มาจาก “ สันดานที่ไม่ดี” และ คนไม่ดีมีมากกว่าคนดีนะ
ถาม อาจารย์เลือก ผู้เรียนด้วยหรือเปล่าตอบ ใช่ ผมไม่ค่อยจะรับงานสอนที่ไหนง่ายๆ เพราะ หากเจ้านาย ไม่เข้าใจ สไตล์การสอนของผม จะเกิดปัญหาทันที นายส่วนใหญ่ อยากได้ความสำเร็จแบบบะหมี่สำเร็จรูป ฉีกซองเติมน้ำร้อนกินได้เลย แล้ว ไปเชิญผม หรือ ไป จิกผมมาสอนแบบนี้ ผมก็ไม่ไปสอนให้ครับ
อยากให้มาเจอผม ในการบรรยายเรื่องธรรมะก่อน ไปปฏิบัติธรรมด้วยกันก่อน ปรับสันดานตนเองก่อน พัฒนาแนวคิดผู้บริหารก่อน พวกเขาตั้งใจทำ เข้าใจเรื่องที่จะทำหรือยัง
ถ้า เจ้านายยังงกๆเค็มๆอย่าเพิ่งมาเชิญผมไปสอนนะครับ
พวกครู มักติดนิสัย เอาผมไปสอนศีลธรรม สอนธรรมะลูกศิษย์ ผมก็จะปฏิเสธ เพราะ ตัวครูนั้นแหละ เข้าใจธรรมะดีพอหรือยัง ครูต้องฝึกตนเองก่อนครับ
พลังงานในการจัดการ บัวบางเหล่านั้น ใช้เยอะมากๆ สู้ไปช่วยบัวปริ่มน้ำก่อนดีกว่า จะได้มี “ภาคี” มาช่วยกันจัดการบัวในน้ำได้ต่อไป
ถาม ข้าม Module 1 นี้ ไปได้ใหม่ เพราะ บางคนไม่ว่าง บางคนบอกอ่านมามากแล้ว ขอไป Module 2 เลยได้ไหม
ตอบ ไม่ได้ครับ เพราะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่อ่านเองแล้วจะเข้าใจ การที่ได้มาเรียนร่วมกัน จะได้บรรยากาศ (Atmosphere) ได้การเรียนรู้เป็นทีม ได้ “พลัง”ของทีม เป็นอะไรที่ต้องผ่านกระบวนการ จะโดดข้ามไปรอปลายกระบวนการไม่ได้ถาม วัดผลการเรียนอย่างไร เจ้านายชอบถาม
ตอบ ถ้าเจ้านายถามคำถามแบบนี้ ผมก็ไม่ไปสอนครับ แสดงว่า ท่านยังไม่เข้าใจเรื่องการบริหารสมัยใหม่ ที่รักษาสมดุลย Soft side and hard sideเรื่องแนว soft side นี้ ไม่ง่ายนะครับ ผมใช้เวลา ไม่กี่เดือน ก็เข้าใจเรื่อง Hard side management แล้ว แต่ พอมาจับเรื่อง LO & KM ก็ต้องยอมรับว่า ยังไม่เก่งเลย ไม่รู้เข้าใจได้ถึงครึ่งหรือยัง
คนจัด ควรให้เจ้านายเข้าใจก่อน พาท่านไปดูงาน ไปเจอเพื่อนที่เข้าใจแล้ว หาหนังสือดีๆแนวนี้ให้ท่านได้อ่าน
เจ้านาย ที่ไม่เข้าใจ ไม่ศรัทธา สร้างภาพ จัดฉาก บ้ารางวัล เห่อเครื่องมือบริหารใหม่ ฯลฯ จะทำลาย LO & KM ย่อยยับ และ เมื่อย่อยยับไปแล้ว ก็ยากที่จะฟื้นกลับมาดีได้ง่ายๆ
การวัดผล อย่าเพิ่งไปทำเลย เพราะ เขาประเมินจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปครับ ใช้การสัมภาษณ์ การแอบดู การสนทนากัน ฯลฯ
อุปมากับการเลี้ยงลูก เราประเมิน ไม่ได้ว่าเขาเป็นอย่างไร นอกจากว่า เราจะสนิทกับเขา พูดคุยกับเขา ดูนิสัย แนวคิด ของเขา ฯลฯ คุยกับคนรอบข้างเขา
ถ้าเจ้านายอยากจะประเมินลูกน้อง ก็ลองถามตนเองว่า … “ท่าน (เจ้านาย) สนิทลูกน้องแค่ไหน? ” หรือ จะคบกันแค่ “เอาเงินไป เอางานมา” ตามแบบงกๆ เค็มๆ ที่ท่านถนัด
ขอบคุณครับอาจารย์
บันทึกนี้ทำเอาผมต้องทำ Deep Reading อีกแล้ว อ่านจบพบความจริง กระจ่างแจ้งครับ ว่าปัญหาใหญ่จริงๆของระบบการศึกษา การพัฒนาคนนั้น คือการไม่เข้าใจความหมายของการศึกษา และ การเรียนรู้ ที่ถูกต้อง จึงได้ยินคนพูด รู้แล้ว ๆ อยู่เต็มบ้านเต็มเมือง แต่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักที .. ก็มัวแต่รู้จด รู้จำ รู้นกแก้ว นกขุนทองกันไม่หยุดหย่อนนั่นแหละครับ การเรียน การสอน การสอบ ที่ทำๆกันอยู่ พิสูจน์ชัดว่ายังอยู่ในวังวนดังกล่าวครับ
การเรียนรู้มีได้หลายทาง สิ่งที่สำคัญเมื่อรับรู้จากทางเหล่านั้นแล้ว ลงมือลองปฏิบัติหรือยังในการที่จะเรียนรู้เรื่องเหล่านั้น
สวัสดีค่ะ อาจารย์
อ่านของอาจารย์ทำให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ เป็นเจ้านายที่อยากเป็นแบบที่อาจารย์พูดถึงมากๆแต่จากประสบการณ์ผู้บริหารระดับรองๆลงมาก็สำคัญเพราะบางคนจะคิดต่างจากเรา
ในระบบราชการ ถ้าเราเอาออกก็ไม่ได้ ทำให้ทำงานยากเหมือนกันค่ะ
ที่ท่องไว้คือไม่ท้อแท้และทำเท่าที่ทำได้ค่ะ
ขอบคุณที่ทำให้สว่างขึ้นมากค่ะ