มะม่วง มังคุด ทุเรียน


ลา ลูแบร์ ได้บันทึกจดหมายเหตุและวิพากษ์วิจารณ์

มะม่วง มังคุด ทุเรียน


มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสผู้มีอำนาจเต็มของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ซึ่งเข้ามาทูลพระราชสาส์นเจริญสัมพันธไมตรี กับสยามประเทศในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ราว พ.ศ.๒๒๓๐

ลา ลูแบร์ ได้บันทึกจดหมายเหตุและวิพากษ์วิจารณ์ถึงด้านต่างๆมากมายตามมุมมอง และกำลังสติปัญญา ในแง่ประวัติศาสตร์จึงต้องใช้วิจารณญาณโดยระมัดระวัง

สิ่งที่ลา ลูแบร์ บันทึกไว้เกี่ยวกับผลไม้มีความตอนหนึ่งว่า

"ผล Durion ในภาษาสยามว่า ทุเรียน (Tourien) เป็นผลไม้ที่มีผู้ชอบบริโภคกันมากในชมพูทวีป แต่ข้าพเจ้ารู้สึกทนไม่ไหวเพราะกลิ่นอันเลวร้ายของมัน"*

"ผล Mangue ในภาษาสยามเรียกว่า มะม่วง (Ma-moüang) ในชั้นแรกนั้นก็มีรสชาติเหมือนผลพีช pêche กับ อบริค็อท abricot รวมกัน แต่ในตอนท้ายรสมักจัดขึ้นเล็กน้อยและลดโอชารสไป"**

"ข้าพเจ้าไม่เคยได้เห็น มังคุด (mangoustan) ที่ว่ากันว่ามีรสชาติโอชะกว่ามะม่วงนั้นเลย"***

เมื่อมีหลักฐานดังนั้นแล้ว ทำให้ผู้เขียนฉงนใจถึงเรื่องเล่าอันเป็นที่ขบขันกัน ที่ว่ามีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาเที่ยวชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก แล้วเที่ยวถามนู่นถามนี่ว่าอะไร พอเห็นมะม่วงทุเรียนมังคุด ก็เข้าไปถามแม่ค้า ซึ่งได้คำตอบตามแบบแม่ค้า ฝรั่งซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์แต่จับไปกระเดียด เลยตั้งชื่อผลไม้ไทยเสียใหม่ว่า ดูเรียน แมงโก้ แมงโก้สทีน เนื้อหาของเรื่องเล่านี้ผู้เขียนก็มิได้ทราบอย่างละเอียดโดยตลอดเรื่อง แต่ก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมา

ก็ในเมื่อ ลา ลูแบร์ รู้จักชื่อผลไม้เหล่านี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว เรื่องตลกทำนองนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องจริง ด้วยเกรงว่าถ้าเล่าขานกันปากต่อปากไปเรื่อยๆ อาจทำให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงไปเสีย


อ้างอิง :
* มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ สันต์ ท. โกมลบุตร แปล จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม สำนักพิมพ์ศรีปัญญา นนทบุรี ๒๕๔๘ หน้า ๔๙๑
** เพิ่งอ้าง
*** เพิ่งอ้าง

หมายเลขบันทึก: 116101เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2007 15:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 16:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
ไม่ใช่ว่าทูตรู้จักแล้วก็จะรู้จักทั้งประเทศนะครับ. กินพีชกับอบริค็อทก็ไม่รู้สึกว่าจะอร่อยเลย.

กล่าวไปช่างน่าละอายนัก  ผมดันจำเรื่องเล่าดังกล่าวผิดๆไปเสียได้  ที่จริงแล้ว  เรื่องนี้ต้องมีผลไม้ "มะละกอ" อีกชนิดหนึ่ง แต่ไม่มีมะม่วงแต่อย่างใด

 เอาเป็นว่าผมมาขอแก้ตัวโดยเล่าเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษ

เรื่องมีอยู่ว่ามีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาเดินชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก (ข้อมูลตามที่ฟังมา) พอเห็นข้าวของแปลกๆก็เที่ยวถามนู่นถามนี่เรื่อยมาจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็น มะละกอเข้า ก็เกิดความสงสัยถามแม่ค้าว่า 

"นี่คืออะไร" ถามไม่ถามเปล่าๆยังเอามือไปจับของด้วยนี่สิ  แม่ค้าโมโหโทโส คว้าไม้จะตีหัวฝรั่ง  พอดีพลเมืองดีร้องห้ามไว้ว่า 

"ป้าป้าอย่า"  ฝรั่งฟังไม่ได้ศัพท์ก็จับไปกระเดียด ร้องอ๋อว่า  มันคือ papaya

(ต่อ)

ก็เลยได้ชื่อว่าปาปาย่านับแต่นั้น  เท่านี้ไม่พอฝรั่งคนเดิมหยิบมังคุดขึ้นมาถามว่า

"มันเรียกว่าแมงโก้ใช่หรือเปล่า?"  แม่ค้ารำคาญเต็มทนก็เลยตอบว่า

"แมงโก้ส้น...น นะสิ"  ฝรั่งจึงเข้าใจว่ามันคือ mangosteen พอไปเห็นหมอนทองก้านยาวเข้าก็ถามอีกว่ามันคืออะไร  แม่ค้าเหลืออดเต็มทนก็เลยกล่าวคำผรุสวาทออกไปว่า

"ทุเรศ"  ฝรั่งร้องอ๋อเข้าใจไปว่ามันคือ  ทุเรียน

เรื่องเล่าเรื่องนี้ฟังดูก็ขำๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก  หากคิดมากขึ้นมาเมื่อใดก็ลำบากแน่ๆ  เพราะผมเป็นคนคิดมากจึกต้องลำบากไปหาข้อมูลมาเพื่อตอบคำถามตัวเองว่าเรื่องนี้มันจริงเท็จแค่ไหน  ปรากฏว่าไปพบที่จดหมายเหตุของท่านเอกอักรราชทูตเข้าก็เลยเอามาบันทึกไว้

ส่วนมะละกอนั้นไม่ปรากฏในจดหมายเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด  กรณีนี้อาจพบที่อื่นก็เป็นได้  ที่แน่ๆมะละกอมีถิ่นกำเนินในอเมริกากลาง หาใช่สยามแต่อย่างใดไม่ 

อนึ่งหากท่านใดทราบประวัติของผลไม้ดังกล่าว จะช่วยไขความกระจ่างแจ้งแก่ใจให้ผมด้วยจะขอบพระคุณยิ่ง

 

อยากใด้เป็นหนังสือ

เข้ามาอ่านครับ เรื่อง แมงโก้ส้นตีน นี้ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ครับ

ใช่ครับคุณกวิน เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมานานโขแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท