โอ้ ดวงมณีในดวงบัว


โอม มณี ปัทเม หุม มนตราแห่งทิเบต พระคาถามนตราแห่งตันตระ วัชรยาน ที่นำความตระหนักรู้ มาสู่การลำดับจิตใจ จิตวิญญาณ เพื่อนำไปสู่แสงสว่างแห่งปัญญา ด้วยความตระหนักรู้ในรูปเสียงเพื่อปกป้องภายในด้านลบ แห่งจิตวิญญาณ

โอ้ ดวงมณีในดวงบัว  

โอม มณี ปัทเม หุม

OM MANE PADME HUM

   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ดั่งบทสวดพระคาถา ในคำจำกัดความเถรวาท และธรรมยุติ และเป็นดั่งบทสวดเรียกนามว่า MANTRA บทสวดมนตราแห่งตันตระ และวัชรยาน ในทิเบต</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">นามแห่งการกำลังการสรรเสริญ หรือการประกาศนาม ด้วยเสียงและดวงจิต การกำหนดรับรู้ เพื่อส่งผ่านความหมาย ด้วยกำลังแห่งการสรรเสริญ ด้วยหัวใจและจิตวิญญาณภายใน เพื่อไปสู่ แสงสว่างแห่งปัญญา</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">แสงสว่างแห่งปัญญา และ การตื่นรู้ คือสิ่งเดียวกัน</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลอมรวมด้วยความหมายว่า แสงสว่างแห่งความตระหนักรู้ในรูปเสียง เพื่อปกป้องด้านลบแห่งจิตวิญญาณ สร้างความผ่องใสให้เกิดขึ้นกับใจตน ความหมายแห่งบทสวดที่ราบสูงแห่งทิเบต จึงกลายเป็นดั่งคำขับขาน ถึงการระลึก ตระหนักรู้ และใคร่ครวญตนเอง ในทุกครั้งของการสวด</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สวดเพื่อตระหนักรู้</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">บทขับขานแห่งทิเบต เดิมใช้เพียงเสียงท่องมนตรา เสียงขับขาน ประกอบกับระฆังวัชระ มีเพียงเสียงของผู้คน และเสียงเคาะโลหะ</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลังจากนั้น ภายหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกองทัพปลดปล่อยประชาชน ยาตราเข้าสู่ที่ราบสูงทิเบต การแพร่กระจายในการทำลายล้าง ในยุคของยุวชนแดง ไม่เพียงทำลายโบราณสถาน แต่ยังพยายามจะทำลายมนตราแห่งจิตวิญญาณ แม้ว่าความพยายามในยุคแห่งการกดขี่ และใช้กำลังจะล้มเหลว แต่สิ่งที่ตามมา คือการแพร่กระจายมนตราแห่งการตระหนักรู้ ซึ่งเดินทางไปไกลเกินกว่าเราจะเข้าใจ</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เสียงเพลงและท่วงทำนองแบบจีนฮั่น กลายเป็นหนึ่งในพลังเติมเต็มการเดินทางของมนตรา โอม มณี ปัทเม หุม</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">จากทิเบต สู่เนปาล สู่ธรรมศาลา และโลกตะวันตก</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">จากทิเบต สู่แผ่นดินใหญ่จีน และประชาชนจีน ที่ร่วมตระหนักรับรู้ในบทสวดแห่งจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ความหมายแห่งแสงสว่างแห่งปัญญา เป็นดั่งบทสวดแห่งความเข้าใจในตนเอง สะท้อน รับรู้ ตระหนัก เท่าทัน และก้าวไปพร้อมหัวใจที่เคลื่อนไหว ไปด้วยจิตวิญญาณภายใน และหัวใจภายนอก ไม่ว่าจะปรุงแต่งด้วยสรรพสำเนียงใด หัวใจของมนตราบทนี้ ก็ยังคงดำรงอยู่</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">มนตราแห่งความตระหนักรู้ในตนเอง</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">มนตราแห่งแสงสว่างกลางใจ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>ข้อมูลอ้างอิง - เชื่อมโยง</p><p> http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/6892   </p><p>โอม มณี เป เม ฮง กรุณาเปิดเสียง “ โอม มณี เป เม ฮง “ โดยคลิกที่  โอม มณี เป เม ฮง     ด้านซ้ายมือ ใน หมวด Favorite Linkหรือคลิกที่ http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/6892  </p><p></p><p>โอม มณี เป เม ฮง ธิเบตออกเเป็น “โอม มณี เป เม หุง” จีนออกเป็น”โอม มณี แปะ มี่ ฮง โอม มณี ปัทเม หุม แปลตรงตัวคงแปลได้ว่า “โอ..ดวงมณีในดอกบัว” หรืออย่างที่ชาวจีนออกเสียงว่า “โอม มา นี แปะ หมี่ ฮง” มณีแห่งดอกบัวหรือหัวใจที่เบิกบาน ใจที่สะอาด สว่าง หลุดพ้น จากเครื่องพันธนาการ หลุดพ้นจากกิเลสที่ร้อยรัดให้เศร้าหมอง มณีแห่งปัญญาคือดอกบัวสว่างที่กลางใจ มณีนี้คือใจของเรา ดอกบัวคืออาสนะอันบริสุทธิ์ ดังนั้นผู้ที่ภาวนาพระคาถานี้อยู่เนืองๆ </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ย่อมเป็นผู้ที่มีแก้วสารพัดนึกที่จะเป็นอาสนะอันวิเศษ ซึ่งจะนำพาให้ไปถึงนิพพานโลกธาตุได้ในที่สุด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>มูลเหตุแห่งพระคาถา </p><p>ในครั้งที่พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรกำลังเข้าสมาธิบำเพ็ญบารมีอยู่นั้น หมู่มารได้มาราวีรังควาน แต่พระเมตตาพระองค์จึงไม่ได้ทรงตอบโต้ ยิ่งทำให้หมู่มารได้ใจราวีหนักขึ้น จนในที่สุดพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้ทรงเปล่งพระวาจาออกมาสั้น ๆ เพียง 6 คำ แต่เปี่ยมล้นด้วยบุญญาภินิหารอันยิ่งใหญ่ไพศาลมิอาจจะเปรียบประมาณได้ ซึ่งก่อกำเนิดมาจากก้นบึ้งแห่งดวงจิตที่ได้บำเพ็ญสั่งสมบุญบารมีมานานนับภพนับชาติไม่ถ้วน</p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ยิ่งกว่าเม็ดทรายในมหานทีคงคา พระคาถาอันกล่าวอ้างถึง บารมีธรรมแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหกประการ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>  พระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของชาวพุทธวัชรญาณ เป็นเสมือนหัวใจแห่งพุทธวัชรญาณ ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของพระคาถาบทนี้เอง ทำให้หมู่มารทั้งหลายต่างขวัญหนีแตกกระเจิงไปสิ้นอีกทั้งเหล่าทวยเทพยดาบนชั้นฟ้าต่างต้องสะดุดลุกขึ้นมาโมทนาโดยทั่วถ้วน <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) แปลว่า………</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>  ข้าพเจ้าขอนอบน้อมเอาพระรัตนตรัย และดวงใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์มาไว้ในดวงใจของข้าพเจ้า ก็คือ มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือ มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นที่พึ่งอันสูงสุด และมีจิตเป็นมหาเมตตากรุณาดุจดั่งพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า</p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วิธีทำสมาธิจะมี 2 รูปแบบ คือ:-</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>  รูปแบบที่ 1 จะใช้ลูกประคำ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">รูปแบบที่ 2 จะใช้เทปเสียงมหามนต์</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>  ในรูปแบบที่ 1 จะใช้ลูกประคำให้ทุกๆคน นำลูกประคำที่ถืออยู่ในมือขึ้นมา ลูกประคำจะต้องมีจำนวน 108 เม็ด เพราะถือว่าเป็น 1 รอบพุทธจักรอันมีมรรค และผลครบ 108 ซึ่งถือว่าเป็นลูกประคำที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็คือต้องมี 108 เม็ด ใน108เม็ดนี้จะมีประคำรัตนะ ให้ดูลูกเม็ดกลางใหญ่ซึ่งจะมีอยู่เม็ดหนึ่งที่ใหญ่ที่สุด1 เม็ด คือประคำรัตนะถือว่าเป็นลูกกลางซึ่งเราจะไม่นับเม็ดใหญ่นี้ เราจะเริ่มนับประคำเม็ดเล็กที่ติดกับประคำรัตนะ ใช้นิ้วกลางและนิ้วหัวแม่มือของมือขวาจับประคำเม็ดแรก แล้วก็ท่องมหามนต์ โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ให้เสียง <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ดังพอที่ตัวเราจะได้ยิน</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ๆ ๆ ……….</p>  โดยภาวนามหามนต์ โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ไปให้เสียงก้องอยู่รอบๆตัวเรา โดยท่อง โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) คำหนึ่งก็เลื่อนประคำจากเม็ดที่1 ไปยังประคำเม็ดที่2 แล้วก็ท่อง โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) อีกคำหนึ่งแล้วเลื่อนไปยังเม็ดที่3 แล้วก็ท่อง โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ทำเช่นนี้ไปทีละคำ ภาวนาไปทีละบท ๆ โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) เม็ดประคำหนึ่งเม็ด <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ก็เลื่อนไปเรื่อยๆ ไปจนถึงเม็ดประคำที่ 108 ก็จะได้ 108 จบ</p>  เมื่อครบ 108 จบ มือที่จับประคำแต่ละเม็ดท่องมหามนต์ไป 1 บท หากเราท่องมหามนต์จนประคำครบรอบ เราก็ได้ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ท่องมหามนต์ไปได้108 บท</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>  *** อย่าท่องข้าม ประคำรัตนะซึ่งเป็นเม็ดที่ยื่นออกมา <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">และมีปมเชือกห้อยอยู่ ซึ่งเราจะไม่นับเม็ด ประคำรัตนะนี้</p>  เมื่อท่องจนครบ 108 บทก็จะมาถึง ประคำรัตนะอีกด้านหนึ่ง ให้พลิกประคำกลับมาทางเดิม โดยใช้นิ้วมือพลิกกลับมาทางเดิม จากนั้นท่องมหามนต์รอบที่ 2 …………โดยเลื่อนนิ้วไปข้างหน้าจากประคำเม็ดที่ 108 กลับไปหาประคำเม็ดที่ 1 ใหม่ ประคำเม็ดที่ 108 ที่เราจับไว้ที่นิ้ว ให้เราพลิกนิ้วกลับมาเม็ดที่ 108 แล้วก็ท่อง โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) จากนั้นก็เลื่อนกลับมาเรื่อยๆจนถึงประคำเม็ดที่ 1 ก็เท่ากับว่าได้ท่องมหามนต์จบครบรอบที่ 2 แล้ว ในรอบที่ 3 ก็พลิกนิ้วประคำกลับไปใหม่ทำเหมือนรอบที่ 1 ให้ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อครบ 1 รอบประคำ ก็เท่ากับว่าเราได้ภาวนามหามนต์ โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ)ไป <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">108 ครั้ง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>  ในตอนฝึกใหม่ๆ เราอาจจะท่องวันละ 1-2 รอบ แล้วค่อยๆ พัฒนาให้มากขึ้นๆ จิตเราจะเป็นสมาธิจรดอยู่ในคำภาวนา โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ)อันเป็นมหากุศล ซึ่งจะชำระล้าง กาย วาจา ใจ ของเราให้ใส สะอาด บริสุทธิ์ เพื่อจะได้เป็นธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ประดุจหนึ่งเดียวกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  </p><p></p><p>ในรูปแบบที่ 2 จะใช้เทปเสียงมหามนต์ ให้เปิดเทปเสียงมหามนต์โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ซึ่งจะมีดนตรีประกอบคำสวดมหามนต์ โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ให้นั่งสมาธิแล้วสวดมหามนต์นี้ไปตามเสียงเพลง โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) เบาๆ พอที่ตัวเราจะได้ยินจนจิตเราเริ่มเข้าสู่ความสงบ ใจของเราก็จะไม่อยากออกเสียง ก็ค่อยๆหยุดสวด จิตก็จะดิ่งเข้าสู่สมาธิซึ่งจะเป็นความสงบที่แท้จริง สุข สงบ สว่าง จะประจักษ์แก่ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติจริงอย่างสม่ำเสมอ เสียงทิพย์แห่งมหามนต์ที่เราปฏิบัติทุกวันอย่างสม่ำเสมอนี้ จะก้องอยู่ทุกขณะจิตไม่ว่าเราจะเดิน ยืน นั่ง นอน โอม มณี ปัท เม ฮุม’ (เส้อ) ๆ ๆ จะก้องอยู่ทุกขณะจิต นับว่าเป็นวิธีที่ประเสริฐ์ในการฟื้นฟูชะรำจิตใจเราให้ใส สะอาด บริสุทธิ์ จิตใจของผู้ปฏิบัติก็จะพ้นจากเครื่องพันธนาการของกิเลส ตัณหา อวิชชาทั้งหลาย  จากประสบการณ์ในการปฏิบัติเราจะสัมผัสรู้ได้ว่า ………. การทำสมาธิด้วยเสียงมหามนต์นี้ หรือบทมนต์อันยิ่งใหญ่เพื่อการหลุดพ้นนี้ เราจะรู้สึกมีความปลื้มปิติ สุขมากในทันที ความปิติสุขนี้ลงมาจากสวรรค์ชั้นทิพย์ซึ่งอยู่เหนือสิ่งอื่นใดในโลก กาย ใจ จิตวิญญาณจะถูกชะล้าง วิถีชีวิตของผู้ปฏิบัติก็จะดีขึ้น ทั้งทางโลก และทางธรรม และเข้าสู่ความหลุดพ้นที่แท้จริง   </p><p></p><p>โดย buddhamantra </p><p>วันที่ เสาร์ กรกฎาคม 2550   </p>

หมายเลขบันทึก: 114178เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2007 22:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

โอม มณี ปัทเม หุม

โอม มาจากการสนธิกันระหว่างคำว่า อะ อุ มะ
เป็น ชื่อย่อ/ฉายา ของ  พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ ถ้าในทางพุทธ ใช้เป็นชื่อย่อ เรียก  พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
โอมมณี= พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คือแก้วมณี 
ปัทมี/ปัทเม/ปัทมะ/ปัทมา=ดอกบัว/หัวใจ
ฮุม=ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร

โอมมณีปัทเม=(ฉันมี)พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คือแก้วมณีอยู่ในใจ(ฉัน) 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท