เวลาเราพูดคุยกับคนที่มาจากองค์กรอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถเดาได้คร่าว ๆ ว่าองค์กรของเขา มีวัยวุฒิขนาดไหน
ใช้คำว่า วัยวุฒินี่ ฟังแล้วดูดีครับ
[...อย่างเช่น เจอนักศึกษาจบไปทำงานได้ปี-สองปี เจอหน้ากันแล้วผมรู้สึกว่าเขาชักจะมีการ "เทียบรุ่น" กับผมได้ เช่น เห็นริ้วลายหงสบาทบนหน้าชัด เริ่มมีหงอกแซม (กินเหล้าเยอะ) ผมก็จะชมว่าเขา ดูดี สุกงอมด้วยวัยวุฒิขึ้นจมเลย ส่วนใหญ่เขาฟังก็มักหัวเราะขวยเขินกัน ไม่ค่อยโกรธคนแก่อย่างผมเท่าไหร่..]
ที่เดาได้ เพราะวัยวุฒิ เกิดจากวิวัฒนาการ
องค์กรเอง มักมีลำดับวิวัฒนาการ ไม่ต่างจากคน สังคม หรือประเทศ ซึ่งผมลองประมวลดู ก็คงเห็นภาพทำนองนี้
สิ่งเหล่านี้ เป็นพล็อตน้ำเน่าที่เราคงเลี่ยงไม่ได้ ขึ้นกับว่า เราดันไปอยู่ตรงลำดับขั้นไหนของวิวัฒนาการ
อยู่ตอนต้นไปเลย ตอนปลายไปเลย ถือว่าเป็นโชค
ตอนกลาง ๆ นี่ ลำบากหน่อย เพราะมี กฎของป่า ให้เรียนรู้เยอะ เรียนรู้เร็ว ก็จะอยู่ตรงยอดของห่วงโซ่อาหาร เรียนรู้ช้า ก็จะโดนทักทาย "Welcome to my food chain !"
แต่ในองค์กรนี่ เป็น recursive function คือมักมีองค์กรซ้อนองค์กร หลั่นเรียงชั้นลงไป และแต่ละชั้น ก็มีระดับวิวัฒนาการที่แตกแขนงแยกขาดออกไปจากกัน คืออาจมีองค์กร at war ที่ซ้อนอยู่ในองค์กร at peace หรือกลับกันก็ได้ โดยองค์กรระดับมหภาค ก็แสดงพฤติกรรมโดยเฉลี่ยของระบบออกมา
ปัจจัยเร่งข้อแรก คงอยู่ที่ความแฟร์ ความเป็นกลาง ของคนชี้กลางที่คอยชี้ขาด ที่จะคอยเกลี่ยความเป็นธรรม
และอีกข้อ คือตัวคนในองค์กรเองด้วย ว่ารู้จักคุมสติตนเองได้แค่ไหน
ถ้ามีคนกลางดี องค์กรอาจข้ามขั้น ไปโตสุกงอมได้ ... ถ้าโชคดีถึงขนาดนั้นนะ
ใครฝันหวานว่าข้ามขั้นนี่ทำง่าย ระวังนะครับ ว่าตัวเองคิดแบบนกกระจอกเทศหลบพายุทรายหรือเปล่า