ครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนเจตคติของนักเรียนที่มีต่อวิชาสังคมศึกษาฯในเชิงลบได้ด้วยตัวครูเอง โดยการเล่าเรื่อง
เมื่อโรงเรียนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษาใหม่ ดิฉันต้องรับช่วงนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผ่านการเลื่อนชั้นมาเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบ เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อนักเรียนผ่านการเลื่อนชั้นเรียนขึ้นมา จาก ป. 1 – ป. 6 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมจะค่อยๆลดลงๆทุกทีๆ ถ้าหากผู้สอนลองสำรวจเจตคติของนักเรียนในวิชาสังคมศึกษาฯ จะพบว่ามีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่หาญกล้าแสดงตนออกมาว่าไม่ชอบเรียนวิชานี้ โดยให้เหตุผลต่างๆนานา เช่น เนื้อหามากเกินไป เนื้อหาซ้ำซ้อนซ้ำซาก นักเรียนขี้เกียจอ่าน งานเยอะแยะทำไม่ไหว เรียนไม่สนุก น่าเบื่อ นักเรียนไม่เห็นความสำคัญ ครูดุ ครูจู้จี้ขี้บ่น ไม่ชอบครูผู้สอน ฯลฯ ถึงแม้ครูผู้สอนจะพยายามจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ถึงขั้นพลิกตำราครูมืออาชีพ งัดทฤษฎีต่างๆเข้ามาจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียน แต่ก็ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านการเรียนดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก แล้ววันหนึ่งดิฉันก็ค้นพบโดยบังเอิญว่า ครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนเจตคติของนักเรียนที่มีต่อวิชาสังคมศึกษาฯในเชิงลบได้ด้วยตัวครูเอง โดยการเล่าเรื่อง เมื่อจบการเรียนการสอนในแต่ละภาคเรียน ดิฉันจะให้นักเรียนรวบรวมผลงานทำแฟ้มสะสมงาน และให้นักเรียนประเมินผลงานโดยตนเอง - เพื่อน - ผู้ปกครอง ครูผู้สอนแล้ว ดิฉันให้นักเรียนแสดงความรู้สึกที่มีต่อวิชาสังคมศึกษาฯอย่างเปิดกว้างเต็มที่ ( ครู/ การเรียนการสอน ) มีนักเรียนจำนวนมากเขียนแสดงความรู้สึกว่าชอบเรียนวิชาสังคมศึกษาฯมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยให้เหตุผลว่า เมื่อครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ การให้สืบค้นผู้สอนมีเรื่องเล่า เกร็ดความรู้ ข้อมูล ตำนาน ประสบการณ์ตรงของครูสอดแทรก เพิ่มเติม และเชื่อมโยงสู่เนื้อหาสาระในบทเรียนทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจที่คงทน การเล่าเรื่องกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนทำให้ อยากรู้ อยากฟัง อยากเรียน อยากสืบค้นเพิ่มเติม ผู้เรียนรู้สึกมีความสุขและสนุกในขณะเรียน ไม่เครียด ดังนั้นเรื่องเล่ายังนำไปสู่การซักถาม อภิปราย แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ เพื่อประมวลเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาสาระการเรียนรู้ ผู้สอนจึงได้แนวคิดว่าในการจัดการเรียนรู้ครูผู้สอนเป็นสื่อที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ครูต้องทำตนให้มีชีวิตชีวา เป็นผู้สร้างบรรยากาศ สร้างสีสัน เป็นขุมข้อมูลความรู้ให้แก่นักเรียน ไม่ใช่ป้อนความรู้ให้เพียงอย่างเดียว การให้นักเรียนสืบค้นแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีครูช่างเล่าที่มีเทคนิคการเล่าที่ดี เป็นแหล่งข้อมูล เกร็ดความรู้ สอดแทรก เพิ่มเติม เชื่อมโยงสู่เนื้อหาในการเรียนรู้ทำให้นักเรียนรู้ลึกรู้กว้าง รู้คงทนมากยิ่งขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้นและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาสังคมศึกษาฯ ครูผู้สอนต้องไม่กลัวการวิจารณ์ของนักเรียน การสำรวจเจตคติหรือการแสดงความรู้สึกที่เปิดกว้าง จะทำให้ครูรับรู้ถึงความต้องการซึ่งจะได้นำไปใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนของครูและกระบวนการเรียนการสอนซึ่งนับว่าเป็นการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนพึงพอใจในการรับบริการ ก่อให้เกิดเจตคติที่ดีในการเรียน เมื่อนั้นผลสัมฤทธิ์ในการเรียนที่ดีจะตามมาในภายหลัง
พรทิพา คำแหง
โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย (กระจ่าง สิงหเสนี)