+ |
ฝนดาวตกควอแดรนติคส์ (Quadrantids) 1-6 มกราคม |
เป็นฝนดาวตกเพียงชุดเดียวที่ตั้งชื่อตามกลุ่มดาวโบราณกลุ่มหนึ่ง (Quadrantids Muralis) ปัจจุบันไม่มีกลุ่มดาวนี้แล้ว ฝนดาวตกดูเสมือนพุ่งออกมาจากกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Bootes) ที่มีดาวฤกษ์สว่างมากอยู่ดวงหนึ่งคือ ดาวดวงแก้ว (Arcturus) แต่จุดกลางฝนดาวตกอยู่ทางเหนือของดาวดวงแก้วขึ้นไป ฝนดาวตกชุดนี้เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1-6 มกราคมของทุกปี ถือเป็นฝนดาวตกต้อนรับปีใหม่ ก็คงจะได้ แต่คืนที่มีดาวตกมากอยู่ระหว่างวันที่ 4-5 มกราคม ศูนย์กลางดาวตกจะขึ้นมาในเวลาประมาณ 02.00 น. เศษ ๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าเป็นช่วงที่มีดาวตกมาก จะมีค่า ZHR 60 เป็นดาวตกที่มีแสงสีหลากหลายสวยงาม
|
|
|
ความสนใจ : น่าดูพอสมควร และเกิดในช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้ามักแจ่มใส |
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวพิณ (Lyrids) 19-25 เมษายน |
|
|
เป็นฝนดาวตกที่มีศูนย์กลางดาวตกอยู่ในกลุ่มดาวพิณ (Lyra) ดางฤกษ์ดวงสว่างคือ ดาววีกา (Vega) ศูนย์กลางดาวตกจะอยู่ไปทางใต้ของดาววีกาเล็กน้อย ช่วงสูงสุดของดาวตกชุดนี้คือวันที่ 21 เมษายน ศูนย์กลางดาวตกขึ้นมาเวลาประมาณ 23.00 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่า ZHR 12 ซึ่งเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่ในอดีตเคยมีบันทึกว่ามีดาวตกเป็นจำนวนมากคือในปี 2465 และ ปี 2525 |
|
ความสนใจ : พอใช้ |
|
|
|
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Eta Aquarids) 24 เมษายน - 20 พฤษภาคม |
|
|
ต้นกำเนิดดาวตกคือดาวหางแฮลลีย์ (P/Halley) จุดศูนย์กลางดาวตกอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius) ไม่ค่อยมาดาวดวงสว่าง ช่วงสูงสุดคือวันที่ 5 พฤษภาคม ศูนย์กลางดาวตกจะขึ้นมา เวลาประมาณ 03.00 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้เล็กน้อย ค่า ZHR 40 (ฝนดาวตกจากกลุ่มดาวนี้ยังมีอีกแต่มีดาวตกจำนวนน้อยคือ Delta Aquarids ช่วงปลายเดือนมิถุนายน lota Aquarids ช่วง ต้นเดือนสิงหาคม) |
|
ความสนใจ : พอใช้ (ฤดูกาลไม่ค่อยเหมาะ) |
|
|
|
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวเปอร์เซอุส (Perseids) 23 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม |
|
|
เป็นฝนดาวตกที่มีความสวยงาม และมีจำนวนคงที่ใกล้เคียงกันในแต่ละปีจึงมีบันทึกการค้นพบและการสังเกต โดยให้เกียรติกับผู้ค้นพบและอธิบายปรากฏการณ์นี้ไว้ 2 คน คือ เอ็ดวาร์ด เฮอร์ริกค์ (Edward Herrick) และ อโดลฟี เควทีเล็ท (Adolphe Quetelet) ในปี พ.ศ. 2379 ในช่วงที่รู้จักฝนดาวตกชุดนี้มีดาวทุกสูงสุด (Peak) วันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแห่งการรำลึกนึกถึงนักบุญลอว์เรนซ์ (Saint Lawrence) ที่ถูกทรมาณและฆ่าตายวันที่ 10 สิงหาคม ในกรุงโรม ปีพ.ศ.801 จึงตั้งฉายาฝนดาวตกชุดนี้ว่าเป็นน้ำตาของนักบุญลอว์เรนซ์ (The tear of St. Lawrence) ปัจจุบันช่วงสูงสุดคือวันที่ 12 สิงหาคม ศูนย์กลางดาวตกขึ้นมาเวลาประมาณ 01.00 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในกลุ่มดาวเปอร์เซอุส (Perseus) ZHR 75 ต้นกำเนิดฝนดาวตกชุดนี้คือดาวหาง สวิฟท์-ทัดเทิล (P/Swift-Tuttle) |
|
ความสนใจ : มาก แต่เดือนสิงหาคมเป็นช่วงฤดูฝน |
|
|
|
|
|
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวนายพรานโอไรออน (Orionids) 16-27 ตุลาคม |
|
|
กลุ่มดาวนายพรานคนไทยรู้จักในนามของกลุ่มดาวเต่า เห็นเป็น 4 ดวงเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีดาว 3 ดวงเรียงเป็นแนวเส้นตรงอยู่ข้างใน คนไทยเรียกดาว 3 ดวงนี้ว่า ดาวไถ ดาวดวงเด่นสว่างสีแดง ที่เป็นส่วนของขาหน้าเต่าด้านซ้ายชื่อว่า เบทเทลจุส (Bettelgeux) จุดศูนย์กลางของฝนดาวตกชุดนี้อยู่ใกล้กับดวงดาวนี้ขึ้นไปทางทิศเหนือเล็กน้อย ช่วงสูงสุดคือวันที่ 22 ตุลาคม ศูนย์กลางดาวตกขึ้นเวลาประมาณ 23.00 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือเล็กน้อย ค่า ZHR 25 ต้นกำเนิดฝนดาวตกชุดนี้คือ ดาวหางแฮลลีย์ (P/Halley) ซึ่ง โลกโคจระเข้าไปในวงโคจรของดาวหางดวงนี้ 2 ครั้ง ที่อยู่คนละฟากของวงโคจร คือ ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม (Eta Aquarids) และกลางเดือน ตุลาคม (Orionids) |
|
ความสนใจ : พอใช้ เป็นช่วงฤดูฝนต้นหนาว |
|
|
|
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาววัว (Taurids) 20 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน |
|
|
เป็นฝนดาวตกที่มีช่วงระยะเวลายาวนานและกลุ่มดาววัวจะอยู่เหนือศีรษะผู้สังเกตทำให้สังเกตดีขึ้น มีดาวตกหลายรูปแบบ ต้นกำเนิดดาวตกคือดาวหาง เองเก (P/Encke) ช่วงสูงสุดคือวันที่ 3 พฤศจิกายน จุดศูนย์กลางดาวตกขึ้นมาเวลา ประมาณ 19.00 น. โดยจะอยู่ใต้กระจุกดาวลูกไก่ ไปทางทิศตะวันตกของดาวสีแดงที่เป็นเสมือนตาวัวที่มีชื่อว่า อัลดิบาแรน (Aldebaran) ค่า ZHR 10 เคยสร้างความประทับใจให้ผู้สังเกตในปี 2531 |
|
ความสนใจ : พอใช้ (เข้าสู่ฤดูหนาว) |
|
|
|
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต (Leonids) 15 – 20 พฤศจิกายน |
|
|
เป็นดาวตกต้นตำรับที่ทำให้เกิดการศึกษาดาราศาสตร์ สาขาอุกกาบาตขึ้นสถิติที่มีจำนวนฝนดาวตกสูงสุดจนเป็นพายุฝนดาวตก เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2509 จำนวนถึง 144,000 ครั้ง ต่อชั่วโมง ยังไม่ปรากฏการณ์ใดมาทำลายสถิตินี้ได้ การศึกษาที่สำคัญของฝนดาวตกชุดนี้คือเรื่องของคาบการโคจรของดาวหาง เทมเพล-ทัดเทิล (P/Tempel-Tuttle) 33 ปี ที่ทำให้ปรากฏการณ์ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโตน่าสนใจอย่างมากในทุกๆ รอบ 33 ปี ครั้งล่าสุดที่อยู่ในช่วงครบรอบการโคจร คือในปี พ.ศ. 2541 ในดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2541 จึงสร้างความน่าสนใจสูงสุดในช่วงวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2541 มีการคาดคะเนจำนวนดาวตกว่า |
|
|
|
จะมีมากมาย ทั่วทั้งโลกเฝ้าติดตามสังเกตปรากฏการณ์ในปีนั้นแต่ปรากฏว่าฝนดาวตกไม่ได้มีมากดังที่คาดคะเนกัน จึงเป็นข้อแสดงให้เห็นว่าการคำนวณปรากฏการณ์นี้มีโอกาสผิดพลาดได้อย่างมาก ผลของการเฝ้าติดตามปรากฏการณ์นี้ ในปี พ.ศ. 2541 มีประมาณ 350-400 ครั้งต่อไปชั่วโมงในช่วงสูงสุดปี พ.ศ. 2542 ผู้คนยังเฝ้าติดตามสังเกต มีบันทึกจำนวนดาวตกถึง 3,600 ครั้งต่อชั่วโมงในช่วงสูงสุด แต่ปีพ.ศ. 2543 จำนวนดาวตกลดน้อยลงเหลือประมาณ 500 ครั้งต่อชั่วโมงในช่วงสูงสุด มีการคาดคะเนกันว่าในปี พ.ศ. 2544 จะมีดาวตกประมาณ 5,000-8,000 ครั้ง ต่อชั่วโมงในช่วงสูงสุด (หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ก่อนปรากฏการณ์ในปี 2544 ดังนั้นจึงไม่รู้ผลของปรากฏการณ์ว่าเป็นอย่างไร)
ศูนย์กลางฝนดาวตกอยู่ในกลุ่มดาวสิงโตที่มีดาวฤกษ์เรียงกันเหมือนเคียวเกี่ยวข้าว ขึ้นมาจากขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือเล็กน้อย ในเวลาประมาณ 01.00 น. มีค่า ZHR ช่วงปกติ 15 แค่ถ้าเป็นช่วงครบรอบคาบการโคจรของดาวหางเทมเพล-ทัดเทิล และระยะใกล้เคียง มีโอกาสที่จะเห็นดาวตกจำนวนมาก |
|
ความสนใจ : มาก โดยเฉพาะถ้าเป็นช่วงมีดาวตกมาก ๆ เป็นพิเศษจะได้พบกับปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจ |
|
|
+ |
ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ (Geminids) 7-16 ธันวาคม |
|
|
มีคนจัดอันดับฝนดาวตกชุดนี้ให้เป็นชุดที่น่าดูที่สุดด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น มีดาวตกเฉลี่ยใกล้เคียงกันทุกปี ดาวตกมีความสว่างสวยงามปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่น่าเบื่อ และเป็นช่วงฤดูหนาวที่ท้องฟ้าแจ่มใส ฯลฯ กลุ่มดาวคนคู่เป็นกลุ่มดาวที่เกี่ยวข้องกับเดือนมิถุนายน มีดาวฤกษ์สว่าง 2 ดวงคือ พอลลักซ์ (Pollux) กับคาสเตอร์ (Castor) จุดศูนย์กลางดาวตกอยู่ใกล้กับดาวคาสเตอร์ขึ้นมาทางทิศตะวันออกในเวลาประมาณ 22.00 น. ช่วงที่มีดาวตกสูงสุดคือวันที่ 13-14 ธันวาคม ค่า ZHR 85
ฝนดาวตกชุดนี้เกิดจากดาวเคราะห์น้อย เฟธัน (3200 Phaethon) ถูกค้นพบในปีพ.ศ. 2526 โดย J.Davis และ S.Green จากข้อมูลของดาวเทียมสำรวจดาราศาสตร์ด้วยคลื่นอินฟราเรด IRAS (Infrared Astonomy Satellite) โดยเชื่อว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้คงเคยเป็นดาวหาง แต่ปัจจุบันหมดสภาพหรือเป็นดาวหางที่ตายดับไปแล้ว |
ความสนใจ : มาก |
|
|
|
|