การสะเดาะเคราะห์เป็นวิธีปฏิบัติอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อถือเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องไสยศาสตร์ หรือเรื่องอำนาจบันดาล ซึ่งเวลานี้เเพร่หลายมากในประเทศไทย เราควรจะวิเคราะห์ดูข้อเสีย
คนที่สะเดาะเคราะห์นั้น สิ่งที่ได้อย่างหนึ่งคือความสบายใจ ทำให้เกิดความอุ่นใจขึ้น หรืออาจจะมีความหวังและคนก็มองว่าการสะเดาะเคราะห์และเรื่องศักดิ์สิทธิหรืออำนาจบันดาลทั้งหมดนี้เป็นเรื่องศาสนา ก็มีคนพูดว่า ศาสนานั้นมีความหมายว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจช่วยปอลบประโลมจิตใจ บำรุงขวัญ มองในแง่นี้ก็เป็นประโยชน์อยู่ แต่ต้องพิจารณาหลายชั้น
เรื่องของไสยศาสตร์และความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารนี้ ทางพระพุทธศาสนาให้มองในแง่ของการปฏิบัติ คือไม่สนใจว่าจริงหรือไม่จริง คนทั่วไปมักจะเถียงกันในแง่ว่าจริงหรือไม่จริง แต่พระพุทธศาสนาสอนในแง่ความเชื่อและการปฏิบัติในเรื่องจำพวกนี้ มีคุณมีโทษอย่างไรมากกว่า เพราะถ้าเถียงกันว่าจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้จักจบ และไม่มีใครแพ้ชนะเด็ดขาด นอกจากนั้นถึงแม้เป็นจริงแต่ถ้าโทษมากกว่าคุณ ก็ไม่ควรเอาด้วย
ข้อพิจารณาที่สำคัญก็คือมองในแง่คุณและโทษในแง่นี้ทางพระพุทธศสนาให้มองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกลางๆ คือมองทั้งแง่ดีและแง่เสียทั้งคุณและแง่ของโทษ
ขอยกตัวอย่างประกอบตัวอย่างเช่นเรื่องพระมหาชนก เมื่อเรือแตกกลางทะเล คนทั้งหลายพากันมัวแต่ร้องไห้คร่ำครวญ อ้อนวอนขอให้เทพเจ้าช่วยบ้าง ก็ตายกันหมด แต่มหาชนกเอาเวลาระหว่างนั้นมาใช้สติปัญญาพิจารณาแก้ไขสถานการณ์โดยเตรียมตัวให้พร้อมที่จะว่ายนำ จึงรอดมาได้
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับเดี๋ยวว่างๆจะว่ากันถึงเรื่องไสยศาสตร์กันต่อไป
ไม่มีความเห็น