เวทีเรียนรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ หมู่ที่ 6 ตำบลมะม่วงสองต้น เวทีนี้ทีมคุณอำนวยมาเหมือนเดิม คือ ผม จากหน่วยงาน กศน. พี่เชาวนะ จากหน่วยงานเกษตร ส่วนพี่แขก จากสำนักงานพัฒนาชุมชน ต้องวิ่งรอกไปที่ตำบลท่างิ้ว เวทีของหมู่ที่ 6 จัดที่ ใต้อาคารประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบลมะม่วงสองต้น โดยเริ่มเวลา บ่ายโมง ซึ่งผู้ใหญ่ประกอบ รับประสานงานในเรื่องของสถานที่
เวทีของหมู่ที่ 6 ก็ยังคงมีผู้นำทั้ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะม่วงสองต้น รองนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมะม่วงสองต้น หมู่ที่ 6 และคณะกรรมการหมู่บ้าน รวมทั้ง 8 แกนนำ และยังมี พี่โค สมาชิกสภา อบต. หมู่ที่ 3 มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย พี่โคบอกว่า เตรียมความพร้อมเพื่อจัดเวทีในปีหน้า... ตอบซะผมชื่นใจเลยครับ...
เวทีแรกของหมู่ที่ 6 ผมยังใช้กระบวนการเดิมครับ... “โอ่งรับ-จ่าย” โดยชาวบ้านช่วยกันนำเสนอในเรื่องของรายได้ของแต่ละครัวเรือน และรายจ่ายของครอบครัวในภาพรวมของหมู่บ้าน และให้ร่วมกันสรุป หาแนวทางในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และนำไปสู่การออม ซึ่งผลก็ยังคงเป็นการลดรายจ่ายเกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกิน ไม่พ้นการปลูกผักเลี้ยงสัตว์ ไว้กินเอง โดยที่หมู่ที่ 6 มีการเสนอกิจกรรมของแต่ละครัวเรือนที่หลากหลายมาก ผมก็เลยอยากลองให้ทำเป็นรายครัวเรือนว่าเมื่อทำแล้วได้ผลอย่างไร โดยให้ทุกคนคิดกิจกรรมที่จะกลับไปทำที่บ้านของตัวเอง แล้วนำผลการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนกันไปเวทีหน้า
ผมคิดว่าการบ้านที่ให้ผู้เข้าร่วมเวทีหมู่ที่ 6 ในวันนี้ จะเกิดเป็นความรู้และมีตัวอย่างการเรียนรู้ของหมุ่บ้านที่หลากหลาย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นไปอย่างที่ทีมคุณอำนวยคิดหรือเปล่า...คงต้องรอดูกันครับ...
ปิดท้ายเวทีหมู่ที่ 6 ของตำบลมะม่วงสองต้นวันนี้ด้วยเวทีประชาคมเสนอโครงการ พพพ. เหมือนกัน ครับ... จากที่ผ่านมาหลายๆ หมู่บ้าน ผมคิดว่าชาวบ้านสามารถที่จะสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้โดยมีผู้นำกระบวนการ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เพียงแต่ตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ต้องมีให้เยอะและบ่อยครั้ง เช่น ที่ผ่านมามีโครงการอยู่ดีมีสุข และโครงการ พพพ. เข้ามาเป็นตัวกระตุ้นให้มีกระบวนการ ซึ่งน่าจะมีโครงการลักษณะนี้บ่อยๆ ชาวบ้านจึงจะเกิดกระบวนการร่วมคิดร่วมทำมากขึ้น
ผมไม่ได้กลัวว่าทีมคุณอำนวย จะไม่มีความหมายในสายตาชาวบ้าน แต่ผมคิดว่า หากเราจะพัฒนาวิธีการทำงานจากการมาร่วมเรียนรู้ เปลี่ยนจากผู้ทำกระบวนการกระตุ้นมาเป็นผู้ประสานให้เกิดกิจกรรมและเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลในยามที่ชาวบ้านมีปัญหาเจอทางตันก็สามารถที่จะ ทำหน้าที่ทำกระบวนการในการแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านเพื่อให้เดินกิจกรรมต่อไปได้
ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเราต้องเร่งทำอีกอย่างหนึ่งคือ... การสร้างคุณอำนวย ผู้นำกระบวนการในระดับชุมชนหมู่บ้านให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง นอกจากที่ให้ผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำเวทีประชาคมซึ่งเป็นคนเดิมๆ ผมคิดว่ามันจะทำให้คนในชุมชนมีความกล้าที่จะแสดงออกกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุมีผล และมองเห็นคุณค่าของคนเองและคุณค่าของผู้อื่นพร้อมทั้งยอมรับฟังความคิดเห็น และพร้อมที่จะนำมติของเวทีที่ประชุม หรือมติประชาคมไปปฏิบัติ ผมคิดว่าหากทำอย่างนี้ชุมชนหมู่บ้านจะเกิดการพัฒนาอย่างเข้มแข็งสมบูรณ์และยั่งยืนไม่มีความเห็น