ประวัติของเล่น


ของเล่นไทย
        อดีตในวัยเด็กดูเสมือนเป็นความทรงจำอันมั่นคงที่ไม่เคยลบเลือนหาย ต่างอย่างสิ้นเชิงกับปัจจุบันที่ไม่เคยหยุดนิ่งและแน่นอน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสนุกสนานของวัยเด็กแม้จะเหลือเพียงความทรงจำ แต่ของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยยังเป็นสิ่งหลงเหลือจากความสนุกสนานในวัยเยาว์ ของเล่นจึงเป็นมากไปกว่าวัตถุสิ่งของ ความทรงจำ ความฝัน ความสนุกสนานในวัยเยาว์ ยังฝังอยู่ในของเล่น และยิ่งไปกว่านั้นของเล่นยังเป็นตัวแทนของอดีตที่หลงเหลือมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน
            ของเล่นในอดีตไม่ได้มีวางขายมากมายก่ายกองเต็มท้องตลาดอย่างเช่นปัจจุบัน แต่มักเป็นของที่ผลิตขึ้นเองประยุกต์ดัดแปลงไปตามธรรมชาติแวดล้อม ของเล่นในแต่ละท้องถิ่นจึงมีความแตกต่างหลากหลายกันไป ในแง่นี้ของเล่นพื้นบ้านจึงเป็นทั้งวัตถุทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละท้องถิ่น และเป็นร่องรอยของอดีตที่แฝงอยู่ในของเล่น
คำสำคัญ (Tags): #ของเล่น
หมายเลขบันทึก: 107588เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2007 15:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

อยากได้รูป

ถ้ามีช่วยส่งมาทางเมล์ข้างบนนด้วยนะ

ประวัติของเล่น

ของเล่นไทยและวิวัฒนาการของเล่น

อดีตในวัยเด็กดูเสมือนเป็นความทรงจำอันมั่นคงที่ไม่เคยลบเลือนหาย ต่างอย่างสิ้นเชิงกับปัจจุบันที่ไม่เคยหยุดนิ่งและแน่นอน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสนุกสนานของวัยเด็กแม้จะเหลือเพียงความทรงจำ แต่ของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยยังเป็นสิ่งหลงเหลือจากความสนุกสนานในวัยเยาว์ ของเล่นจึงเป็นมากไปกว่าวัตถุสิ่งของ ความทรงจำ ความฝัน ความสนุกสนานในวัยเยาว์ ยังฝังอยู่ในของเล่น และยิ่งไปกว่านั้นของเล่นยังเป็นตัวแทนของอดีตที่หลงเหลือมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน

ของเล่นในอดีตไม่ได้มีวางขายมากมายก่ายกองเต็มท้องตลาดอย่างเช่นปัจจุบัน แต่มักเป็นของที่ผลิตขึ้นเองประยุกต์ดัดแปลงไปตามธรรมชาติแวดล้อม ของเล่นในแต่ละท้องถิ่นจึงมีความแตกต่างหลากหลายกันไป ในแง่นี้ของเล่นพื้นบ้านจึงเป็นทั้งวัตถุทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละท้องถิ่น และเป็นร่องรอยของอดีตที่แฝงอยู่ในของเล่น

การเล่นของเด็ก จากหลักฐานที่ปรากฏมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ แต่หลักฐานนั้นเป็นเพียงท่าทาง

และวิธีการเล่นที่สืบทอดต่อกันมาไม่มีการบันทึกๆไว้เป็นลายลักษณ์อักษร การเล่นที่มีการบันทึกๆไว้เป็นลาย

ลักษณ์อักษรนั้นเริ่มต้นในสมัยกรีก

ในหนังสือหมากาพย์อีเลียด (ILLIAD) ของโฮเมอร์ Homer และงานทางจิตรกรรมที่ค้นพบ การเล่นที่โฮเมอร์ได้กล่าวถึงไว้มีหลายอย่าง เช่น การแข่งม้า การชกมวย การเล่นมวยปล้ำ การวิ่งแข่ง การขว้างจักร การพุ่งเหลน การยิงธนู และอื่นๆซึ่งมีการจัดเทศกาลการแข่งขันกันโดยกำหนดเวลาไว้อย่างแน่นอนและสม่ำเสมอ และในสมัยนี้ได้มีการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกขึ้นด้วย

เมื่อเกิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นในระยะแรก ผู้เข้าแข่งขันจะฝึกฝนการเล่นต่างๆด้วยตนเอง จนถึงศตวรรษที่ 7 ก่อน

คริสตกาลจึงมีการฝึกฝนอย่างจริงจังตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างแน่นอน การเล่นเหล่านี้ยังมีการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กชาวกรีกด้วย

ในกรุงสปาร์ตา (Sparta) หลักสูตรภาคบังคับจะต้องมีการเล่นอยู่ด้วยและเด็กๆจะได้รับการฝึกฝนใกล้ชิดเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะชาวกรีกโบราณถือว่าความสมบูรณ์ของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการที่จะมีชีวิตอยู่รอด การเล่นของกรีกในช่วงนี้จึงมีลักษณะเน้นหนักในทางออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่

การเล่นของเด็กๆมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่และสภาพสังคม ประเทศส่วนมากมักมีการเล่นซึ่งเป็นการเล่นของผู้ใหญ่ เด็กก็จะทำตามอยู่บ้าง ประเทศทางแถบสแกนดิเนเวียมักจะมีการสร้างป่าและสถานที่ตื่นเต้นน่าผจญภัยให้เด็กๆเล่นส่วนประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาจะสร้างสถานที่เด็กๆที่เป็นสมาชิกจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันเช่น กองไฟ สร้างกระท่อม และกิจกรรมอื่นๆโดยเด็กเหล่านั้นจะมีผู้นำ

เมื่อ 4 ศตวรรษที่แล้วเด็กในยุคนั้นจะสนุกอยู่กับการเล่นใหม่เช่น “ ห่วง “ Hoop ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโรมัน และกรีกโบราณก็จะมีเล่นในช่วงนั้นด้วย

ว่าว เป็นการเล่นที่รู้จักในยุโรปเพราะได้แบบอย่างมาจากจีนและเผยแพร่ออกไป จนถึงศตวรรษที่ 17 จึงมีการเล่นที่นิยมแพร่หลายออกไป

การละเล่นในสมัยโบราณมีหลักฐานปรากฎเป็นภาพวาดอยู่หลายแห่งเช่น ปรากฎแจกันอายุ 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราชและบนกำแพงที่วาดภาพสีจากปอมเปอี ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เมืองเนเปิลและเมืองโพลุส ( Polluse ) ซึ่งเป็นภาพแสดงถึงการเล่นที่เป็นการต่อสู้กันระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ละฝ่ายจะทราบว่าใครเป็นผู้เล่นก่อนโดยการใช้เหรียญ หอยหรือใช้คำพูดตัดสิน

เมื่อทราบว่าฝ่ายใดเล่นก่อนแล้ว ฝ่ายที่เล่นก่อนจะแอบเข้าไปตีที่หลังทางด้านหลังอีกฝ่ายหนึ่ง จนกว่าฝ่ายที่ถูกตีจะตอบได้ว่าใครเป็นผู้ตี การเล่นแบบนี้ในอังกฤษเรียกว่า Hot Cockles และในฝรั่งเศสเรียกว่า La Main Chaude โดยจะมีคำร้องประกอบการเล่นด้วย เช่น Looby Loo หรือ Oats and Bean and Barlay Grew ผู้ที่ริเริ่มการเล่นชนิดนี้คือ เพลโต การเล่นแบบนี้เริ่มเล่นกันใน

อิตาลี และต่อมาก็เป็นที่นิยมของชาวยุโรป

เป็นที่น่าสังเกตว่า กำเนิดของการละเล่นหลายอย่าง เช่น วิ่ง่ไล่จับ หรือโปลิสจับขโมย ( Prisoner’s Base ) มีการเล่นตั้งแต่เทศกาลโอลิมปิกครั้งแรก ๆ

ส่วนการเล่นซ่อนหา ( Hide and Seek ) เริ่มต้นจากจากประเพณีที่ผู้คนจะออกจากนอกบ้านในฤดูใบไม้ผลิเพื่อหานก ดอกไม้และแมลง จากนั้นก็นำกลับมาบ้านเพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม่ผลิมาถึงแล้ว ในยุโรปบางประเทศผู้ซ่อนจะเลียนแบบนก เพื่อซ่อนเร้นผู้ที่มีหน้ามี่หานก

การเล่นบางประเภทผู่ใหญ่จะให้การสนับสนุนและเป็นผู้สอนให้เด็กตั้งแต่ยังเป็นทารก เช่น การสื่อสารด้วยใบหน้า การใช้นิ้วมือหรือนิ้วเท้าแสดงท่าทาง เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนก็จะมีการเล่นที่โรงเรียนให้เด็กได้สนุกสนานเพลิดเพลินด้วย เช่น เบสบอล การชกมวย ฟุตบอล เทนนิส และกีฬาอีกหลายประเภท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเด็ก ๆ มีร่างกายที่แข็งแรง มีศีลธรรม มีน้ำใจเป็นนักกีฬา

เป็นที่น่าสังเกตว่าการเล่นแบบนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษา แล้วค่อย ๆ มีอิทธิพลต่อชีวิตต่อชีวิตเด็ก ส่วนการเล่นที่เป็นการเล่นดั้งเดิมตามท้องถิ่นต่าง ๆ จะมีให้เล่นในการฝึกลูกเสือ เนตรนารี บางครั้งมีการสอนร้องเพลงถิ่นด้วย

ตัวอย่างของเล่นไทย

รองเท้ากะลา

หากะลามะพร้าวด้านที่มีรู มา 1คู่

ใช้เชือกกล้วยชุบน้ำให้เหนียว

ถ้าไม่ชุบน้ำเชือกกล้วยแห้งจะขาดง่าย

ผูกใต้กะละหาไม้หักเป็นท่อน ๆ ละ 1 นิ้วผูกเป็นแกนไว้

แหย่ปลายเชือกลอดรูกระลาขึ้นมา

อีกข้างก็ทำเหมือนกัน

เวลาจะใช้เดิน ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เท้าหนีบเชือกไว้

ปืนและม้าก้านกล้วย

ปืน - ตัดก้านกล้วยยาวประมาณ 1 ฟุต

ใช้มีดบางฝานเป็นแว่น จากข้างล่างขึ้นข้างบน

เหลือส่วนหัวติดไว้ไม่ต้องฝานจนหลุด

ใช้มือหักขึ้นไปแล้วก็ตบกลับลงมาพร้อมกัน

เสียงดัง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ สาม สี่ครั้ง เหมือนเสียงปืน

เด็กๆจะทำเสียงร้องปัง ปัง ปัง ไปด้วยขณะยิงเล่นกัน

สำหรับม้า ใช้ก้านกล้วยทั้งก้าน

ด้านใหญ่ใช้มีดบางฝานหูสองแว่น

ข้างใต้ฝานอีกหนึ่งแว่น เล็ก ๆ

หักด้านบนลงมารอยฝานหูทั้งสองข้างจะตั้งขึ้นเป็นหูม้า

ส่วนที่ถูกหักลงมาจะเป็นหน้าม้า

สอดมีดพกด้านบนของก้านกล้วยกรีดมาจรดปลายเล็ก

พับด้านล่างหักกลางลำตัว

ดึงส่วนบนที่กรีดยาวนั้นเป็นสายเชือกม้า

เวลาเล่น เด็กๆ เอาขาสอดคร่อมก้านกล้วยที่เป็นลำตัว

ดึงส่วนที่เป็นเชือกคล้องบ่า

วิ่งควบปุเลง ๆ ร้องฮี้ ๆ ปัง ๆ พร้อมทั้งยิงปืนก้านกล้วยไปด้วย

รถลากกาบหมาก

ต้นหมากจะผลัดกิ่งก้านอยู่เสมอ

และเมื่อแก่ ก็จะหลุดลงมาทั้งกาบหุ้มด้วย

ซึ่งกาบ จะมีลักษณะ โค้งโอบขึ้นมา

เด็กลงไปนั่งได้ ใช้เป็นรถลากอย่างวิเศษ

คนนั่งจะจับ ขอบ ทั้งสองของกาบหมากให้แน่นๆ

คนลากจะจับทางหมากตรงปลายที่มีใบ

แล้ววิ่งไป พอเหนื่อย ก็ผลัดกันมาเป็นคนนั่งบ้าง

ลูกข่าง

เป็นของเล่นเด็กไทย ที่นิยมเล่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ลูกข่าง และเชือก

วิธีการเล่น

- นำลูกข่างที่ทำเสร็จแล้วมาพันด้วยเชือก

เริ่มจากซ่อนปลายเชือกแนบตัวลุกข่างไปจนถึงตัวตะปู

- จากนั้นพันเชือกตั้งแต่ตะปูย้อนกลับขึ้นมาทับปลายเชือก

ซึ่งแนบกับตัวลูกข่างให้มากที่สุดและแน่น

- โยนลูกข่างที่พันเชือกแล้วไปกลางวงหรือบริเวณพื้นทีเรียบลุกข่างจะหมุน

ลูกข่างในรูปแบบสมัยใหม่แต่หลักการเล่นยังเหมือนเดิม

นอกจากนี้การเล่นลูกข่าง เป็นการเล่นเพื่อความสนุกสนาน

ในเทศกาลต่างๆของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เช่น วันขึ้นปีใหม่

เป็นการเล่นพื้นบ้านที่มีมานาน สืบทอดต่อเนื่องกันมาจากรุ่นต่อรุ่น

เป็นการฝึกทักษะให้เด็กรู้จักคิด.. การใช้อวัยวะมือ

ให้สัมพันธ์กับการสั่งการของสมอง ในขณะขว้างลูกข่างให้หมุน

มีการเล่นแพร่หลายทั่วไปในปัจจุบันทุกภาค จึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ

เช่น หมากช่าง หมากหมุน หมากปิน เป็นต้น

วัสดุอุปกรณ์ในการทำลูกข่าง

ไม้

มีด

ตะปู

เชือก

ไม้โผละ

เป็นของเล่นเด็กไทย

ที่นำวัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัวมาประดิษฐ์เป็นของเล่น

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ไม้ไผ่รวก, กระดาษชุบน้ำ

วิธีเล่น

ตัดไม้ไผ่รวกยาวประมาณ 1 ฟุต เป็นกระบอก

เหลาไม้ไผ่เป็นก้านยาว ประกอบเข้าด้ามเป็นแก่น

นำกระดาษชุบน้ำปั้นเป็นก้อนกลม

มาอัดที่ปากกระบอกใช้แก่นกระทุ้ง

ลูกกระดาษจะกระเด็นออกไปเสียดัง “โพละ”

ตีลูกล้อ

เป็นของเล่นของเด็กไทย ที่ต้องอาศัยทักษะและความรวดเร็ว

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ไม้ส่งขนาดเหมาะสมกับมือผู้เล่น

วิธีการเล่น

นำลูกล้อมายังจุดเริ่มต้น ใช้ไม้ส่งลูกล้อตีลูกล้อให้กลิ้งไป

คอยเลี้ยงลูกล้อไว้ให้กลิ้งไปข้างหน้าโดยไม่ให้ลูกล้อสะดุดพลิกคว่ำ

หากใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ

ทำไมไม่มีรูปอ่ะ

ขอบคุนมากทัมงานเส่จจนใด้

kiul

ใด้งานส่งอาจารแร่วคับ แต้งกิ้ว ว คับ

กฟไกด

พอดีผมสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ของเล่นครับ พออ่านข้อมูลแล้วน่าสนใจ

เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ ขออนุญาตินำบทความนี้ ไปเขียนเป็นธีสิตนะครับ

ประวัติของเล่น

ของเล่นไทยและวิวัฒนาการของเล่น

อดีตในวัยเด็กดูเสมือนเป็นความทรงจำอันมั่นคงที่ไม่เคยลบเลือนหาย ต่างอย่างสิ้นเชิงกับปัจจุบันที่ไม่เคยหยุดนิ่งและแน่นอน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสนุกสนานของวัยเด็กแม้จะเหลือเพียงความทรงจำ แต่ของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยยังเป็นสิ่งหลงเหลือจากความสนุกสนานในวัยเยาว์ ของเล่นจึงเป็นมากไปกว่าวัตถุสิ่งของ ความทรงจำ ความฝัน ความสนุกสนานในวัยเยาว์ ยังฝังอยู่ในของเล่น และยิ่งไปกว่านั้นของเล่นยังเป็นตัวแทนของอดีตที่หลงเหลือมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน

ของเล่นในอดีตไม่ได้มีวางขายมากมายก่ายกองเต็มท้องตลาดอย่างเช่นปัจจุบัน แต่มักเป็นของที่ผลิตขึ้นเองประยุกต์ดัดแปลงไปตามธรรมชาติแวดล้อม ของเล่นในแต่ละท้องถิ่นจึงมีความแตกต่างหลากหลายกันไป ในแง่นี้ของเล่นพื้นบ้านจึงเป็นทั้งวัตถุทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละท้องถิ่น และเป็นร่องรอยของอดีตที่แฝงอยู่ในของเล่น

การเล่นของเด็ก จากหลักฐานที่ปรากฏมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ แต่หลักฐานนั้นเป็นเพียงท่าทาง

และวิธีการเล่นที่สืบทอดต่อกันมาไม่มีการบันทึกๆไว้เป็นลายลักษณ์อักษร การเล่นที่มีการบันทึกๆไว้เป็นลาย

ลักษณ์อักษรนั้นเริ่มต้นในสมัยกรีก

ในหนังสือหมากาพย์อีเลียด (ILLIAD) ของโฮเมอร์ Homer และงานทางจิตรกรรมที่ค้นพบ การเล่นที่โฮเมอร์ได้กล่าวถึงไว้มีหลายอย่าง เช่น การแข่งม้า การชกมวย การเล่นมวยปล้ำ การวิ่งแข่ง การขว้างจักร การพุ่งเหลน การยิงธนู และอื่นๆซึ่งมีการจัดเทศกาลการแข่งขันกันโดยกำหนดเวลาไว้อย่างแน่นอนและสม่ำเสมอ และในสมัยนี้ได้มีการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกขึ้นด้วย

เมื่อเกิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นในระยะแรก ผู้เข้าแข่งขันจะฝึกฝนการเล่นต่างๆด้วยตนเอง จนถึงศตวรรษที่ 7 ก่อน

คริสตกาลจึงมีการฝึกฝนอย่างจริงจังตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้อย่างแน่นอน การเล่นเหล่านี้ยังมีการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กชาวกรีกด้วย

ในกรุงสปาร์ตา (Sparta) หลักสูตรภาคบังคับจะต้องมีการเล่นอยู่ด้วยและเด็กๆจะได้รับการฝึกฝนใกล้ชิดเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะชาวกรีกโบราณถือว่าความสมบูรณ์ของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการที่จะมีชีวิตอยู่รอด การเล่นของกรีกในช่วงนี้จึงมีลักษณะเน้นหนักในทางออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่

การเล่นของเด็กๆมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่และสภาพสังคม ประเทศส่วนมากมักมีการเล่นซึ่งเป็นการเล่นของผู้ใหญ่ เด็กก็จะทำตามอยู่บ้าง ประเทศทางแถบสแกนดิเนเวียมักจะมีการสร้างป่าและสถานที่ตื่นเต้นน่าผจญภัยให้เด็กๆเล่นส่วนประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาจะสร้างสถานที่เด็กๆที่เป็นสมาชิกจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันเช่น กองไฟ สร้างกระท่อม และกิจกรรมอื่นๆโดยเด็กเหล่านั้นจะมีผู้นำ

เมื่อ 4 ศตวรรษที่แล้วเด็กในยุคนั้นจะสนุกอยู่กับการเล่นใหม่เช่น “ ห่วง “ Hoop ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโรมัน และกรีกโบราณก็จะมีเล่นในช่วงนั้นด้วย

ว่าว เป็นการเล่นที่รู้จักในยุโรปเพราะได้แบบอย่างมาจากจีนและเผยแพร่ออกไป จนถึงศตวรรษที่ 17 จึงมีการเล่นที่นิยมแพร่หลายออกไป

การละเล่นในสมัยโบราณมีหลักฐานปรากฎเป็นภาพวาดอยู่หลายแห่งเช่น ปรากฎแจกันอายุ 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราชและบนกำแพงที่วาดภาพสีจากปอมเปอี ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เมืองเนเปิลและเมืองโพลุส ( Polluse ) ซึ่งเป็นภาพแสดงถึงการเล่นที่เป็นการต่อสู้กันระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ละฝ่ายจะทราบว่าใครเป็นผู้เล่นก่อนโดยการใช้เหรียญ หอยหรือใช้คำพูดตัดสิน

เมื่อทราบว่าฝ่ายใดเล่นก่อนแล้ว ฝ่ายที่เล่นก่อนจะแอบเข้าไปตีที่หลังทางด้านหลังอีกฝ่ายหนึ่ง จนกว่าฝ่ายที่ถูกตีจะตอบได้ว่าใครเป็นผู้ตี การเล่นแบบนี้ในอังกฤษเรียกว่า Hot Cockles และในฝรั่งเศสเรียกว่า La Main Chaude โดยจะมีคำร้องประกอบการเล่นด้วย เช่น Looby Loo หรือ Oats and Bean and Barlay Grew ผู้ที่ริเริ่มการเล่นชนิดนี้คือ เพลโต การเล่นแบบนี้เริ่มเล่นกันใน

อิตาลี และต่อมาก็เป็นที่นิยมของชาวยุโรป

เป็นที่น่าสังเกตว่า กำเนิดของการละเล่นหลายอย่าง เช่น วิ่ง่ไล่จับ หรือโปลิสจับขโมย ( Prisoner’s Base ) มีการเล่นตั้งแต่เทศกาลโอลิมปิกครั้งแรก ๆ

ส่วนการเล่นซ่อนหา ( Hide and Seek ) เริ่มต้นจากจากประเพณีที่ผู้คนจะออกจากนอกบ้านในฤดูใบไม้ผลิเพื่อหานก ดอกไม้และแมลง จากนั้นก็นำกลับมาบ้านเพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม่ผลิมาถึงแล้ว ในยุโรปบางประเทศผู้ซ่อนจะเลียนแบบนก เพื่อซ่อนเร้นผู้ที่มีหน้ามี่หานก

การเล่นบางประเภทผู่ใหญ่จะให้การสนับสนุนและเป็นผู้สอนให้เด็กตั้งแต่ยังเป็นทารก เช่น การสื่อสารด้วยใบหน้า การใช้นิ้วมือหรือนิ้วเท้าแสดงท่าทาง เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนก็จะมีการเล่นที่โรงเรียนให้เด็กได้สนุกสนานเพลิดเพลินด้วย เช่น เบสบอล การชกมวย ฟุตบอล เทนนิส และกีฬาอีกหลายประเภท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเด็ก ๆ มีร่างกายที่แข็งแรง มีศีลธรรม มีน้ำใจเป็นนักกีฬา

เป็นที่น่าสังเกตว่าการเล่นแบบนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษา แล้วค่อย ๆ มีอิทธิพลต่อชีวิตต่อชีวิตเด็ก ส่วนการเล่นที่เป็นการเล่นดั้งเดิมตามท้องถิ่นต่าง ๆ จะมีให้เล่นในการฝึกลูกเสือ เนตรนารี บางครั้งมีการสอนร้องเพลงถิ่นด้วย

ตัวอย่างของเล่นไทย

รองเท้ากะลา

หากะลามะพร้าวด้านที่มีรู มา 1คู่

ใช้เชือกกล้วยชุบน้ำให้เหนียว

ถ้าไม่ชุบน้ำเชือกกล้วยแห้งจะขาดง่าย

ผูกใต้กะละหาไม้หักเป็นท่อน ๆ ละ 1 นิ้วผูกเป็นแกนไว้

แหย่ปลายเชือกลอดรูกระลาขึ้นมา

อีกข้างก็ทำเหมือนกัน

เวลาจะใช้เดิน ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เท้าหนีบเชือกไว้

ปืนและม้าก้านกล้วย

ปืน - ตัดก้านกล้วยยาวประมาณ 1 ฟุต

ใช้มีดบางฝานเป็นแว่น จากข้างล่างขึ้นข้างบน

เหลือส่วนหัวติดไว้ไม่ต้องฝานจนหลุด

ใช้มือหักขึ้นไปแล้วก็ตบกลับลงมาพร้อมกัน

เสียงดัง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ สาม สี่ครั้ง เหมือนเสียงปืน

เด็กๆจะทำเสียงร้องปัง ปัง ปัง ไปด้วยขณะยิงเล่นกัน

สำหรับม้า ใช้ก้านกล้วยทั้งก้าน

ด้านใหญ่ใช้มีดบางฝานหูสองแว่น

ข้างใต้ฝานอีกหนึ่งแว่น เล็ก ๆ

หักด้านบนลงมารอยฝานหูทั้งสองข้างจะตั้งขึ้นเป็นหูม้า

ส่วนที่ถูกหักลงมาจะเป็นหน้าม้า

สอดมีดพกด้านบนของก้านกล้วยกรีดมาจรดปลายเล็ก

พับด้านล่างหักกลางลำตัว

ดึงส่วนบนที่กรีดยาวนั้นเป็นสายเชือกม้า

เวลาเล่น เด็กๆ เอาขาสอดคร่อมก้านกล้วยที่เป็นลำตัว

ดึงส่วนที่เป็นเชือกคล้องบ่า

วิ่งควบปุเลง ๆ ร้องฮี้ ๆ ปัง ๆ พร้อมทั้งยิงปืนก้านกล้วยไปด้วย

รถลากกาบหมาก

ต้นหมากจะผลัดกิ่งก้านอยู่เสมอ

และเมื่อแก่ ก็จะหลุดลงมาทั้งกาบหุ้มด้วย

ซึ่งกาบ จะมีลักษณะ โค้งโอบขึ้นมา

เด็กลงไปนั่งได้ ใช้เป็นรถลากอย่างวิเศษ

คนนั่งจะจับ ขอบ ทั้งสองของกาบหมากให้แน่นๆ

คนลากจะจับทางหมากตรงปลายที่มีใบ

แล้ววิ่งไป พอเหนื่อย ก็ผลัดกันมาเป็นคนนั่งบ้าง

ลูกข่าง

เป็นของเล่นเด็กไทย ที่นิยมเล่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ลูกข่าง และเชือก

วิธีการเล่น

  • นำลูกข่างที่ทำเสร็จแล้วมาพันด้วยเชือก

เริ่มจากซ่อนปลายเชือกแนบตัวลุกข่างไปจนถึงตัวตะปู

  • จากนั้นพันเชือกตั้งแต่ตะปูย้อนกลับขึ้นมาทับปลายเชือก

ซึ่งแนบกับตัวลูกข่างให้มากที่สุดและแน่น

  • โยนลูกข่างที่พันเชือกแล้วไปกลางวงหรือบริเวณพื้นทีเรียบลุกข่างจะหมุน

ลูกข่างในรูปแบบสมัยใหม่แต่หลักการเล่นยังเหมือนเดิม

นอกจากนี้การเล่นลูกข่าง เป็นการเล่นเพื่อความสนุกสนาน

ในเทศกาลต่างๆของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เช่น วันขึ้นปีใหม่

เป็นการเล่นพื้นบ้านที่มีมานาน สืบทอดต่อเนื่องกันมาจากรุ่นต่อรุ่น

เป็นการฝึกทักษะให้เด็กรู้จักคิด.. การใช้อวัยวะมือ

ให้สัมพันธ์กับการสั่งการของสมอง ในขณะขว้างลูกข่างให้หมุน

มีการเล่นแพร่หลายทั่วไปในปัจจุบันทุกภาค จึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ

เช่น หมากช่าง หมากหมุน หมากปิน เป็นต้น

วัสดุอุปกรณ์ในการทำลูกข่าง

ไม้

มีด

ตะปู

เชือก

ไม้โผละ

เป็นของเล่นเด็กไทย

ที่นำวัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัวมาประดิษฐ์เป็นของเล่น

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ไม้ไผ่รวก, กระดาษชุบน้ำ

วิธีเล่น

ตัดไม้ไผ่รวกยาวประมาณ 1 ฟุต เป็นกระบอก

เหลาไม้ไผ่เป็นก้านยาว ประกอบเข้าด้ามเป็นแก่น

นำกระดาษชุบน้ำปั้นเป็นก้อนกลม

มาอัดที่ปากกระบอกใช้แก่นกระทุ้ง

ลูกกระดาษจะกระเด็นออกไปเสียดัง “โพละ”

ตีลูกล้อ

เป็นของเล่นของเด็กไทย ที่ต้องอาศัยทักษะและความรวดเร็ว

อุปกรณ์ในการเล่น ได้แก่ ไม้ส่งขนาดเหมาะสมกับมือผู้เล่น

วิธีการเล่น

นำลูกล้อมายังจุดเริ่มต้น ใช้ไม้ส่งลูกล้อตีลูกล้อให้กลิ้งไป

คอยเลี้ยงลูกล้อไว้ให้กลิ้งไปข้างหน้าโดยไม่ให้ลูกล้อสะดุดพลิกคว่ำ

หากใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท