ในการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศนั้น ราคาสินค้าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเสนอราคาแก่ลูกค้ารายใด ผู้บริหารควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการตั้งราคาเพื่อการส่งออก ดังต่อไปนี้
♞ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้า อุปสงค์ในตัวสินค้า ช่องทางการจำหน่ายและสภาวะการแข่งขันในตลาดที่จะวางตัวสินค้า
♞ นโยบายในการตั้งราคาจะขึ้นกับนโยบายด้านการตลาดธุรกิจ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปดังต่อไปนี้
♙ การตั้งราคาแบบเจาะตลาด เป็นการตั้งราคาเพื่อเพิ่มยอดขายและมุ่งหวังที่จะครองตลาดอย่างรวดเร็ว จึงตั้งราคาต่ำเพื่อจูงใจลูกค้าโดยตรง
♙ การตั้งราคาตามความยืดหยุ่น ให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันและสภาพเศรษฐกิจ โดยพยายามรักษาส่วนครองตลาดของกิจการไว้ไม่ให้ลดลงกว่าเดิม
♙ การตั้งราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องการให้ได้กำไรมากที่สุดเหมาะกับสินค้าที่มีอุปสงค์มาก แต่มีผู้เสนอขายในตลาดน้อย และกิจการอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบในการแข่งขันหรือเป็นผู้วางสินค้าในตลาดก่อนผู้อื่น
♞ ต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการส่งออก ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็น ต้นทุนผลิตสินค้าจากโรงงาน ค่าขนส่งสินค้าจากโรงงานผู้ผลิตจนถึงมือลูกค้าหรือคลังสินค้าของผู้นำเข้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้านการส่งออก เช่น ค่าบรรจุหีบห่อ ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ฯลฯ
♞ กฎระเบียบบังคับของหน่วยงานต่าง ๆ ทางราชการทั้งของผู้ส่งออกและประเทศผู้นำเข้า ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป ทำให้ไม่อาจกำหนดราคาขายได้ตามต้องการ
♞ ระบบภาษี และภาษีศุลกากร ทั้งของประเทศผู้ส่งออกและประเทศผู้นำเข้า ผู้ส่งออกควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีทุกประเภทอันเกิดจากการส่งสินค้าออกหรือนำสินค้าเข้าเป็นอย่างดี เพื่อให้การตั้งราคาครอบคลุมภาวะภาษีดังกล่าว
♞ ตัวแปรอื่น ๆ อันได้แก่ ข้อตกลงระหว่างประเทศขององค์การค้าต่าง ๆ อาทิ GATT WTO AFTA NAFTA เป็นต้น ข้อตกลงหรือสนธิสัญญาขององค์การค้าระหว่างประเทศเหล่านี้ มีผลกระทบโดยตรงต่อการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ
ไม่มีความเห็น