โรคย้ำคิดย้ำทำ


ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ มีอาการย้ำคิดและย้ำทำที่มากจนทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน ผู้ป่วยพยายามเลิกหรือต่อต้านอาการ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการที่เกิดขึ้น อาการ
มีต่อ

อาการของผมคือมีความคิดในหัวว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้มันไม่ปกติ คนเราในชีวิตมันมีเรื่องผ่านเข้ามามากมาย บางอย่างก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งมีมโนภาพเกี่ยวกับเรื่องวิตถาร มีความคิดไม่ดีอยู่เรื่อย ๆ ผมเองก็อยากจะคิดสิ่งดี ๆ เหมือนคนดี ๆ เค้าคิดกัน พยายามที่จะกำจัดมันออกไปแต่ยิ่งพยายามมันก็ยิ่งมีพลัง เลยกับมาคิดว่าอย่างนั้นเราก็อยู่กับมันไป ต้องกล้าเผชิญกับความคิดต่าง ๆ ที่มันผุดขึ้นมา แต่ละวันก็จะมานั่งดูความคิด มานั่งดูจิตว่าคิดอะไร ยิ่งเรื่องที่คิดแล้วรู้สึกไม่สบายใจวิตกกังวลคนส่วนใหญ่จะพยายามที่จะไม่คิดมัน เหมือนคำกลอนที่ว่า "ยามอ่านท่องนั่งสือเรากลับลืม เรื่องโศกเรื่องเศร้าซึม เรากับจำ"แต่สำหรับผมต้องคิดมัน ตอนแรก ๆ ก็วิตกกังวล หลังจากนั้นมันก็จะค่อย ๆจางไป เหมือนบางคนอยู่ในที่มืดก็จะมองไม่เห็นแต่พออยู่ในที่มืดนาน ๆ ตาเราก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ มันก็จะเหมือนกับอย่างนั้น ผมก็ทาน fluoxetine ขนาด 20 mg. ตอนนี้ทานวันละ 2 เม็ด เช้ากับกลางวันหลังอาหาร คาดว่าก็คงจะทานไปตลอด

คนเคยเป็น และหายไปโดยไม่รู้ตัว

----------- ขอบคุณคุณหมอมาโนช คุณหมอปราโมทย์ และผู้มาเปิดเผยความลับของตัวเองที่มีค่าต่อคนอื่นทุกคนครับ

ยาวนานตั้งแต่ปี 50-53 นี้

อาการ ผมเคยเป็น คิดคำไม่ดีต่อแม่ คิดภาพไม่ดีต่อพระพุทธรูป ตั้งแต่บวช จนสึกออกมา และคงเป็นแบบไม่รู้ตัวอีกหลายปี เพราะเกิดภาพนั้นอีก ต่อมาผมได้อ่านหนังสือที่ร้านนดอกหญ้าเกี่ยวกับจิตวิทยา ได้เห็นคร่าวๆว่ามีคนทีอาการอย่างนี้แต่ไม่ได้ซื้อไปหาดูอีกก็หาไม่เจอ(ตอนนั้นเลย เพราะไม่ได้ตัดสินใจซื้อดูเล่มอื่นอีก) เสียดายมาก อาการเลยไม่หาย ต่อมาได้ยินว่าเป็นโรคนี้ ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

วิธีแก้ ตอนแรก ทรมานมากไม่รู้ว่าทำอย่างไร และทำให้กลัวบาปกรรม(จากความคิดที่ไม่ได้คิดเองนั้น)มากๆ ต้องพยายามแก้ไขโดยการหลีกเลียง ไม่มอง ไม่คิด ถึงสิ่งเหล่านั้น

ต่อมา คิดแก้โดยวิธีขอโทษ บรรเทาไปได้นิดนึง

ต่อมา ทราบว่า ความคิดคนเราเกิดขึ้นแล้ว จะหายไป เราควบคุมไม่ได้ (ขันธ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน คือร่างกายและจิต(4 อย่าง)เราควบคุมมันไม่ได้) (มันคงเกิดขึ้นด้วยสาเหตุบางอย่างที่จะกล่าวต่อไป)

จึงค่อยๆปล่อยวาง ไม่ไปสนใจมัน มันจึงหายไปเอง

สาเหตุทีเกิดทึ่คิดเอาเอง 1. สาเหตุเริ่มแรก คงเกิดจากความคิดที่ดิ้นรน จากที่เราห้ามความคิดเวลาทำสมาธิ(ทำสมาธิผิดวิธี ไปห้ามความคิด ความจริงต้องรับรู้ความคิดที่เกิดขึ้นแล้วปล่อยมันไป เมื่อนำได้ก็จึง คิดคำภาวนาแทน ไม่ใช่ห้ามความคิด

2. ต่อมา อาจจะเกิดจาก เราทำสมาธิไม่ได้ หรือทำผิดศีล หรือคิดว่าตัวเองทำผิดศึล จีงทำให้ กลัว บาป ทำให้จิตเกิดการต่อต้าน หาทางออกที่จะทำลายความขัดแย้งในใจ จิตหาทางต่อต่านความเชื่อเดิม(เป็นไปเอง เพื่อไม่ต้องให้คนเองยอมรับความผิด) ไม่ยอมรับความเชื่อเดิม

สรุปการแก้ไข รู้ว่าความคิดมันเกิดขึ้นมาเอง(มีสาเหตุให้เกิด แต่ยังไม่ต้องไปสนใจ) ก็ปล่อยมันไป แล้วจะหายไปเอง

เราไม่มีเจตนาให้เกิด มันเกิดขึ้นมาเอง จะบาปหรือไม่บาปก็ช่างมัน(เพราะควบคุมไม่ได้ แต่ความจริงสิงที่ไม่ได้มีเจตนาทำไม่เป็นบาปกรรม เพราะกรรมเกิดจากเจตนาถ้าไม่ได้เจตนาไม่บาป อันนี้มันเกิดสาเหตุทางจิตอื่น ที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาเอง เราไม่ได้เจตนา)

มันเกิดขึ้นมาแสดงว่ามีสาเหตุ เราอาจจะคิดหาสาเหตุของมัน ทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ยอมรับ คิดทางบวกในการแก้ไข และปล่อยวางไป ก็จะหายขาด

ขอให้ทุกท่านได้บุญกุศล และหายขาดจากความเจ็บไข้นี้ทั้งมวล และได้ถึงความรู้ในจิตทีว่า ตัวตนคือความรู้ตัวชี่วขณะของจิตที่เกิดดับทุกขณะ ไม่มีตัวตนถาวร เป็นเพียงการรับรู้ชัวขณะที่ไหลไปเหมือนกระแสน้ำ กระแสไฟฟ้า รู้แล้วปล่อยวาง จิตสงบ สันติ ทำสิ่งที่ดีต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม และเพื่อนมนุษย์ ตามหน้าที่ทางโลก ไปจนสงบสุขในที่สุด

อาการ ocd ของผม เหมือนกับคุณ ความเห็นที่ 52 คือต้องใช้ความคิดมาแก้ความคิดที่กลัวกังวลอีกที ซึ่งต้องให้ความคิดและความรู้สึกมัน “ลงล็อค” ให้มันเกิดความรู้สึกว่าใช่ ถูกต้องแล้ว จึงจะหยุดได้ แต่ปัญหาคือ ความรู้สึกว่าใช่ มันเกิดยากหรือไม่เกิดขึ้นเลย จึงทำให้ผมต้องย้ำคิดและย้ำทำไปเรื่อยๆ จากที่สังเกตมา อาการ ocd ของผมมีหลายแบบ แต่จะรุนแรงที่สุดกับการอ่านพวกข้อความตัวหนังสือต่างๆ ในบางประโยคที่คาดหวังว่าต้องรู้ให้ถูกต้อง เพราะจะเกิดความคิดว่ามันยังไม่ใช่อยู่ตลอด จนทำให้ต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างมาก เป็นร้อยๆรอบ

ยกตัวอย่างเช่น ผมกลัวว่าสิ่งของที่ผมซื้อมาจะเป็นของปลอม (ทั้งๆที่ซื้อจากร้านของแท้) กลัวว่าสินค้าถูกสับเปลี่ยน (เช่น เมื่อนำไปส่งซ่อม)

“พิธีกรรม” ที่ผมทำ คือ คิดลำดับเหตุการณ์ในอดีต หรือหาเหตุผลในใจ ว่าเราได้ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว (แต่การคิดจะต้องมี dialog หรือลำดับที่ครบถ้วน สมบูรณ์ตามกฏที่ใจตั้งขึ้น) หรือ อ่านข้อความใดๆที่จะยืนยันได้ว่าสินค้านั้นคือของแท้หรือไม่ได้ถูกสับเปลี่ยน ซึ่งผมต้องเฝ้าคิดเฝ้าอ่านข้อความซ้ำๆ เป็นสิบๆ เป็นร้อยๆรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ “ลงล็อค” อยู่ดี หรือในตอนวัยรุ่น มีช่วงหนึ่ง เกิดความคิดว่า คนเราต้องกะพริบตาจริงหรือ เห็นคนอื่นกะพริบตาก็ไม่เชื่อ ต้องมาย้ำคิดย้ำทำโดยการไม่กะพริบตา จนให้น้ำตามันไหล มันแสบตา และกะพริบเอง ทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ความกลัวกังวลบางเรื่องก็เรื้อรังไปเป็นปีๆ และต้องหาทางย้ำคิดย้ำทำ หลาย ชม. บ้าง หลายวันบ้าง หลายเดือนบ้าง อาการเหล่านี้สร้างความทุกข์ทรมานให้ผมตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นจนตอนนี้ก็สามสิบกว่า มันรบกวนชีวิตผมอย่างมาก ทั้งการเรียน การทำงาน และความสุขในชีวิต ถ้าผมไม่เป็นโรคนี้ผมคงไปได้ไกลกว่านี้ เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง ชอบความท้าทาย ชอบทำอะไรใหม่ๆ

จากการวิเคราะห์ตนเองเล่นๆ อาการ ocd ของผมน่าจะเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่างเท่าที่ระลึกได้ ดังนี้

1.ผมเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆเป็นคนหวงของมาก และเป็นคนที่ค่อนข้างหลงใหลวัตถุสิ่งของ

(น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นocdกับสินค้าราคาแพงที่ซื้อมาอยู่เสมอ เช่นกลัวว่าเป็นของปลอม ฯลฯ)

2.เป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองรู้นั้น ถูกต้องที่สุด (เลยเป็น ocd กับการอ่าน) ต้องมั่นใจว่าสินค้าที่ซื้อมานั้นสมบูรณ์ที่สุด (เลยเป็น ocd กับวัตถุสิ่งของ)

3.ตอนเด็กๆถึงวัยรุ่นเป็นคนที่กังวลง่าย ตื่นเต้นง่ายมาก ไม่มั่นใจในตนเอง

4.เวลาอาการกำเริบมากๆ จะปวดสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็นด้านของ ตรรกะ เหตุผล

ตอนนี้อาการ ocd เบาบางลงกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะเชื่อว่า ยาไม่ได้ทำให้หายขาด และสาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากปมบางอย่าง ที่อาจเกิดจากถูกวางเงื่อนไขผ่านประสบการณ์ในตอนเด็กๆที่ฝังตัวอยู่ในจิตไร้สำนึกมากกว่า แต่ที่ผมยังรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีจิตใจที่ค่อนข้างอึดที่จะ “ทน” กับมันครับ ขอมาแชร์วิธีการบรรเทาอาการ ocd แบบส่วนตัวของผมแล้วกัน เผื่อท่านจะได้ใช้เป็นเทคนิคเพิ่มเติมนอกเหนือจากการไปพบแพทย์ ดังนี้

1.อย่าสู้ เพราะการสู้หรือความพยายามจะกำจัดอาการ ocd จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น

2.ให้พยายามทำใจยอมรับ อาการ ocd ในแบบ “นัวๆ” ไป คืออย่าตั้งใจคิดหรือทำอะไรเพื่อที่จะกำจัด ocd แบบจริงจัง พยายามชะลอการย้ำคิดย้ำทำออกไปให้นานที่สุด

3.อย่าให้ความสำคัญกับ “พิธีกรรม” ที่คุณทำเพื่อที่จะขจัดความกลัวกังวล ให้มากนัก อย่าลืมว่า พิธีกรรมต่างๆคือ กฏเกณฑ์ที่คุณสร้างมันขึ้นมาเอง จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรตายตัว หรือ ถูกต้อง 100% ocd ตั้งอยู่บนความกลัวที่ไร้เหตุผล ถึงเราจะรู้ว่ามันไร้เหตุผลแต่เราก็อดทำไม่ได้ แต่จงอย่าไปให้คุณค่ามันเต็มร้อย

4.พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ช่วยได้จริงๆครับ จุดหมายสูงสุดของชีวิตคือการปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง สุดท้ายแล้วเราต้องตายทุกคน และในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ

5.ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบครับ โดยเฉพาะถ้าความเครียดนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากลัวอยู่แล้ว ดังนั้น พยายามอย่าเครียด ให้นึกถึงการปล่อยวางเข้าไว้

6.แต่ถ้าอาการกำเริบ และมันอยากจะย้ำคิดย้ำทำ จนทนไม่ไหว ก็ปล่อยมันให้ทำไป แต่จำไว้ว่า อย่าหวังความ perfect จาก “พิธีกรรม” ให้หาทางหยุดแบบนัวๆ คือไม่ต้องหวังว่า อาการ ocd มันจะหายวับไปจากตัวเราทันที (มองย้อนกลับไปข้อ 1)

7.วิธีบำบัดตนเองของคุณ คห.ที่ 20 น่าสนใจมากครับ

รู้สึกดีที่ได้พบเพื่อนที่มีอาการแบบเดียวกัน เพราะเราจะเข้าใจกันและกันว่าโรคนี้มันทรมานขนาดไหน ขอให้ทุกท่านมีอาการทุเลาลงเรื่อยๆ และเป็นปกติสุขในที่สุดครับ ผมเชื่อว่า บางอย่างก็เป็นกรรมเก่าแต่ข้อดีของมันยังพอมีคือ ถ้าเราพิจารณาได้ ocd จะทำให้เราปล่อยวางทางใจได้เร็วกว่าคนทั่วไปครับ ที่สำคัญ อย่าคิดฆ่าตัวตายเด็ดขาดครับ มันไม่ใช่ทางแก้ การฆ่าตัวตายคือสิ่งที่เลวร้ายกว่าการเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำครับ

เราก็เป็น ตอนนี้เราอายุ 14ปี

เราชอบคิด เกี่ยวกับเรื่องความตาย เรากลัว ตาย อะไรประมาณ นั้น เเละเราก็ กลัว พ่อเเม่พี่น้องญาติ จะตายจากเราไป

เรารู้ว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องตาย แต่มัน ก็ ยัง จะคิด บางที หู เเว่ว บางที มีภาพขึ้นอยู่ในหัว

เรากลัว ตัวสั่น ร้องไห้

ตอนนี้เพิ่งเริ่มรักษา

เราเชื่อว่าเราจะหายจากโรคนี้ สู้ๆๆๆ

ขอบคุณทุกๆ กะทู้ค่ะ ที่ช่วยกันแบ่งปันความรู้และประสบการณ์

ที่แท้ มันก็เป็นอาการชนิดหนึ่งนั่นเอง ตอนที่ไม่รู้ก็จะรู้สึกทรมานใจมากเพราะนึกว่าเราเป็นคนเดียว ตอนนี้รู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ใครคนอื่นๆ ก็เป็นกันได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเครียดนะคะ ทุกอย่างแก้ไขได้ รักษาได้ เรื่องปกติของชีวิตค่ะ

สรุปก็คือ... เราเป็นโรคนี้ T^T

มีญาติ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ.. ประวัติคือ น้องบอลเป็นลูกคนที่ 3 ของพี่น้องทั้งหมด 6 คน (คนแรกเป็นผู้หญิง จบแพทย์ คนที่ 2 ก็เป็นผู้หญิง เรียนจบเทคนิกการแพทย์ คนที่ 3 คือ บอล คนที่ 4 เป็นผู้หญิง กำลังศึกษา คนที่ 5 เป็นชายและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คนที่ 6 เป็นหญิง กำลังเรียน ) ครอบครัวมีฐานะดี (รวยมาก) บอลเป็นลูกชาย ที่พ่อ แม่ คาดหวังในตัวบอลมาก คุณพ่อเข้มงวดทุกอย่างกับบอล ซึ่งตลอดเวลาอาการบอลก็ปกติ จนเมื่อน้องชายเสียชีวิต พฤติกรรมบอลก็เปลี่ยนไป มีอาการย้ำคิดย้ำทำ เช่น เข้าห้องน้ำก็จะเรียบผ้าเช็ดเท้า จัดรองเท้าให้เป็นระเบียบ มีการเปิดปิดประตูรถซ้ำๆ เคยถามบอลว่าทำไม่ต้องเปิดๆปิดๆ บอลบอกว่าเค้ายังขึ้นไม่หมด (เค้าคือใคร....X(บอลอายุ29 ปี ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3 เนื่องจากบอลเรียน และก็ลาออก แล้วก็สอบเข้าใหม่ โดยให้เหตุผลว่า จะเอาเกียรตินิยมให้ได้ เลยยังไม่จบ) แม่พาบอลไปพบแพทย์ แพทย์ระบุว่าบอลเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ แพทย์ให้ยามาทาน บอลทานยาซักพัก แต่แม่มองว่าทานยาไม่เกิดประโยชน์มีแต่ง่วงกับซึม เลยเลิกกินยา แต่ก็ไม่มีการปรับพฤติกรรมอะไรและไม่ได้ไปหาหมออีกเลย คำถามน่ะคะ

1. จะทำอย่างไรต่อไป 2. ควรปรับพฤติกรรมอย่างไร 3.อาการจะหายมั๊ย

ตอนนี้ใครพอมีอะไรที่ทำให้หายบ้างค่ะ เพระน้องเราเป็นอยู่ ทรมารมากสงารน้องค่ะ

อยากให้เขาหาย..แต่ก็เป้นมากขึ้นทุกที

ช่วยตอบเมลล์ด้วยค่ะ [email protected]

อยากรู้ว่าใครที่เป้นอยู่มีวิธีรักษาอย่างไรบ้างรบกวนตอบเมลล์ด้วยนะค่ะ

เห็นน้องชายเป็นอยู่ทุกวันนี้สงสารเขามากเลย

ไปหาหมอกินยาก้ไม่หายสักที

เห็นเขาบอกอยากคุยกับคนที่เป็นด้วยกันถึงจะรู้เรื่อง

ใครที่เป้นอยู่ช่วยส่งเมลล์กลับมาด้วยนะค่ะ

[email protected]

เจอปัญหาแย่มากๆเหมือนกันคร่ะ เราเป็นคนที่อาบน้ำนานมาก ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่ ต้องย้ำลูบฟองออกให้หมด กลัวที่จะล้างฟองออกไม่หมดอ่ะคร่ะ และก้อต้อง ก่อนอาบน้ำเสร็จต้องล้างมือในลักษณะหลักการล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอนเลย ตรงเนี๊ยะแหล่ะที่ใช้เวลานานมาก คือเมื่อก่อนเป็นมากกว่านี้อีกคร่ะ หยิบจับอารัยสกปรกต้องล้างมือทันทีเลย แต่เด๋วนี้พอทนด้ายคร่ะ คิดว่าก้อหายไประดับนึงแล้วล่ะคร่ะ แต่ยังเหลืออาการอาบน้ำนานเนี่ยแหล่ะ ม่ายรู้เมื่อไหร่จาหายซักที กลัวเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นคร่ะ และอยากรู้ว่าจิงๆแล้วเราหลังจากอาบน้ำจิงๆแล้วเราต้องล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอนเลยรึเปล่าคระ ช่วยตอบหน่อย ตอนนี้ความรู้สึกแย่มากๆเลย และการที่เวลามีคนส่งของหั้ยเรา แล้วเราจะจับไม่เต็มมือ จะจับในมุมที่คิดว่าสกปรกน้อยที่สุด หรือสัมผัสโดนเค้าน้อยที่สุด ทำยังงัยจาหายด้ายบ้างคระอย่างนี้.......

เราก็เป้นโรคย้ำคิดย้ำทำ ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะะไร ต้องทำซ้ำตลอด ทรมานมาก ไปหาจิตแพทย์แล้วก้ไม่หาย

อยากรู้ว่ามีคนที่เป็นแล้วรักษาหายหรือเปล่าคะ ถ้ามีช่วยมาคุยกันหน่อย ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ

เราก็เป้นโรคย้ำคิดย้ำทำ ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะะไร ต้องทำซ้ำตลอด ทรมานมาก ไปหาจิตแพทย์แล้วก้ไม่หาย

อยากรู้ว่ามีคนที่เป็นแล้วรักษาหายหรือเปล่าคะ ถ้ามีช่วยมาคุยกันหน่อย ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ

[email protected]

ผมก็เป็นอาการย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน เพิ่งมาเริ่มเป็น ปี52 ตอนแรกก็ปกติดี แต่พอปี52 บ้านผมโดนขโมยขึ้นบ้านเพราะว่าไม่ได้ติดเหล็กดัด โดนขโมยไปประมาณ 15000 บาท ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้นะว่าขโมยขึ้นบ้าน เพราะมันไม่ได้รื้อข้าวของอะไร แต่ผมเป็นคนช่างสังเกตเลยรู้ แล้วก็ได้ติดเหล็กดัดเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่นั้นก็เริ่มมีอาการวิตกกังวล มากคิดเรื่อย ๆ จากเรื่องขโมย ก็เป็นเรื่องอื่นๆ เช่น การถอดปลั๊กไฟ การยกเบรคมือรถยนต์ กลัวกุญแจบ้านตกหล่นหาย กลัวปิดน้ำไม่สนิท ดับธูปไม่หมด เป็นต้น(ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเลย หรือเป็นก็เล็กน้อยมากไม่เหมือนปัจจุบัน) จนทำให้ตัวเองรู้สึกโกรธ และรำคาญตัวเอง

บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าไปหาหมอ เพราะว่าอายและกลัวผลข้างเคียงของการใช้ยา เลยพยายามใช้วิธีพฤติกรรมบำบัด แต่ว่ายังไม่ค่อยได้ผลเพราะว่าตัวเองบ่อยครั้งยังใจไม่แข็งพอ ต้องทำให้เข้มแข็งกว่านี้ จึงจะได้ผล

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นอาการนี้ หายกันทุกท่านนะครับ ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ บางคนอาจมองว่าเป็นคนประสาทไร้สาระ บ้า หรือเป็นตัวตลก ถึงผมจะเป็นแต่ผมก็ไม่เคยโกงใครนะครับ ไม่เคยเบียดเบียน ทำร้าย/ทำลายคนอื่นตลอดประเทศชาติ

ผมว่าข้อดีของพวกเรายังมีอีกเยอะ อยากให้อาการนี้มาทำลายอนาคตของเราเลยครับ

ขอให้ทุกคน หาย ๆ ๆ มีสุขภาพจิตเป็นปกติดี ร่ำรวยเงินทองและความสุข แต่อย่าลืมประกอบแต่กรรมดี ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ ด้วยนะครับ

* บางที ผมก็คิดว่ามันอาจเป็นโรคกรรมเก่าที่เพิ่งมาออกอาการในตอนนี้ก็ได้ ว่าไปนั้นเลยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรแล้ว :)

เมล์มาคุยกันก็ได้ ผมว่าเป็นการระบายอย่างหนึ่งทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น (การคุยกับคนที่ไม่เข้าใจเรา เค้าจะคิดว่าเราบ้า)

อย่างน้อยผมก็สบายใจขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว หลังจากได้เขียนระบายความรู้สึกตัวเองลงในบอร์ดนี้ครับ

มีเพื่อนแฟนต่างชาติเป็นโรคนี้เหมือนกัน ล้างมือบ่อยๆ แต่ทำไมคิดว่ามือสกปรกเวลาจับของ แล้วถ้าใส่ถุงมือที่สะอาด จะกล้าจับไหม และไม่ต้องล้างมือน่ะ

แฟนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน เจออะไรทิ่ม อะไรเกี่ยวไม่ได้ ต้องเอามือเข้าไปลูบแล้วนับไม่รู้กี่ครั้ง บางทีก็ชอบขอมือเราไปนับ นับไมรู้กี่สิบรอบ เวลาเป็นแผลก็ห้ามโดนตัว บางทีเราก็เครียด อึดอัดเหมือนกัน อยากรู้ว่าโรคนี้มีทางหายขาดไหมเพราะไปหาหมอกินยา ก็มีแต่อาการง่วงนอน ซึม โรคก็ไม่หายซักที

โรคนี้ต้องรักษาไปนาน ๆ และก็ต้องไม่ทำมัน ซึ่งไม่ได้แต่ต้องพยายามไม่ทำมัน จะหายได้ค่ะ ต้องหาหมอกินยานะค่ะไม่อย่างนั้นจะเป็นมากขึ้น สู้ ๆ นะ

ผมก็เป็นโรคนี้เครียดสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังคุยกันได้ [email protected]

เมื่อกี้พิมพ์แสดงรายละเอียดอาการของผมไปตั้งเยอะ แต่พอ พิมพ์ รหัส สุ่มผิด มันก็ หายหมดเลย เครียดจัง ยังไงถ้าใครอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็คุยได้ ครับ 0810725827 หรือ [email protected] เอก อยู่ที่โคราช ครับ

ต่อจาก...118. อาจจะยาวววววววนิดนึงแต่รบกวนเพื่อนๆช่วยอ่านหน่อยน่ะ

ผมเคยรักษามา 2 ปี อาการไม่ดีขึ้น ทั้งศรีธัญญาและสมเด็ดเจ้าพระยา อีกอย่าง ผลข้างเคียงของยาแรงมากจนทนไม่ไหว เช่น อาการ ง่วงมากกกกกกกก และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน จึงไม่แน่ใจว่าระหว่างไปรักษากับไม่ไปรักษาอันไหนมันเครียดกว่ากัน จึงเลิกรักษา และกลับมาที่บ้านทำใจ อยู่ 2-3 ปี จนปัจจุบัน ปัจจุบัน เป็นตำรวจที่โคราช เพิ่งเป็นได้แค่5 เดือน พอมีอาการแปลกๆเพื่อนร่วมงานเริ่มถาม ว่า ป่วยรึป่าว ผมก็ตอบว่าสบายดี ....555 อันที่จริงก็ไม่ขำหรอก.....

อันที่จริง ผม 15 จน ตอนนี้อายุ 28 แล้ว ยอมรับว่าอาการแรงขึ้นเรื่อยๆ ใช้วิธีประคองมันเรื่อยๆ อาการแต่ละอย่างค่อนข้างต่างจากเพื่อนที่พิมพ์โต้ตอบกันในบอร์ดนี้น่ะครับ อย่างเช่น ผมไม่มีอาการล้างมือบ่อยๆ แน่นอน อาการผมมีดังนี้

1.เวลานั่งข้างๆใครดวงตาผมมันจะเหลือบมองคนข้างๆตลอดเวลาซึ่งเป็นที่น่ารำคาญของคนข้างๆและตัวผมเอง ผมรู้ว่าคนข้างๆเค้าต้องหาว่าผมแอบมองเค้าอยู่แน่ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วผมบังคับลูกกะตาผมไม่ได้ ซึ่งอาการนี้ทำให้ผม ทำกิจกรรมต่อไปนี้ลำบากมาก อย่างเช่น

1.1 นั่งเรียนในห้องเรียน ซึ่งผมเคยเรียนที่มหาลัยปิดแห่งหนึ่งซึ่งต้องนั่งติดใกล้ชิดกันทำให้ผมเรียนที่นั่นได้แค่2.5 ปีจึงลาออกเพราะ ผมทนไม่ไหวกับอาการที่เป็นอยู่... วันสุดท้ายที่ผมตัดสินใจลาออกเพราะผมได้ไปนั่งเรียนวิชาหนึ่ง ตำแหน่งที่ผมนั่งเรียนนั้นผมนั่งอยู่คนเดียวรอบๆข้างเก้าอี้ผมไม่มีใครกล้านั่งรอบๆเลย ผมรู้สึกเหมือนถูกรังเกียจมากเพราะหลายๆคนคงเคยนั่งใกล้ผมมาแล้ว และคงรู้แล้วว่านั่งข้างๆผมมันน่ารำคาญแค่ไหน ....ผมก็เลยลาออกวันนั้นเลย

หลังจากนั้นก็ไปเรียนราม ซึ่งห้องเรียนกว้างมาก ผมก็ พยายามเลือกที่นั่งที่ไม่มีคนรอบข้าง จึงเรียนจบมาได้ ขอบคุณ ม.ราม จริงๆเลย

1.2 นั่งดูหนังในโรงหนัง

1.3 นั่งทำงาน เคยไปทำงานเอกชนที่นึง เค้าให้ผมนั่งตรงข้ามกับเจ้านายทำให้ผมต้องเหลือบมองเค้าตลอดเวลาทำให้ผมต้องบังคับลูกกะตาผมตั้งแต่เช้าจนเลิกงานทำให้เหนื่อยมาก จึงทำงานลำบากมาก ทำได้ 3 วัน ทนไม่ไหวก็ชิ่งออกเฉยๆเลย

2.เวลาพูดน้ำลายเยอะมากบังคับน้ำลายให้หยุดไม่ได้เลย ส่วนมากคู่สนทนาก็ จะเบื่อผมมาก ซึ่งผมจะดูออก

3.เวลาพูดกับใครถ้าไม่หลบตา ก็จะจ้องตาแบบลูกตาแทบทะลุออกจากเบ้าตาเลยปวดมาก เพราะบังคับให้มองตาคู่สนทนาแบบธรรมชาติไม่ได้เลย

4.เวลาพูดจะติดอ่างมาก

5.เวลาออกจากบ้านหรือทำงานก็ จะเช็คตลอด อันนี้คงเหมือนกับเพื่อนทุกคนในนี้น่ะผมว่า.... แต่เพิ่มเติมอีกคือ เวลาทานข้าว ผมมักไม่แน่ใจตัวเองว่าตัวเองได้กินข้าวหมดจาน ยัง ก็เลย มักจะจ้องดูที่จานหลายรอบมากว่าข้าวหมดยังทั้งๆที่หมดแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดี

ปัจจุบันนี้ เครียดมาก เพราะอาการของผมส่วนมากจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่นคนนั่งข้างๆผมจะรำคาญทุกคน คนที่มาพูดคุยกับผมก็จะรำคาญทุกคนเช่นกัน ตอนนี้ผมก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่เคยมีแฟนเลยยยยยยย แต่.........

อาการของผมมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับวัย 15-60 ซึ่งเวลาที่ผมยู่ใกล้กับวัยเด็กและคนที่แก่มากๆ ผมจะรู้สึกปกติ เหมือนผมไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะผมคิดว่ากลุ่มคงเหล่านี้คงไม่ได้สนใจอะไรในตัวผม

ตอนนี้ทำงานเป็นตำรวจ กลุ้มใจว่า ถ้าให้ผมไปนั่งประชุม ให้ผมไปนั่งทานข้าวกับคนเยอะๆ ให้ผมไปนั่งทำงานใกล้ๆใคร ผมจะทนได้แค่ไหน เพราะทุกครั้งที่อาการกำเริบ มักจำทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนเสมอ และก็จะแสดงท่าทางรำคาญผมจนผมสามารถสังเกตได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องใหญ๋สำหรับผม แต่ก็คงทนต่อไปเพื่อแม่...................

ไปล่ะเจ้านายเข้ามาในห้องล่ะ ขอตัวก่อนน่ะครับ...........

สวัสดีอีกรอบครับ ผมเป็นคนนึงที่รักษาอาการ ocd มาประมาณปีครึ่งได้แล้ว ผมเคยลงเมลและเล่าเรื่องไว้ในเว็บนี้ ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกมากยังมีทุกข์เพราะอาการอยู่ ผมอยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านนะครับ บางท่านถามว่าโรคนี้เป็นแล้วหายได้ไหม ผมเชื่อว่าได้ครับ แต่ต้องทานยา และ ใช้พฤติกรรมบำบัด ผมเชื่อว่าหายได้ เพราะตอนนี้ตัวผมมีอาการโรคนี้เหลืออยู่น้อยมาก ปัจจุบันสามารถทำในสิ่งที่แต่ก่อนไม่สามารถทำได้ตั้งหลายอย่าง เพียงแต่ยังมีอาการกลัวบ้างบางที ซึ่งมันดีกว่าแต่ก่อนมากเลยครับ ผมรู้สึกว่าใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าเก่าเยอะเลยครับ กางเกงยีนส์แต่ก่อนผมซักทุกครั้งที่ใส่ แต่นี่ผมใส่มาจะสี่เดือนแล้วยังไม่ได้ซักเลย (อันนี้ซกมกครับ 555) มือก็ไม่ค่อยได้ล้าง ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมอยากจะเล่าให้ทุกๆคนรู้ว่ามันดีขึ้นได้ครับ ถ้าคุณพยายาม เพียงแต่คุณต้องมีกำลังใจ และคนรอบข้างก็ต้องเข้าใจคุณด้วย ในกรณีอย่างผม ผมโชคดีที่พอที่บ้านรู้ว่าเป็นแม่ก็หาความรู้เรื่องโรคนี้ พวกยายผม เพื่อนแม่อะไรที่สนิทกับผม ก็ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับโรคนี้ ทำให้พวกเขาปฏิบัติตัวกับผมได้ถูก และทำให้อาการผมดีขึ้นไวพอสมควร อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนะครับ การออกกำลังกาย หรือพวกกิจกรรมยามว่าง ช่วยได้เยอะจริงครับ ทำให้เราเข้าสังคมง่ายขึ้นและลดความซึมเศ้ราจากอาการของโรคได้มากขึ้นด้วยครับ

ทั้งหลายทัง้มวลนี้เป็นข้อมูลที่มาจากคนไข้(ผมเอง)โดยตรงนะครับ ไม่รู้ว่าจะถูกตามหลักวิชาการไหม

ถ้าท่านใดอยากมีเพื่อนคุย เพื่อนร่วม(โรค) ก็แอดมาหาผมได้นะครับ [email protected] แม็กครับ ขอโทษพี่ๆบางคนที่เมลมาแล้วไม่ได้ตอบนะครับ พอดีบางทีมีเผลอกดลบเมลเยอะๆแล้วมันพลาดลบไปบ้าง ยังไงส่งมาซ้ำได้นะครับ แอดมาคุยเรื่องสัมเพเหระก็ได้ครับ อยากให้ทุกท่านมีกำลังใจครับ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้

เราก็เป็นเหมือนกันนะโรคนี้ มันทรมานมากๆจนอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ทั้งชีวิตเลยหากเรายอมแพ้มัน

ขั้นแรกหากอาการเป็นมากก็น่าจะกินยานะเราว่า เราก็กินยาอยู่เหมือนกันแรกๆไม่อยากกินกลัวติดยาแล้วต้องกินตลอดชีวิตแต่ก็ต้องกินเพราะทนอยู่อย่างทุกข์ทุกๆๆวันไม่ไหว อ่ะแต่ความจริงมันไม่ต้องกินตลอดชีวิตหรอกถ้าอาการดีขึ้นเราก็ค่อยๆลดขนาดยาลงจนกระทั่งไม่ต้องกินเลยแต่อันนี้ต้องอยู่ที่แพทย์เป็นคนพิจารณานะ กินยาอย่างเดียวไม่ได้ผลหรอกต้องใช้พฤติกรรมบำบัดร่วมด้วยคนใกล้ชิดสำคัญที่สุดที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้นะไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้องหรือถ้าใครแต่งงานแล้วสามี ภรรยาก็มีส่วนสำคัญนะ ต้องช่วยๆกันเราจะได้ไม่รู้สึกเหมือนต้องแบบรับความทุกข์ไว้คนเดียว

สู้ๆๆๆไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกขอให้เราสู้ๆไปพร้อมๆกันนะ

ถึงคุณแม๊ก.................................

1. ไปรักษาที่ไหนครับ จะได้ลองไปดูมั่ง

2. ขอเข้าแก๊ง ocd ด้วยคน

3. ขออนุญาตุถามและตอบในนี้เลยน่ะครับ

จาก.......................เอก............................

คือผมเป็นราชการจะทำเรื่องขอเบิกโรค ocd ได้มั้ย แต่ผมเคยได้ยินว่า ถ้าทำเรื่องขอเบิกต้องระบุชื่อโรคในใบเสร็จด้วย แล้วถ้าต้นสังกัดผมรู้ว่าผมเป็นโรคอะไร ผมจะทำไงดี

พอได้อ่านข้อความของหลายๆท่านแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่เป็นโรคนี้ แต่ยังมีเพื่อนๆอีกหลายคนร่วมชะตากรรมเดียวกับเรา อาการของผมมันคงเริ่มตั้งแต่สมัยเด็กๆ เท่าที่พอจำได้จะเป็นอาการของการไหว้พระๆๆๆๆๆขอให้คุ้มครองพ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา...สัตว์ที่เรารัก และอื่นๆๆๆๆๆๆแล้วก็จะหมุนมือเป็นวงกลมๆๆๆอยู่หลายทีจนรู้สึกว่าลงล๊อค อาการล้างมือก็มีช่วงหนึ่งล้างบ่อยมากๆแต่ตอนนี้ลดลงแล้ว แต่ช่วงนี้ที่เป็นหนักคือ การปิดไฟ ปิดประตูบ้าน ปิดร้าน คือเวลาทำอะไรก็แล้วแต่ผมจะนับ 123-12-123-12-1 แล้วจะจินตนาการเป็นรูปสามเหลี่ยมไปด้วยตามตัวเลขที่เรานับแล้วก็จะกระชากประตูไประหว่างนับเลขจนพอใจ จึงจะหยุดได้ กลัวร้านข้างๆเค้าว่าเราบ้าเหมือนกัน ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยทำไมต้องมาเกิดกับตัวเราด้วยก็ไม่เข้าใจ เวรกรรมหรือว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่พอได้มาอ่านของเพื่อนๆก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นโรคนี้เลยว่ามันทรมาน แต่ยังงัยก็ขอเอาใจช่วยทุกคน ให้อาการดีขึ้น ทุกวันนี้พยายามคิดว่า อะไรจะเกิดมันก็เกิด ว่าจะลองนั่งสมาธิดู ได้ผลยังงัยจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ สู้ๆนะครับทุกคน เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ

ไม่ทราบว่าคนท้องจะเป็นได้มั๊ยค่ะ อารมณ์หนูไม่เหมือนเดิมค่ะ ขึ้นๆลงๆจนพักนี้หนูทะเลาะกับคนไหนบ้านบ่อย ไม่มีความสุขเลย

เรียนคุณหมอและทุกท่านค่ะ

ตอนนี้ดิฉันอายุ 27 ปี กำลังศึกษาอยู่ปริญญาโท

ก่อนหน้านี้ประมาณกลางเดือนมิถุนายนแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชคือ panic (โรคตื่นตระหนก) ซึ่งเป็นอาการแรกเริ่มของโรคซึมเศร้า และได้รับการรักษามาเป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยมียาหลัก ๆ คือ Fluoxetime 20 mg และ Alprazolam 0.25 mg

ขณะนี้ อยู่ในช่วงลดปริมาณยา และจะหยุดยาได้หลังรับยาครบ 6 เดือน

วันนี้บังเอิญเจอบทความเรื่องโรค "ย้ำคิดย้ำทำ"

ซึ่งจากการวิเคราะห์เบื้องต้น คิดว่าตัวเองก็เป็นโรคนี้อยู่เหมือนกัน โดยสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้

1.คิดว่ามือสกปรกอยู่ตลอดเวลา และต้องล้างมือวันละหลาย ๆ ครั้ง

2.คิดด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองเคารพ หยุดยั้งความคิดไม่ได้ และสุดท้ายจะรู้สึกผิด

3.กังวลเรื่องการปิดไฟ ปิดน้ำ เตาแก๊ส ปิดประตูบ้าน และพยายามตรวจสอบหลาย ๆ ครั้ง ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก่อนออกจากบ้าน

4.ต้องจัดให้สิ่งต่างๆ วางอยู่เท่าๆ กัน จัดของให้อยู่เป็นระเบียบ อยู่ในที่ๆ เคยอยู่ และระยะห่างสองข้างต้องเท่า ๆ กัน

5.คิดซ้ำๆ หรือมีภาพขึ้นมาในจินตนาการซ้ำๆ ในเรื่องที่ตนเองเห็นว่าน่ารังเกียจหรือเป็นเรื่องผิด ซึ่งมักเป็นเรื่องทางเพศ ความก้าวร้าว หรือเกี่ยวกับศาสนา

6.ทิ้งสิ่งของไม่ได้ รู้สึกเสียดาย

7.กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ตอนนอนพยายามหันมองไปที่ประตู กลัวใครจะบุกเข้าห้อง ไม่อยากยื่นแขนขาออกนอกเตียง กลัว

ฯลฯ

หลังจากได้รับยากลุ่มดังกล่าว รู้สึกอาการดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจดูอาการย้ำคิดย้ำทำ

ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่า จะเป็นอาการของโรค คิดว่าเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว และไม่จำเป็นต้องรักษา

สำหรับผู้ที่ต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เขียนมา หรือ แอตมาคุยกันได้ค่ะ

[email protected] เนยค่ะ

ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ

เรียนถามคุณหมอนะคะ

ดิฉันมีอาการที่ชอบคิดตลอดเวลาว่าสามีต้องนอกใจ ต้องมีผู้หญิงคนอื่นอีก คิดอย่างนี้ประจำตั้งแต่ลืมตา หรือแม้กระทั่งหลับยังเก็บไปฝัน และชอบเช็คโทรศัพท์ซ้ำๆ หลายๆครั้งว่าแอบโทรหาใคร จิตใจหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ จนไม่มีใจทำงาน บางครั้งที่โทรหาเค้าพอเค้าไม่รับก็คิดไปสาระพัดว่าต้องทำอะไรอยู่กับใคร คิดมากๆๆๆๆๆจนมือและขาไม่มีแรง ทำงานไม่มีสมาธิ ไม่อยากคุยกับใคร เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว และจะเป็นอาการอย่างนี้ตลอดทุกวัน จนทำให้สามีรำคาญ แบบนี้ถือว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำได้มั้ยคะ ไม่สบายใจมาก อยากหยุดคิดแบบนี้ พยายามมากๆๆๆ แต่ทำไม่ได้ พอพยายามที่จะไม่คิดมันกลับรู้สึกเครียดเหมือนเราถูกบังคับ อาการยิ่งแย่ไปใหญ่ ช่วยด้วยนะคะ คุณหมอหรือผู้รู้ทั้งหลาย ทรมานมากๆๆๆจริง หรือจะแอดมาที่ [email protected]

ผมเองเพิ่งจะรู้วันเองครับว่าผมเป็น "โรคย้ำคิดย้ำทำ" เพิ่งจะมาเจอกระทู้นี้ โดยมีอาการหยุดคิดเรื่องที่ไม่อยากคิดไม่ได้ ทุกครั้งที่คิดก็สะเจ็บหัวใจแปลบๆ และจะจินตนาการให้รู้สึกแย่ไปเรื่อยๆ และจะคิดแทรกขึ้นมาทุกเวลาที่ทำอะไรอยู่ก็ตาม มันทรมานจริงๆ ครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมจะต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน และตัวผมเองให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้

ปล. สำหรับผมแล้วผมคิดว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยผมได้ เพราะเคยออกกำลังกายแล้วรู้สึกสมองปลอดโปร่งขึ้นมาก

ผมเคยเป็นหนัก แต่มหัศจรรย์ แค่ออกกําลังกายกีฬาที่ตัวเองชอบ (ตะกร้อ) อาการมันแทบหายไปหมดเลย กินอิ่ม นอนหลับ...ลองออกกําลังกับกีฬาที่ตัวเองชอบดูครับ 7 วันเห็นผล ค่อยทําไม่ต้องหักโหมครับ

ช่วยตอบกระทู้ 123 ทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้โปรด

กระทู้ที่ 123 คะ ในฐานะที่เป็นข้าราชการเหมือนกัน ในความคิดเห็นของดิฉันคิดว่าคุณต้องเลือกที่จะเสียเงิน หรือเลือกที่จะให้ที่ทำงานรู้เรื่องการรักษา แต่ดูแล้วคุณจะแคร์สายตาคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นอาจต้องยอมจ่ายเงินไปโดยไม่ต้องทำเรื่องเบิก อันนี้แค่เป็นแนวทางนะคะ คุณก็พิจารณาด้วยตัวคุณเอง ยังไงก็เป็นกำลังใจ

คห 123 ครับ ถ้าเป็นข้าราชการสามารถไปทำใบเบิกตรงกับที่รพ.นั้นได้ครับ

รอเวลาเขาตรวจเช็คสัก 2-3 สัปดาห์ ถ้าผ่าน ทีนี้เวลาไปรับยาก็จะไม่ต้องชำระเงินสดครับ

ทางโรงพยาบาลเขาจะไปหักกับกรมบัญชีกลางเอง

เพราะฉะนั้นเรื่องการไป รพ. เบิกยาก็จะไม่ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด ไม่มีต้องรายงานใครว่าเราป่วยเป็นอะไร

ลองไปถามเรื่องนี้กับ รพ.ที่คุณรักษาดูนะครับ

กระทู้ที่ 123 ต้องดูนะคะว่าคุณเบิกจ่าายตรงหรือผ่านหน่วยงาน ถ้าเป็นส่วนท้องถิ่นจะเบิกจ่ายที่หน่วยงาน หากเป็นหน่วยงานอื่นน่าจะเบิกจ่ายตรง

หนูชื่อ ชลาลัย อายุ 12 ปีคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นโรคย้ำคิดค่ะ เพราะว่าบางครั้งก็เอาสมุดเก่าๆมาจัดรียงคิดว่าจะทิ้งแต่ก็ไม่ทิ้ง พอทิ้งไปแล้วก็แบบว่า เศร้าเลย ว่าตัวเองว่าทิ้งไปทำไม หนูเคยคิดว่าตัวเงเป็นโรคประสาท เพราะหนูเคยคิดฆ่าตัวตายและถามแม่ว่าให้หนูเกิดมาทำไม ตอนนั้นหนูอายุ 3 ขวบและมีจิตนาการกว่าคนอื่น เพื่อนหนูบอกว่าหนูเก็บกด

บางครั้งหนูก็เกลียดพ่อ ทั้งๆที่ไม่อยากคิดอย่างนั้น หนูเป็นโรคเครียดด้วย หนูควรทำยังไงกับาการเหล่านี้ดีค่ะ หนูพยายามคิดว่ามีคนอื่นลำบากว่าหนู แต่หนูก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่เราเกิดมาเป็นสิ่งที่ดีมั๊ย ที่พ่อมีฟนใหม่มันก้เป็นเรื่องส่วนตัวของพ่อ(แม้ว่าจะมี 1 ในนั้นท้องก็ตาม) สำหรับน้า(คนที่ท้องกับ...เค้าคอยให้คำปรึษาหนุ) เค้าบอกว่ารื่องที่หนูคิดเป็นเรื่องเกินตัวแต่ยังไงก้ตามหนูก็เกิดคิดตกไม่ได้ว่าถ้าเราตายไปทุกอย่างจะดีขึ้นมั๊ย หนูเลยลองเปิดเว๊บเกี่ยวกับปัญหาฆ่าตัวตายดู ว่าการที่เราฆ่าตัวตายนั้นเป็นการสร้างปัญหาและความเสียใจให้กับคนอื่น และมีหลายสิ่งที่หนูคิดที่จะลืมปัญหานั้นไปทั้งไท่ลืมไม่ได้...ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยตอบกระทู้ 123 ให้ วันนี้ผมไปทำเรื่องเบิกจ่ายตรงที่ รพ. จิตเวช โคราช แล้ว อีกเดือน นึง คงได้รักษา สู้ต่อไป 5555

เมื่อก่อนก็เป็นเป็นมากด้วยค่ะ คือ ทำอะไรต้องนับเช่นบ้วนปากแปรงลิ้น 5 ครั้ง ย้ำคิดย้ำทำมากจนรำคาญตัวเอง ยังเคยดิดว่าเป็นคนเดียวในโลกเลยที่เป็นแบบนี้ ที่บ้านก็รักษาตั้งแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไสยศาสตร์ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ จนได้เจอหมอที่ช่วยเราได้มากค่ะ

ที่วิชัยยุทธ อยากบอกว่าหมอชื่อ พงศธร แผนก จิตเวช เก่งมากค่ะ ตอนนี้ชีวิตก็ดีขึ้นมากค่ะ ไม่ย้ำคิดและนับทุกสิ่งเหมือนก่อน คือเป็นน้อยลงมากค่ะ อยากบอกทุกความเห็นว่าทุกอย่างแก้ไขได้ค่ะ อย่าท้อแท้

ที่โพสมาหนูป็นทุกอย่างเลยตั้งแต่เด็กๆจนตอนนี้ 30 แล้วค่ะ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นมากจนเกือบหายแต่ต้องกินยาตลอดนคะ

แล้วหนูยังเป็นซึมเศร้าอีก กลัวจะเป็นโรคต่างๆมากมาย(ทุกโรค55) แม่และครอบครัวหนูเครียดจนไม่ไหวไม่รู้ลูกเป็นอะไร

แต่ตอนนี้ไม่เครียดมากแล้วค่ะเป็นเพราะยาที่กินได้ผลดีมาก ลองปรึกษาหมอดูนะคะ ช่วยได้จริงๆ สุดท้ายอยากบอกว่ามันเป็นมาจากความกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นค่ะลองคิดดูดีๆว่าเราย้ำคิดย้ำทำเพราะกลัวเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีกับเราค่ะ เลยเป็นโรคนี้ สุดท้ายนี้ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้หายเป็นอาการนี้ทุกคนนะคะ พระเจ้ารักคุณค่ะ อยากฝากคำพูดนี้ให้ทุกคนอ่านค่ะ เราต้องมี

ดวามรัก เต็มไปด้วยความหวัง สันติสุข ไม่มีความกลัว สดชื่น มั่นคง ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไข ค่ะ

และมีหมอไหนรักษาดีๆบ้างคะในกทม. รบกวนหลายๆคนช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ขอบคุณมาก

อยากรู้จังว่าโรดแบบนี้รักษามีค่าใช้จ่ายเท่าไร นานไหมจะหาย บัตรประกันสังคมรับหรือไม่ใครรู้ช่วยบอกทีนะ

ตอบคุณ ket ค่าใช้จ่ายในการรักษาขึ้นกับว่าใช้ยาอะไรค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ก็มียาราคาไม่แพงแต่ใช้ได้ผลก็เยอะนะคะ นานไหมกว่าจะหายขึ้นกับคนไข้ค่ะ ส่วนใหญ่ถ้ากินยาอย่างเดียวก็เป็น 1-2ปีค่ะ จากนั้นค่อยๆลดยา จนคุมอาการได้ก็ไม่ต้องใช้ยาแล้วค่ะ แต่ถ้าอาการยังมีอยู่อาจต้องใช้ยาต่อไปอีกค่ะ จนกว่าอาการจะดีขึ้นส่วนใหญ่แพทย์มักแนะนำให้ใช้พฤติกรรมบำบัด ร่วมด้วยถึงจะได้ผลและผลในการรักษาจะยั่งยืนกว่าการใช้ยาอีกค่ะ แต่ถ้าอาการเป็นมากแล้วไม่สามารถใช้พฤติกรรมบำบัดได้ก็ต้องให้กินยาก่อนค่ะ ถ้าพออาการดีขึ้นบ้างแล้วค่อยมาใช้พฤติกรรมบำบัดร่วมด้วยค่ะ สิทธิ์การรักษา เป็นบัตรประกันสังคมก็ใช้ได้นะคะแต่เวลานำใบเสร็จไปเบิกค่ารักษาต้องระบุโรคด้วยค่ะ

หนูคิดว่าหนูเป็นโรคยำ้คิดยำ้ทำ แม่หนูก็เป็นโรคนี้เช่นกัน แต่หนูไม่ค่อยขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะพ่อแม่ไม่ได้เชื่อมาก แต่นอกนั้นก็คล้ายๆ แล้วแต่ช่วงว่ายำ้อะไร ช่วงหนึ่งหนูย้ำเรื่องความสกปรกเพราะเรียนวิชาสุขศึกษาหนูก็ย้ำล้างมือมาก ช่วงหนึ่งเรียนวิทยาศาสตร์เรื่องอาการท้องผูก หนูก็บ่นกับพ่อว่าหนูทำไมไม่ถ่ายทุกวัน พยายยามเข้าห้องนำ้ทุกเช้า ช่วงหนึ่งหนูก็ดูโฆษณาว่าต้องกินน้ำวันละ๘แก้ว หนูก็ต้องไปซื้อนำ้ขวดทุกเที่ยง ช่วงหนึ่งแม่บอกให้หนูประหยัด หนูก็ประหยัดจนมีเรื่องกับครู เพื่อนมากมาย เป็นต้น หนูรู้สึกว่ายิ่งโตก็ต้องยิ่งเป็นหนักมากขึ้น ช่วงหลังๆย้ำมากจนไม่เป็นตาอ่านหนังสือสอบเพราะมัวแต่ไปกังวลเรื่องอื่นๆ พ่อคิดว่าหนูควรทำอย่างไร อาการหนักขั้นไหนแล้วหรือค่ะหนูต้องไปกินยารึเปล่าค่ะ

คือหนูเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำไหมคะบางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดรคประสาททรมานมากค่ะ

เช่น ก่อนนอนก็คิดเรื่องแฟนจะนอกใจไปคุยกับใคร เวลาโทรไปแล้วไม่รับสายหนูก็คิดๆๆๆๆๆๆๆมาเป็นเดือนๆแล้วคะและร้องให้มากกก

บางครั้งถึงกับเก็บเอาไปฝันว่าทะเลาะกับแฟนหลายหนและร้องกรี๊ดว่ามึงเลิกกับกูตื่นขึ้นมาตอนเช้าเลยปรากฎว่ามันคือความฝันเราก็ตลกขำตัวเราเองมาเราเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้เครียดค่ะบางทีกวาดบ้านแล้วก็ต้องกวาดซ้ำๆกลัวไม่สะอาดมีฝุ่นนิดหน่อยก็ต้องกวาดไหม่ให้สะอาดเลย เครียดมากค่ะ บางครั้งต้องนอนร้องให้คิดฟุ้งซ่านเป็นแบบนี้มาเป็นปีๆแทบไม่ต้องคิดเรื่องอะไรแล้วค่ะเรียนก็ไม่สามารกเรียนได้ปวดหัวตอนเรียนก็ยิ่งแย่สมาธิหายไปหมดเลยค่ะหนูว่าหนุ่เป็นหรือปล่าวค่ะพอจะมียาทำไห้หายจากโรคนี้บางไหมค่ะ

สาเหตุหลักๆคือ แฟนนอกใจบ่อยๆและเราจับได้จึงเกิดอาการจิตหลอนบ้าไปแล้วค่ะ

ใครมีวิธีช่วยหนูได้บ้าง ตอนนี้อายุ20 ปี

แอดมาคุยกันนะคะ

นางมยุรี รัตนดาดาษ

อยากปรึกษาหมอเรื่องการถอนผม ลูกสาวชอบถอนผมไปรักษาก็ไม่ดีขึ้น เพราะจะถอนผมเพิ่มทุกวันจนเห็นหัวเหว่ง บางที่ กินยาที่หมอให้ก็เอาไม่อยู่ แกก็ไม่มีความอายเพื่อน ๆ น่ากลัวจังไม่รักสวยรักงามเลย ไม่รู้จะทำอย่างไร

ผมก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเป็นได้ไม่นานนี้ครับ (5 เดือน) ตอนนี้ก็อายุ 35 แล้ว ครับ เรียนจบปริญญาเอกจากเมืองนอก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีตำแหน่งทางวิชาการ เป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัย หลังๆทำงานหนัก เครียดๆ เลยเกิดอาการย้ำคิด และวิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ พื้นฐานก็เป็นคนเก็บกดอยู่แล้ว ช่วงที่เป็นทรมานมาก จนคิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าแน่ๆ นอนไม่หลับ เลยหันไปนั่งสมาธิ ช่วงแรกๆก็ดี แต่นานไปเหมือนยิ่งกดความคิด (นั่งเองแบบไม่มีใครสอน) ยิ่งอาการหนักกว่าเดิม กลายเป็นว่าย้ำคิดเรื่อง การตาย (มรณสติ) กลายเป็นกลัวตายขึ้นสมอง พยายามต่อสู้อยู่ประมาณ ครึ่งปี และจะเป็หนักในช่วงทำสมาธิจนแทบทำไม่ได้ เครียด แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ เอาไปเอามากลายเป็นการย้ำคิดเรื่องนอนไม่หลับ เลยทำให้นอนไม่หลับจริงๆ ทรมานมากครับช่วงนั้น เห็นว่ามันไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นและไม่กล้าบอกใครด้วยแม้แต่แฟนตัวเอง หลังๆไม่ไหวเลยโทรบอกพี่สาวที่บ้าน พี่สาวก็บอกว่าก็เคยเป็นพักนึง(ประมาณครึ่งปี)ช่วงอายุเท่าๆกัน (ตายหละหว่า เป็นโรคกรรมพันธ์หรือนี่) เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลจิตเวช นั่งทำแบบสอบถาม 600 กว่าข้อ สรุปออกมาคือ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หมอบอกว่า คนต่างจังหวัดไม่น่าเป็น....(ซะงั้น)...หมอให้ Fluoxetin 20 mg กินสองเม็ดเช้า กับยาคลายเครียด (Lorazepam) กินก่อนนอน.....อาการดีขึ้นครับ แต่มีแกว่งๆบ้างช่วงเครียดๆ....แต่ปัญหาการนอนยากยังรบกวนอยู่บ้าง.....ช่วงนี้มีอาการย้ำคิดเรื่องการกำหนดสติลงที่การเคลื่อนไหวของกาย (จริงๆก็ไม่มีสติหรอกครับเป็นการเพ่งซะมากกว่า 5555) แต่ก็ไม่ยอมแพ้ครับพยายามกำหนดสติแบบหลวงพ่อเทียนอยู่ ล้มบ้าง ลุกบ้าง (ส่วนใหญ่จะล้ม) ก็สู้ๆไปครับ โชคดีเป็นคนชอบออกกำลังกายทุกวัน โรคทางกายเลยไม่มี(ตรวจร่างกายมาก็ปกติดีคับ) ไม่ได้เป็นหวัดกะเขามาหลายปีแล้วครับ

ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่จะเสียไปเพียงอย่างเดียว การป่วยครั้งนี้ผมได้อะไรกลับมาเยอะ จากคนไม่เคยสนใจธรรมะ ก็หันหาธรรมะ จากคนเสเพลกินเหล้า ก็ละจนจะเลิกแล้วครับ จากคนคิดมากไปซะทุกเรื่อง ก็คิดที่จะวาง จากคนที่คิดว่า ทำอะไรต้องได้ กลายเป็นว่าช่างมันเถอะ ทำดีที่สุดก็พอ ทำเหตุปัจจุบันให้มันดีก็พอ ....จากคนบ้างาน ทำงานวันละ 14-15 ชั่วโมง ก็ลดเหลือ 8 ชั่วโมงพอแล้ว ที่เหลือทำอย่างอื่นพักผ่อน

ชีวิตย่อมนำสิ่งที่ดีมาให้เราเสมอ....ถ้าไม่ถึงวิกฤติ ชีวิตก็ไม่เปลี่ยน....ในทางที่ดีขึ้น....ใช่ไหมครับ.....

ตอนนี้อายุ20กำลังจะ21ค่ะ

เราเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมาได้หนึ่งปี นี่เข้าปีที่สอง และเป็นโรคซึมเศร้าสิบกว่าปีนับตั้งแต่เริ่มเป็นโดยไม่รู้ตัวจนไปหาหมอ

ตอนแรกเราไม่รู้ ว่าเราเป็นอะไร เพราะเศร้าตลอดเวลา เหมือนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่อยากทำอะไร นั่งร้องไห้บ่อย ตอนเด็กๆ ก็จะมีอาการกลัวความสกปรก แต่พอเพื่อนว่าเรามากๆ ก็เลยเลิกๆ ไป

อาการปัจจุบัน เวลาออกจากบ้านก็กลัวลืมปิดไฟบ้าง เตาบ้าง คิดว่าดึงปลั๊กพัดลมหรือยัง ปิดแก๊สหรือยัง ต่างๆ นาๆ ต้องเดินเข้าไปดูอีกรอบ ทิ้งข้าวของไม่ลง ล้างมือบ่อยถ้าคิดว่าสิ่งที่จับสกปรก ซึ่งเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นโรค

จนเรามีอาการคิดไม่ดีต่อสิ่งที่เคารพไปในทางอนาจาร มันจะมีภาพผุดขึ้นมา เห็นก็ไม่ได้ เป็นแบบนี้ตลอด แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่เห็นไม่เป็นไร แต่พอช่วงหลังๆ ไม่เห็นก็คิด เราพยายามสู้กับมันมากๆ ไม่คิดๆๆ ทุกข์ทรมาน อาการเหมือนคนหัวใจสลาย นั่งร้องไห้เพราะมันทุกข์ใจมากๆ ทรมานใจสุดๆ คราวนี้เริ่มมีอาการตื่นกลัว หูแว่ว เห็นอะไรดำๆ วิ่งไปมาบ้าง

ในที่สุดเราก็ไปหาหมอค่ะ(อาการหูแว่ว เห็นอะไรดำๆ หรือกลัวหายไปแล้ว) และเล่าทุกอย่างให้หมอฟัง ทั้งอาการที่เป็น ทั้งเรื่องสมัยเด็กจนโต(หมอถาม) ซึ่งเราคิดในตอนนั้นว่า เราปกติ หมออาจจะบอกว่าเราคิดมากไปให้กลับบ้านไปนอน แต่ปรากฏว่าหมอบอกอาการเรามาค่ะ ซึ่งตรงกับสิ่งที่เราเป็นมากๆ

เขาบอกว่าเราเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ และมีอาการซึมเศร้าด้วย

เราเพิ่งจะเริ่มรักษาได้อาทิตย์เดียวค่ะแต่ที่เรามาเขียน เพราะอยากเป็นกำลังใจให้คนที่เป็น ว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวนะคะ คือเราตอนยังไม่เจอเวปนี้เราทุกข์มากค่ะ ทรมานมาก เราไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ คนอื่นเขาก็ไม่ได้เป็น พอได้มาอ่านทุกความเห็นเราก็รู้ว่าไม่ใข่แค่คนเดียวที่เป็น รู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น

ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองเป็นหรือสงสัยข้องใจ ไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ ทุกโรงพยาบาล มีแพทย์จิตเวชทั้งนั้นค่ะ แต่อาจจะเข้าเป็นบางวัน เพราะไม่ใช่โรงพยาบาลเฉพาะ เราแนะนำให้โทรไปสอบถามทางโรงพยาบาลที่ไปสะดวกหรือไปประจำว่ามีหมอทางจิตเวชหรือไม่ หมอเข้ากี่โมง มาวันไหน หมอชื่ออะไร ผู้หญิงผู้ชาย หรือคุณอาจจะระบุไปเลยว่าอยากพบหมอผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะการรักษาต้องพบแพทย์บ่อยค่ะ ไม่ได้ไปรักษาเหมือนเราเป็นหวัด

นี่เป็นสิ่งที่เราประสบกับตัวเองมา อยากให้คนที่กำลังข้องใจหรือว่าเป็นแล้วไปหาหมอค่ะ เอาพ่อแม่พี่น้องไปเป็นเพื่อนก็ได้ อย่ารอให้มันเป็นหนักๆ เลยค่ะ ที่เราออกมาพูดไม่ใช่ว่าเราดีแล้วสบายแล้ว แต่เราเข้าใจว่าคนที่เป็นมันทุกข์ทรมานมากๆ ค่ะ บอกใครก็ไม่มีใครเข้าใจ พูดไปสิบรอบแต่คนฟังกลับหาว่าเราคิดไม่ดี ฉะนั้นไปหาหมอดีที่สุดค่ะ ให้หมอวินิฉัย

หนูก็เป็นโรคนี้ค่ะ มันทรมานมากเลย

หนูเป็นโรคที่แบบ กลัวของตก กลัวมือสกปรก

กลัวนู่นกลัวนี่ คิดมากไปหมดเลย

อยากหายไวๆค่ะ คิดว่าชีวิตนี้คงจะไม่หายแน่เลย

พึ่งรู้ว่าที่ทำคือโรคชนิดหนี่ง

เราเป็นคนหนี่งที่ ชอบทำอะไรซ้ำๆ ทั้งที่พึ่งไหว้พระไป กลับคิดว่ายังไม่ได้ไหว้ ต้องลุกขึ้นมาไหว้ใหม่ บางวันกว่าจะได้นอนต้องไหว้หลายๆที จนแฟนถามว่าทำอะไร ทำไมต้องไหว้หลายๆที ซึ่งเราเองก็ตอบไม่ได้ และตอนนี้กำลังท้องอยู่ยิ่งเป็นหนักกว่าเดิม ชอบคิดบางทีไม่อยากคิดแต่บังคับให้สมองไม่คิดไม่ได้ บางทีกำลังขอพร สมองเราเองก็คิดเห็นแต่สิ่งไม่ดี ทั้งๆที่ขอพรดี สมมติว่า ขอพรว่าให้ลูกออกมาร่างกายแข็งแรงแต่แว็บนึงก็คิดเห็นภาพเด็กที่ไม่แข็งแรง เราก็ต้องขอพรเดิมซ้ำๆอีกที ว่าขอให้ลูกแข็งแรง เป็นอย่างนี้ทุกวันเว้นแต่วันใหนที่เผลอนอนหลับ มันทรมานมากจิงๆนะคะ สงสารตัวเองที่สุดเลย

ถึงคุณ filox [IP: 124.121.120.210] 
25 มกราคม 2554 16:09 

 

เคยมีอาการแบบเดียวกันเมืิ่อสี่ปีที่แล้วค่ะ และสามารถเอาชนะได้ และตอนนี้หายเป็นปกติ สบายและโล่งมาก ถ้ายังไงต้องการคำปรึกษา เมลล์มาได้นะคะ [email protected]

เคล็ดลับที่ทำให้หาย คือเราต้องไม่พยายามไปแก้มันค่ะ  เมื่อเราคิดขึ้นมาให้กำหนดว่า คิดหนอ...ที่มันทำให้เราทุกข์ เพราะ เราปักใจและเชื่อว่า ความคิดนี้เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรทำ เราผิดที่คิด วิธีแก้ คือ ให้มองว่ามันเป็นแค่ความคิดที่ลอยอยู่ในหัว คิดแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้ติดอยู่กับตัวเรา  เมื่อ เรามองว่า ความคิดนี้ หรือภาพนี้ เป็น "กลางๆ" เป็นแค่กลุ่มก้อนความคิดหนึ่ง ไม่มีปัญญัติว่าดีหรือร้าย...ความกังวลซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการย้ำคิดย้ำทำ จะหายไป แล้วซักสามสี่วัน จะโล่งขึ้นมาก จนหายสนิทในที่สุด  

และ สำคัญมากกกคืนะคะคือ อยู่กับปัจจุบันค่ะ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะคิดอีก

ขอให้โชคดีค่ะ

โม

ผมเพิ่งเห็นโฆษณาใน tvว่า ThaiPBS วันพฤหัสที่ 3 กพ. 54  นี้เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ? รายการ sponge จะมีวิธีการแก้อาการย้ำคิดย้ำทำ ยังไงก็ลองดูกันนะครับ

รู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคแบบนี้มาเกือบจะปีนึงแล้ว

จากสิ่งที่เรานับถือ  สิ่งที่เรารัก  และชีวิตที่เคยมีแต่ความสุข

ตอนนี้แทบจะไม่มีอีกแล้ว

ไม่ว่าจะมองอะไรก็ตามที่เราเห็น  ผมมองว่ามันไม่ดีไปหมด

เวลาหยิบจับของ หรือวางอะไร ต้องรู้สึกว่าสิ่งๆนั้น อยู่ตรงกลางตลอด

สิ่งที่นับถือ ผมก็คิดว่าเกลียด คิดหยาบคาย

แม้แต่ผู้มีพระคุณ เราก็คิดว่าเราไม่นับถือเค้า

มีแฟน จะทำอะไรกับแฟน หรือมองหน้าแฟนเรา 

เราก็คิดเป็นคนอื่นไปซะหมด  แฟนเสียใจมาก  และผมก็เสียใจ

ที่ทำไม จากที่เคยดี ๆ ตอนนี้มันเหมือนมีอะไรมาควบคุมความคิด จินตนาการเราเอาไว้

แทนที่จะเป็นตัวเรา แต่กลับรู้สึกว่า มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

บางครั้งอยากจะฆ่าตัวตาย จะได้ไม่ทรมานแบบนี้อีก (ไม่รู้เวรกรรมหรือเปล่านะ)

ผมต้องทำยังไงบ้าง อยากจะหยุดคิด แต่ก็ทำยากเหลือเกิน 

ต้องทำยังไง อาการแบบนี้ถึงจะดีขึ้น

ต้องใช้ยาช่วยหรือเปล่า ? 

ตอนนี้ผมอยากให้ชีวิตกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่มาจมกับความทุกข์ทรมานแบบนี้

ผมไม่อยากเป็นตลอดชีวิต ผมกลัวว่า หากวันหนึ่งผมทนไม่ไหว ผมยอมแพ้มัน

ผมอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

 

ช่วยบอกผมที ผมต้องทำยังไงถึงจะชนะอาการพวกนี้

 

 

 

ถึงคุนข้างบน

 

อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ  ดิฉันเคยเป็นแบบคุณและเคยทรมานอยากฆ่าตัวตายเช่นกัน

ขณะนี้อาการเหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว โดยไม่ต้องมียา ไม่ต้องไปหาหมอใดๆทั้งสิ้น

ประเด็นของโรคนี้ และวิธีที่ดิฉันหาย  ก็เพียงแค่ "ไม่สนใจ" มันค่ะ  คือมันอาจจะเข้าใจยากแต่ทีแรก  ที่คุณเศร้า และคุณทรมานเกี่ยวกับ"ความคิด" เป็นเพราะคุณไปยึดว่ามันไม่ดีไงคะ  ไปยึดว่า คำๆนี้ เป็นคำหยาบ ทำแบบนี้ไม่มี พอเกิดคุณทำขึ้นมาจริงๆ มันก็เลยทุกข์

วิธีคือ มองแค่มันคือความคิด  ไม่ต้องพยายามแก้ใข ไม่ต้องพยายามหยุดความคิด แค่ปล่อยให้มันคิด และมองเป็นกลางๆว่า มันก็แค่ความคิด ไม่ได้มีความหมายแง่ร้ายหรือดี พอความกังวลว่า คุณจะคิดอะไรแย่ๆอีก หายไป....อาการก็จะบรรเทาลง ทุกอย่างจะคลายตัวเองค่ะ

เป็นอยู่เหมือนกันครับ อาการของผมคล้าย ๆ กับของคุณ k. กับ คุณ เนย มาก ๆ ทรมานมากครับตอนเป็น ผมเริ่มเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว จนตอนนี้ก็ 30 กว่าแล้ว เคยมีช่วงที่หายอยู่พักนึง ช่วงที่เป็นหนัก ๆ ก็มีหลายช่วงเลย ในช่วงประมาณ ม.3 บวกลบปีสองปี เป็นหนักมาก ๆ ครับ ที่ว่าคล้ายกับคุณ k. ก็ตรงเรื่องปิดเปิดประตู ผมก็เป็นเช่นนั้นครับ คือระหว่างปิดเปิดประตูจะมีความคิดเรื่องไม่มีแทรกเข้ามา เราต้องคิดเรื่องดี ๆ เพื่อเป็นการหักล้างอยู่ตลอด  จะต้องเดินเข้าเดินออกอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะคิดเป็นเรื่องดี ๆ ได้    เรื่องเวลา ทุกครบรอบชั่วโมง เช่น เวลา 09.00 น. พอเข้าเวลานี้ถ้าความคิดเป็นเรื่องไม่ดีหรือมีจินตนาการในเรื่องที่เลวร้ายขึ้นมาละก็  จะต้องรอชั่วโมงต่อไป นั่นคือ 10.00 น. พอถึงตอนนั้นก็ต้องคิดหรือจินตนาการเรื่องดี ๆ ให้ได้ และกว่าจะถึงเวลานั้น ก็จะไม่ทำอะไรเลย (ไม่กินข้าว,ไม่กินน้ำ,ไม่ดูทีวี ฯ ) จนกว่าจะถึงเวลาที่จะแก้เป็นเรื่องดี ๆ  และถ้าถึงเวลาแล้ว ยังคิดเรื่องดี ๆ ไม่ได้ ก็ต้องรอต่อไปนั่นคือ 11.00 น.  ถ้ายังคิดไม่ทันอีก ก็ต้องรอไปเรื่อย ๆ เชื่อไหมครับ เคยมีวันที่ผมทำไม่ได้ กว่าจะได้กินข้าวมื้อแรก ก็ 20.00 เข้าไปโน่น  และระหว่างนั้นก็ไม่ทำอะไรเลยนะครับ   เป็นหนักครับ  แม้แต่ตอนลุกจากที่นอนตอนเช้า  ก็ต้องคิดให้เป็นเรื่องดี ๆ ครับ (เรื่องนี้ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ) ถ้าเวลาลุกขึ้นแล้วมีมโนภาพเรื่องไม่ดีเข้ามาละก็  ต้องล้มตัวลงไปนอนใหม่ ( ตอนเข้านอนก็เป็นเช่นกัน ) จนกว่าจะจินตนาการเรื่องดี ๆ ตอนลุกหรือเข้านอนได้ 
พอมาเรียนอุดมศึกษา  ก็มีแฟน ช่วงอยู่กับแฟนกับเพื่อน ๆ ไม่เป็นครับ หรือเป็นก็ไม่เป็นหนัก แบบเบา ๆ ก็เช่น เวลาใส่เสื้อผ้าแล้วคิดเรื่องไม่ดี ก็ถอดออกแล้วใส่ใหม่ ก็ไม่บ่อยครับ มาก ๆ ก็แค่ 3-5 รอบ
เหนื่อยครับ  ถ้าใครไม่เป็นไม่รู้  ผมเข้าใจเลย ใครที่เป็นแบบนี้ มันน่าสงสารครับ บางครั้งเราก็กลัวอะไรแบบที่ไม่มีเหตุผล  เช่น ถ้าเราไม่แก้หรือไม่คิดเรื่องดี ๆ เพื่อหักล้างกับความคิดหรือมโนภาพแย่ ๆ ได้ ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบที่เราคิด กับคนหรือบุคคลที่เรารักหรือรู้จัก  จึงต้องแก้ไขคิดเรื่องดี ๆ ให้ได้  ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้ง ก็ต้องทำ เคยเป็นนะครับ ถึงขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว จะออกไปนอกบ้านละ  ได้ยินเสียงหรือเจอข่าวไม่ดีจากในทีวีขึ้นมาละก็  ต้องย้อนกลับไปอาบน้ำใหม่แล้วแต่งตัวอีกรอบ และระหว่างอาบน้ำแต่งตัวต้องต้องจินตนาการเรื่องดี ๆ ทุกขั้นตอน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่เสร็จก็ปาเข้าไป 3-4 ชั่วโมง  กว่าจะได้ทำอะไรต่อ   เฮ้อ !!! เป็นไปได้..บ้าไหมละครับ
สงสารตัวเองและสงสารทุกคนที่เป็น  หายยากเหมือนกันครับโรคนี้ มันอยู่ที่จิตและความคิดของเรา ที่ไหลและไม่อยู่นิ่ง วิ่งตลอดครับ ยากที่จะจับให้คิดเรื่องดี ๆ ได้ตลอด  ยิ่งช่วงไหนที่อยู่คนเดียว ยิ่งเป็นหนัก 
วิธีแก้ไขเท่าที่ผมพอทำได้เพื่อบรรเทาอาการ(ไม่เคยใช้ยาครับ) ก็คือ อย่าอยู่คนเดียว เพราะความคิดจะฟุ้งซ่านมาก ๆ และเวลาอาการกำเริบเราทำได้แบบไม่ต้องแคร์ใครเพราะไม่มีใครรู้ นั่นก็จะทำให้เป็นหนัก    และอีกอย่างก็คือ  ต้องปล่อยวาง  นั่นคือต้องคิดให้ได้ว่า การจะเกิดอะไรคิดไม่ใช่อยู่ที่เรา มันมีหลายสาเหตุและปัจจัยผสมกัน  ไม่ใช่ว่าเราคิดไม่ดีเรื่องนั้นแล้วจะต้องเป็นแบบนั้นเพราะเรา   ก็ต้องพยายามคิดแบบนี้ครับ  เราต้องไม่ทำตามจิตเรา ต้องเอาชนะที่จะทำอะไรซ้ำ ๆ  ซึ่งก็ได้ผลบ้างและไม่ได้ผลบ้าง เพราะบางเรื่องมันเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าร้ายแรง ไม่แก้ก็ไม่สบายใจ ก็ต้องพยายามคิดเรื่องดี ๆ แก้ไขให้ได้ ถึงจะทำอะไรต่อไปได้
แต่ก็จะพยายามครับ  ต้องสู้ต่อไปครับ

 

ตอนเเรกอาการที่เป็นคือ ชอบสังเกตก๊อกน้ำว่าผมปิดน้ำ สนิดหรือยัง ผมเป็นอาการเเปลกนี้มาเกือบๆ 3 เดือน ตอนเเรกคิดว่าตัวเองบ้า คือตอนเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จ ก็ต้องนั่งมองก๊อกน้ำ ว่ามันปิดสนิดยัง ดูหลายๆรอบ เเต่หลังๆผมทนไม่ไหวกับการทำเเบบนี้ ผมจึงตัดใจ เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ จะไม่ดูมัน ตอนเเรกๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองขาดอะไซักอย่าง เเต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่ออาการเเบบนี้ก็หายไปเลย ผมเเนะนำนะครับ เราต้องกล้าที่จะลืม ต้องลองผืนใจดู 1 อาทิตย์  สามารถเเก้ได้ ขอบคุณครับ

คือว่าหนูก็เป็นนะคะ คือว่าหนูเล่นเกมอะคะเเล้วหนูก็รู้จักคนนั้นทางเกมเเล้วเราก็เเลกเบอร์กับเมล เเล้วเราคุยกันมาเดือนสองเดือนคะเเม่หนูก็รู้ว่าหนูคุยกับมันเเต่เเม่ก็ตักเตือนหนูเเล้วบอกว่าไม่ต้องคุยกับมันอีกเเต่หนูดันอยากคุยกับมันอีก มาวันหนึ่งคนนั้นมันมาด่าหนูเเล้วก็ไม่คุยกับมันเลยเเล้วก็เปลี่ยนเบอร์คะ คือว่าหนูเห็นหน้ามันในmsn เเละหนูจำเสียงมันได้อะคะ เเล้วมันมาหลอนในหัวหนูมานานมากอะ มันไม่ยอมออกซะทีมีเเต่เรื่องของมันมาวนเวียนอยู่นั่นเเหละ หนูไม่ได้ชอบมันนะคะเเต่มันมาด่าหนูถึงพ่อเลยอะ เเล้วในตอนนี้ก็มีเเต่เรื่องของมันที่มันมาหลอนในหัวอะ

ทำไงดีคะช่วยหน่อยคะหนูก็เป็นย้ำคิดย้ำทำคะ T T

ผมก็เป็นเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้แทบจะไม่มีอาการให้เห็นเลยครับนานๆทีจะมาทีแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย จริงอย่างที่คุณหมอบอกเลยครับผมเริ่มเป็นตอนอายุ 20 ปีพอดีเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกแย่มากอย่างที่ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือ "ความกลัว" ครับ กลัวว่าความคิดการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดจะมีผลในทางลบต่อตัวเรา ผมไม่ได้ไปหาหมอหรือรักษาทางการแพทย์นะครับ สิ่งที่ผมใช้รักษานั้นคือ ใจของเราเอง เราต้องคิดว่าแค่นี้ทำไมเราจะทำไม่ได้ คนอื่นเค้าโชคร้ายกว่าเรานับไม่ถ้วนในโลกนี้เป็นแสนเป็นล้าน คนยากจนจนไม่มีอะไรจะกิน คนเกิดมาพิการ คนขอทาน คนในประเทศที่อดอยาก คนที่ไม่มีความพร้อมเลยของชีวิต แล้วเค้าเหล่านั้นทำไมอยู่ได้ บางคนประสบความสำเร็จกว่าคนดีๆทั่วไปเสียอีก เราครบ32 แล้วทำไมเราจะอยู่จะสู้ไม่ได้ ทั้งที่เราพร้อมกว่าพวกเค้าตั้งเยอะ ลองไปหาอ่านประวัติคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆท่าน ที่มีพื้นหลังที่น่าเศร้าดูสิครับจะได้มีกำลังใจในการสู้ต่อไป อย่าไปโทษตัวเองครับว่าคิดไม่ทำไม่ดี ให้คิดว่ามันเป็นของมันเองมันบังคับไม่ได้เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ตัวของเรา ถ้าเป็นตัวของเราเราต้องควบคุมมันได้สิ ปล่อยวาง.... ลองสังเกตดูว่าความคิดหรือการกระทำมันเกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด การคิดการสังเกตแบบนี้จะช่วยให้เราไม่คิดถึงเรื่องย้ำคิดย้ำทำนั้น และจะมีสมาธิอีกด้วย หาเหตุผลของมันดูแล้วไม่ช้าก็จะได้รับคำตอบของตัวมันเอง สุดท้ายนี้อยากจะฝากบอกทุกคนว่า "ใจเรานั้นสำคัญที่สุด จะสู้หรือจะถอยขึ้นอยู่กับตัวคุณ" และที่สำคัญ   อย่ากลัวความจริง 

อย่าลืมคิดบวกคิดในแง่ดีไว้เยอะๆนะครับ ถึงจะทำได้ยาก เราก็ฝึกคิดดีบ่อยๆ แล้วมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาเองตามลำดับ ยังมีสิ่งดีๆในชีวิตรอคุณอยู่อีกมากมายครับ ลองหาดู

ทำไมด้านข้างมันแหว่งอ่ะคะ อ่านไม่เข้าใจ

คือเจอลูกค้า ชอบตามของ ตามๆๆๆแล้วก็ตาม พูดแล้วว่าของกำลังมาก็ตามๆๆ ซ้ำๆๆ แล้วก็เมล์ตัวหนังสืออันโตๆมาว่าเมื่อไหร่จะมา ทั้งที่มันแค่ 7 วันเอง ก็บอกไปแล้วก็ยังตามๆๆๆ ส่งsms มาขอ Tracking Number ตอนเช้า ตอนบ่าย ส่งมาขออีกแล้ว เพิ่งเป็นลูกค้ากันหนแรก ยอมส่งSMS ไปบอกเลยว่า ไม่ขายให้แล้ว มันน่ารำคาญมาก คนอย่างนี้เป็นโรคหรือเปล่า แล้วที่เป็นนี้เป็นเด็กวัยรุ่นด้วยนะคะ ไม่ใช่คนแก่ มันทำให้อีกฝ่ายจะป่วยไปด้วยนี่สิ ประสาทเสียมากค่ะ มันแย่ตรงนี้

สามีดิฉันเป็นโรคยำคิดยำทำกลัวความสกปรกกลัวเลือดเป็นอย่างมาก แรกๆที่เขาเป็นบุคคลิกจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จะซึมนั่งไม่พูดไม่จาขับรถก็คอยหลบสิ่งสกปรกจนดิฉันจับสังเกตุได้เพราะเกือบเกิดอุบัติเหตุ ทุกวันนี้รักษาโรคนี้อยู่8 เดือนแล้วแต่การก็ยังไม่นิ่ง คนรอบข้างคือดิฉันก็ต้องรักษาตัวเองด้วยเพราะเครียดจัด แถมลูกชายก็ได้รับพันธุกรรมโรคยำคิดยำทำจากพ่อเขาด้วย ดิฉันสงสารลูกมากช่วงใดที่เครียดอาการของลูกเองก็จะกำเริบเช่นกัน บางทีดิฉันก็ท้อใจเพราะต้องรับภาระหนักเหลือเกิน โชคดีหน่อยที่ทางบ้านพอมีฐานะมิเช่นนั้นดิฉันคงไมอยู่ในโลกน้อีกแล้ว โรคนี้ทรมานทั้งผู้ป่วยและคนรอบข้างเอามากๆ เท่าที่ถามหมอบอกว่าไม่หายขาด ดิฉันโชคร้ายเหลือเกินแต่พอมาเจอข้อคิดจากพวกคุณๆก็ทำให้ดิฉันคิดว่าตัวเองยังมีเพื่อนอยู่ช่วยปลอบใจกันหน่อยนะคะ

โอ๊ย เครียดๆๆๆๆ

หนูเพิ่งอายุ14เองค่ะ

แต่ดันมาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ

มันทรมานมากเลย พยายามจะไม่ทำอะไรๆซ้ำ แต่มันก็อดไม่ไหวทุกที

เป็นเกือบทุกข้อที่กล่าวมาเลย

ขนาดวางผ้าไว้บนเตียงเฉยๆก็ยังจัดแล้วจัดอีก ทั้งๆที่มันก็อยู่ของมันดีอยู่แล้ว

อยากจะร้องไห้

คือรู้นะว่าทำอะไรอยู่ แต่ก็ฝืนตัวเองไม่ได้

อยากไปเป็นคนมักง่ายจัง อย่างน้อยก็มีความสุขกว่า

ไม่ต้องหวาดวะแรง ทรมานแล้วก็เครียดเหมือนที่เป็นอย่างทุกวันนี้

ทำเอาจนจะบ้า

มันหยุดคิดไม่ได้

พอเห็นพระหรือพระพุทธรูปอะไร อยู่ๆคำด่ามันก็โผล่ขึ้นมาในหัว

พยายามไม่คิดแล้วแต่มันดันคิดอีก

ทรมานจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

อีกอย่างนึงคือเวลาถือของมีคมอะไรก็อยากเอามาตัดนิ้วตัวเอง

แทงตัวเอง

แทงคนอื่น

ทั้งๆที่ไม่อยากจะทำเลย

พยายามฝืนหรือยั้งมือไว้

อ่านหนังสือก็อ่านแต่บรรทัดเดิมๆ ข้อความเดิมๆ อ่านแล้วอ่านอีก

ทั้งๆที่อยากจะอ่านไปหน้าอื่น แต่ก็หยุดสายตาตัวเองไม่ได้

พอพิมพ์อะไรสักอย่างในคอม หนูก็จะลบตัวอักษรตัวนึงแล้วพิมพ์ตัวนั้นใหม่

แล้วก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าหนูจะพอใจ

แล้วก็สารพัดย้ำคิดย้ำทำอะไรหลายๆอย่าง

ทำไงดีคะ

มันทรมานมากเลย

มันทรมานจนหนูอยากจะร้องไห้เลย

ตอนนี้กำลังพยายามรักษาตัวเองอยู่

ก็ดีขึ้นมานิดนึง

แต่อาการก็ยังมีเยอะ

หวังไว้อย่างเดียวว่าหนูจะได้หายเหมือนคนปกติซักที

เพื่อนหนูก็เริ่มสงสัยแล้วว่าหนูเป็นอะไร

มีแต่หนูคนเดียวที่รู้อาการ

เพราะหนูจะเป็นแบบนี้ตอนอยู่คนเดียวหรือตอนเพื่อนเผลอ

อยากขอแค่อย่างเดียว

คือขออยากกลับมาเป็นปกติอีกครั้งนึง

จะมีหวังมั้ยคะ...

อาการย้ำคิดย้ำทำที่เคยเป็น

1. อายุ 10-12 ปี เกิดจากคืนหนึ่งที่เราหิวน้ำมาก อาการหิวน้ำทุกครึ่งชั่วโมง ไม่ได้กินเหมือนจะตาย ตอนนอนต้องเอาน้ำไว้บนหัวนอน ตอนไปโรงเรียนต้องเอาน้ำพกใส่ถุงไปกินตามทาง

2. อายุ 16-27 ปี มีวันหนึ่งที่ทานข้าวและทานขนมหวานมากจนมีอาอาการข้าวติดคอ ตั้งแต่นั้นมาก็บ้วนเสมหะทุกครั้งก่อนทานข้าว เพราะคิดว่าเสมหะจะติดคอ กลัวตาย อาการนั้นคิดว่าทานข้าวแล้วข้าวติดคอ เป็นมาตลอดหลายปี ตอนอายุ 21 ปี อาการข้าวติดคอรุนแรงมากจนกินไม่ได้ ผอมแห้งแรงน้อย จึงต้องไปหาหมอ หลังจากหมอคุยไปมา จึงบอกให้เราไปหาจิตแพทย์แต่ก็ไม่เคยไปหาเลย

3. อายุ 23 – 32 ปี เป็นอาการเหนื่อยง่าย ปกติเป็นคนไม่แข็งแรงแต่ชอบเล่นฟุตบอล มีวันหนึ่งไปแตะฟุตบอลนานประมาณ 70 นาที และเหนื่อยมากร่างกายรับไม่ไหว หัวใจเต้นแรงและเร็วมาก ร่างกายมือชา เท้าชา กลัวตายจึงรีบขึ้นแท็กซี่ไป รพ.เลิดสิน เข้าออกซิเจนประมาณ 30 นาที หัวใจจึงเต้นเป็นปกติ ตั้งแต่นั้นมา

พอเล่นฟุตบอลไปสัก 20 นาทีก็จะเป็นอาการเหนื่อยหอบตลอด เครียดสะสม และต่อมา คิดย้ำๆตลอดว่าตัวเองนอนไม่หลับ เป็นคนหลับยากเกิดจากคิดซำๆซ้ำไปซ้ำมาวันละหลาย 10 รอบ

4. คิดด่าพระ,ด่าพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกิดจาก เมื่อต้นเดือน เม.ย. 54 นี่เอง ผมไปปฏิบัติธรรม 3 คืนที่วัดแห่งหนึ่ง คือปกติเป็นคนสนใจธรรมะอยู่แล้ว เพราะคยบวชมา พอคืนแรกจิตกำลังจะนิ่งก็มีมารหรือความจิตดีกับจิตเลว ปะทะความคิดกัน จิตเลวครอบงำได้และมีโรคนี้มาก่อนอยู่แล้ว(แต่ไม่รู้ตัว) จึงเครียดบ้าง ดีบ้าง เพราะสวดมนต์ตลอด แต่สวดมากๆ จิตไม่น้อมนำ มันต่อต้านตลอดทำให้เราหัวใจเต้นแรง เหมือนคนดันประตูกันไปมา จะไปข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ไป บางวันนั่งรถเมล์ไปทำธุระ แทบจะโดดออกมากลับบ้านเพื่อนั่งสมาธิ เวลาเข้านั่งสมาธิสงบบ้าง ด่าบ้างอยู่อย่างนั้น กลัวบาปมากๆเลย แต่เราก็หายทุกครั้งโดยนั่งสมาธิชั่วโมงกว่าจึงจะหายแต่ไม่หายขาดนะ เห็นรูปพระไม่ได้เลย จิตเผลอคิดไม่ดีตลอดดีที่ได้กุศลตลอด พอมาเปิดเน็ตดูถึงรู้ว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่เป็นอย่างนี้ อ๋อ! รู้แล้วว่าเราเป็นโรค

วิธีแก้ไข

1. คิดรู้ว่าเราเป็นโรค ไม่ผิดศีลธรรมหรอก เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า กรรมเกิดจากเจตนาทาง วาจา ใจ เท่านั้นจึงจะมีผล ส่วนทางใจนั้นมันจะไปกั้น มรรค ผล นิพพานคือใจไม่เป็นกุศล ไม่ปล่อยจิตให้ว่าง โดยการไม่น้อมนำเข้าสู้สายเลือด จะไม่สามารถ ได้อัปนาสมาธิ เข้าถึงฌานได้ สวรรค์นั้นคือแค่ไม่ทำบาป ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว

2. ปล่อยวางตามความเป็นจริง ให้พิจรณาความ “ว่าง” เหมือนที่ท่านพุทธทาสสอนมากๆ

3. เอาตัวเราออกมานอกผืนโลกกลมๆที่เราอยู่ เหมือนว่าเราเป็นดาวเทียมที่มองโลกใบเล็กนี้ๆได้ เห็นเป็นกลมๆอยู่ เราก็จะได้คติว่า แม้แต่แม่น้ำเจ้าพระยาเรายังมองไม่เห็นเลย แล้วเราจะแบกโลกอยู่ทำไม

4. คนที่เป็นโรคนี้ ส่วนมากจะกลัวตายเป็นพิเศษ คุณว่าจริงไหม ฉะนั้นก็อย่าไปคิดมันให้คิดว่า เมื่อถึงคราวตายมันจะตายเอง เมื่อไม่ถึงเวลามันไม่ตายหรอก

5. คนที่เป็นอาการอย่างนี้ส่วนมากจะเป็นคน sensitiveและฉลาด บางคนฉลาดมากๆ คือคิดโลกอย่างลึกซึ้งกว่าคนอื่นๆ ซึ่งถ้าใช้สติ ปัญญาในทางที่เป็นประโยชน์แล้ว ก็จะช่วยให้ตัวเอง ประสพความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำ

6. บอกเพื่อนเราที่ไว้ใจได้ว่าเราเป็นโรคนะOPC ไม่ใช่โรคจิต,หรือบ้า ผมคิดว่าคนปกติทุกคนเป็นหมอเราได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้ากับจริตเราหรือเปล่า

ปัจจุบัน ทุกข้อที่กล่าวมาหายหมดแล้ว เกิดจากการใช้ธรรมะด้วย การฝึกจิตด้วยเข้าช่วยด้วย หลังจากที่รู้ว่าเป็นโรค ผมก็ใช้จิตบำบัด บำบัดเองจากจิตภายใน นั่งสมาธิบ้างแต่ต้องชั่วโมงกว่าๆจึงจะดีขึ้น เหลืออาการแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าจะหายขาดภายใน 1 เดือน( พ.ค.54) แน่นอนครับ ใครที่เป็นโทรมาปรึกษาได้นะครับ ผมชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว ได้กุศลดี โทร 083-0512867,089-0683303 ปัจจุบัน เป็นผู้จัดการ(คุณติ๊ก)

มันทรมานมากเลยค้ะ ถึงแม้มันจะเป้นแค่ความตคิดแต่มันเหนื่อยนะค่ะ หนูอยากหายค่ะทำยังไงดี หนูควรจะทำไง ควรไปหาหมอไม๊ค่ะ หนูไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว บางทีก็นึกลบหลู่พระที่เราเคารพแต่ก็พยายามหาข้อหักล้างว่าเราไม่ได้คิด พยายามทำให้มันเป้นเรื่องดีแต่ก้ทำไม่ได้ บางทีก้คิดไปเองว่าคนโน้นคนนี้ต้องโกรธเกลียดเราแน่เลย แค่โทไปแล้วเค้าไม่รับ ก้คิดไปไกล ตคิดไปถึงว่าเค้าไปรุ้อะไรมารึเปล่ามีใครนินทาเราไห้ฟังรึเปล่า

พอมาอ่าน หนูคิดว่าหนูเป็นนิดหน่อย ตอนแรกหนูไม่รู้ตัวเลย คือ ก่อนนอนหนูจะจินตนาการเรื่องต่างๆซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น จินตนาการว่าเข้าไปอยู่ในระเบียงสีขาวทอดยาวไปไกลสุดสายตา วันต่อมาหนูก็จะคิดอีก คิด คิดต่อไปเรื่อยๆจนติด ถ้าไม่ได้คิดจะนอนไม่หลับ แล้วหนูชอบล้างมือซ้ำๆ เป็นอุปสรรคมากค่ะ หนูไม่ค่อยมีเพื่อน พอมีเพื่อนแล้วเพื่อนไม่ได้คุยด้วย หนูจะคิด คิดว่าพวกเพื่อนๆเกลียดหนูแน่ๆเลยก็เลยชวนคุย แต่หนูไม่ใช่คนช่างพูดพอคุยแล้วจะคิดว่าเขารำคาญเราหรือเปล่า ก็เลยเงียบ พอเงียบแล้วก็คิดต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้หนูอยู่ม.6 ตอนป.5เคยทำเรื่องน่าอายอย่างหนึ่ง แล้วเพื่อนเอาไปบอกคนอื่นๆ แล้วมันจำมาตลอด พอหนูคิดเรื่องนี้หนูจะเริ่มร้องไห้ แต่กหยุดคิดไม่ได้ แล้วที่บ้าน ย่าเป็นคนปากจัดมาก เรื่องที่หนูไม่ได้หรือทำเขาจะเอามายัดเยียดให้หนูแล้วด่าหนูจนได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี แต่หนูก็นึกไม่ออกว่าเคยทำหรือเปล่า คือหนูจะจำอะไรไม่ได้เลย เหมือนความจำเสื่อมเลยค่ะ เเล้วตอนเด็กหนูเคยนำเพลงใกล้รุ่งไปดัดแปลง แล้วพอโตมาก็คิดว่าบาปแน่ๆ แล้วหนูจะเริ่มคิด คิดๆๆๆๆๆ หนูเคยคิดว่าศาสนาพุทธไม่ดี ตอนโตมายอมรับว่าดีแล้วนึกถึงอดีตว่าทำไมเคยคิดอย่างนั้น และจะเริ่มคิดซ้ำๆจนสติจะเเตกเลยค่ะ เรื่องเลขทะเบียนรถก็เข้าข่าย เช่นทะเบียน 3569 หนูจะเอา 3+5=8, 6+9=15 เอาคำตอบมารวมกันได้23แล้วจะเอา3กับ2มารวมกันเป็น5แล้วก็ถอดรากอีก คือ ทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าจะเปลี่ยนวันละสองสามรอบเพราะคิดว่าไม่ดี

เฮ้อ มีอีกเยอะค่ะ หนูเป็นมาตั้งแต่เด็กเลย ตอนนี้อายุ17แล้ว ไม่รู้ว่าจะรักษาได้รึเปล่า แล้วหนูยังเป็นโรคกลัวที่กว้างอีก เจอคนเยอะๆหนูจะตัวแข็งทื่อ คิดว่าคนอื่นจะจ้องตัวเองด้วยสายตามุ่งร้าย เวลาเดินจะไม่ยอมเดินกลางๆ จะเดินริมๆเพื่อให้มีที่ยึดเกาะ ถ้าหนูออกไปในที่กว้างๆหนูจะชวนคนอื่นๆคุยเพื่อข่มความกลัว หรือไม่ก็ทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่ทำได้ บางครั้งเครียดมากจะเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าเเคบๆแล้วขังตัวเองไว้ในนั้น เวลานอนจะดึงหมอนข้างมาใกล้ตัวให้มากที่สุด ให้ตัวเองชิดกำเเพงเข้าไว้เพื่อความอุ่นใจ และจะเกาะหมอนข้างไว้ไม่ให้ออกไปไกลๆ และหนูเป็นคนชอบเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาก จะคิดเสมอว่าอยากให้มนุษย์ต่างดาวมาโจมตีโลก และฆ่าทุกคนไป และหนูคือคนเดียวบนโลกที่รอดอยู่ หรือไม่ก็เราตายคนเดียว แต่คนอื่นกลับถูกพาไปยังโลกที่ดีกว่าโลกนี้ ตอนแรกหนูคิดว่าไม่เป็นอะไร มันก็แค่จินตนาการ พอมันเริ่มฟุ้งซ่านคิดทุกๆครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วเป็นความคิดเลวร้าย หนูจะเริ่มร้องไห้ว่าทำไมต้องคิด หรือไม่ก็ถ้าเรื่องที่เราคิดเป็นจริงทำไมเราต้องตายคนเดียว หรือรอดคนเดียว ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนคิดและจินตนาการแท้ๆ เอ่อ เรื่องนี้เกี่ยวด้วยหรือเปล้าก็ไม่รู้ แต่หนูคิดว่าหนูอาจเป็นโรคทางจิตด้วยเหมือนกันน่ะค่ะ

ผมก็เคยเปนนะ อาการคล้ายๆแบบนี้เลยเวลาคิดอะไรจะคิดให้มันเห็นไปถึงโครงสร้างเลยอะคับ เช่นมองโต้ะก็จะนึกไปถึงตะปูถึง

อุปกรณ์แล้วก็จะคิดซ้ำๆอยู่อย่างนั้นเมื่อมอง เห็นอะไรก็จะคิดอย่างนี้มันปวดหัวมากเลยคับ เวลาเล่นกีฬาเล่นอะไรก็จะคิดมาก

คิดกลัวว่าตัวเองจะทำผิดกฎกลัวจะทำอะไรน่าอายๆไป ทำให้ผมจะกดดันเสมอ เมื่อทำอะไรต่อหน้าคนอื่น เมื่อกดดันมากก็มักจะ

ไม่สำเร็จเพราะไม่มีสมาธิ แต่เวลาทำอะไรตอนอยู่คนเดียวก็ทำได้ตามปรกติ ชอบจินตนาการแปลกๆเห็นใครทำอะไรนิดหน่อย

ก็คิดว่าเค้ามีปฎิสัมพันธ์กับเรา มันทรมานมากเลยคับต้องคิดตลอดเวลา ระวังตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ทำให้นอนยากด้วยคับ ...

หนูคิดว่าคนเกือบ 70% เป็นโรคนี้ค่ะสาเหตุหลักอาจจะเกิดจากความเครียด อาการซึมเศร้าเลยทำให้สมองพยายามคิดสิ่งต่างๆ

ขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกเพื่อให้ความรู้สึกของตนเองดีขึ้น เเละอาจจะเกิดมาจากสิ่งเเวดล้อม ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นจากครอบครัว เเละสังคมที่เห็นเเก่ตัว

ผมก็มีปัญหาคิดว่าตัวเองเป็นโรคประสาทเหมือนมีอะไรอยู่ในห้วเรื่องที่คิดไม่ออกฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิชอบทำอะไรแปลกๆแล้วชอบคิดเรื่องเดิมๆวนไปมา

ในหนังสือ ทางสายเอก ของหลวงพ่อจรัญ เขียนไว้น่าสนใจจึงอยากนำมาบอกต่อครับ

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า เจตนาเป็นกรรม

การกระทำโดยมีเจตนาเกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่งถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือใจไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่จัดว่าเป็นกรรม เช่น คนเจ็บซึ่งไม่ไข้สูง เกิดเพ้อคลั่ง แม้จะพูดคำหยาบออกมา เอามือเท้าไปถูกใครเข้าก็ไม่เป็นกรรม ทั้งนี้โดยหลักเกณฑ์ที่ว่า ถ้าผู้ทำไม่มีเจตนากระทำแล้ว การกระทำนั้นก็ไม่เป็นกรรม

ผมก็มีปัญหาย้ำคิดย้ำทำอย่างมากครับ ในเรื่องของความคิดผิดๆที่เกิดขึ้นเองเมื่อก่อนก็พยายามข่มไม่ให้คิด ทำให้อึดอัดมาก หลังๆมานี้พอได้ศึกษาธรรมะผมคิดว่าอาการเกี่ยวกับความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจนั้นไม่น่าจะเป็นความผิดใดๆนะครับ คือ ตอนนี้ผมปล่อยความคิดอิสระไปเลยอยากคิดอะไรก็ช่างมัน พยายามควบคุมการแสดงออกทางร่างกายให้ดีแทน อย่างเช่นเวลาผมไปวัด ใจมันจะคิดลบหลู่ก็ปล่อยมันแต่ผมจะพยายามรักษากริยามารยาทที่ดีใว้ให้ได้ก็พอ ตอนนี้เรื่องความคิดลบหลู่พระไม่เป็นปัญหากับผมแล้ว แต่อาการย้ำคิดย้ำทำอื่นๆ ก็ยังเป็นอยู่ ผมเป็นคนมีปัญหาสุขภาพหลายเรื่อง บางอย่างก็รักษาไม่ได้เป็นโรคติดตัวมาแต่กำเนิด พยายามไปหาหมอเก่งๆมาหลายที่แล้วดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง ระยะหลังๆมีคนแนะนำให้ทำบุญ สวดมนต์อุทิศส่วนกุศล แล้วขออโหสิกรรม จากเจ้ากรรมนายเวร เอ้อออออออ แรกๆก็ไม่เชิ่อ แต่พอทำไปสักพัก หลายๆวันเข้า อาการต่างๆทั้งร่ายกายจิตใจมันดีขึ้นจริงๆนะครับ ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ อยากให้ลองปฏิบัติกันครับ ใช้เวลาสวดมนต์ ก่อนนอนทุกวันประมาณ 5 นาที แล้วก็หมั่นทำความดีในลักษณะต่างๆเช่น บริจาคหนังสือธรรมะ ช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ เพื่อจะให้การอุทิศส่วนบุญกุศลของเรามีประสิทธิภาพขึ้น เจ้ากรรมนายเวรจะได้อโหสิกรรมให้เร็วขึ้นครับ

***************************************************************************

บทสวดมนต์จากหนังสือของหลวงพ่อจรัญ

-บูชาพระรัตนตรัย-

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

-กราบพระรัตนตรัย-

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)

-ขอขมาพระรัตนตรัย-

วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต

-นมัสการ-

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

-ไตรสรณคมน์-

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉาม

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

-พระพุทธคุณ-

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ

วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

-พระธรรมคุณ-

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ *

(* อ่านว่า วิญญูฮีติ)

-พระสังฆคุณ-

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา

เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

อาหุเนยโย* ปาหุเนยโย* ทักขิเณยโย* อัญชะลี กะระณีโย

อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

-คำอธิษฐานอโหสิกรรม-

ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำให้แก่ผู้ใดในชาติใดๆก็ตาม

ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรรมให้ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย

แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น

ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานครั้งนี้

ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า

มีความสุขความเจริญ ปฏิบัติ แต่สิ่งดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ..

-บทแผ่เมตตา-

สัพเพ สัตตา

(สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น)

อะเวรา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กัน และกันเลย)

อัพยาปัชฌา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย)

อะนีฆา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย)

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ

(จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)

-บทอุทิศส่วนกุศล-

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตา ปิตะโร

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง เม คุรูปัชฌายาจะริยานังโหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจะริยา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ สัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

-กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร-

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า

ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม

ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

ให้กำลังใจทุกคนนะค่ะ สู้ๆ กับความคิดของตัวเองให้ได้

ใจเย็นๆ นะค่ะ

สู้ๆ นะตัวเอง ให้กำลังใจส่ำเหม่อ

//////////////คุณทุกๆคนที่ป่วยจะต้องหายจากอาการป่วยนี้แต่ต้องใช้เวลาอย่าต่อต้านหรือบีบบังคับความคิดนะ คุณต้องมีความเชื่อและศรัทธาว่าคุณเป็นคนดีในสังคมและไม่ได้ทำสิ่งที่เลวร้ายเพียงแต่ความคิดนั้นเป็นสิ่งที่ฟุ้งซ่านไปเองเท่านั้นเอง คุณต้องมีสตินะขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ลองไปปฏิบัติธรรมที่วัดนะหมั่นทำบุญใส่บาตรทำแต่ความดีฝึกสมาธิบ่อยๆชีวิตของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ(รับรองหายแน่ๆชัวร้อยเปอร์เซนต์)///////////////

เป็นเหมือนกันครับ ไม่มีความสุขเลย ทุกวันต้องคอยคิดซ้ำไปมาจนกว่าจะคิดเรื่องที่ดีๆได้ จนไม่อยากทำอะไรแล้วขนาดอาบน้ำยังไม่อยากทำเลย เพราะกลัว เข้าไปแล้วจะคิดว่าตัวเองลืมของวางไว้ทั้งที่ๆจริงก็ไม่ได้ลืมอะไร ต้องนั่งมองอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะคิดว่ามันไม่มีจริงๆ

ผมทรมานมากกับโรคนี้ เหนื่อยมากเหนื่อยจนไม่อยากอยู่อยากมีชีวิตแล้ววันๆผมไม่ทำอะไรเอาแต่ล้างมือกลัวไปหมดทุกสิ่งกลัวคนจะวางยา กลัวจะเป็นโรคต่างๆ ท้อใจมากคับ พ่อแม่ก็ม่เข้าใจเอาแต่ดุด่าว่าใส่ตลอดเพราะผมชอบเก็บของไปทิ้งผมพยายามจะหยุดแต่มันหยุดไม่ได้ นอนไม่เต็มอิ่มสักวัน นอนบางทีก็ไม่หลับตื่นมากแล้วก็ปวดหัวตลอด อ้างว้างมากพ่อแม่ก็ไม่สนใจทิ้งเราไม่เคยมาใส่ใจดูแลทั้งๆที่แม่ผมเป็นพยาบาล เวลามีปัญหาก็เอาแต่ว่าใส่ผมอารมณ์เสียใส่ผมตลอดไม่เคยฟังปัญหาของผมเลย ผมจึงไม่อยากพูดแล้วเวลาเขาถามอะไรผมจึงไม่บอก ผมมาเรียนที่กรุงเทพอยู่คนเดียวไม่รู้จะปรึกษาใครเหนื่อยมาก พ่อแม่ก็เอาแต่ว่าๆมีความเชื่ออะไรผิดๆ จนวันนี้ผมทนไม่ไหวเลยหาข้อมูลดูก็เพิ่งรู้ว่าเป็นโรคนี้จริงๆจังๆ ใครพอรู้ทางรักษาที่ไม่ต้องใช้ยาช่วยผมด้วยนะครับ อยากหนีไปไกลๆจังเลย.

ผมก็เป็นเบื่อมาก คิดซ้ำๆอยู่นั่น ทำซ้ำๆอยู่นั่น ผมจะมีเลขมาเกี่ยวด้วย เวลาจะทำอะไรก็ต้องทำไปมา 5 ครั้ง เช่นอ่านหนังสือประโยคเดิม ขนาดอ่านข้อความของคนอื่นก่อนหน้าก็ต้อง5ครั้ง ถ้าไม่ครบจะใจไม่ดี แต่ถ้าเกิน ก็จะต้องเป็น 10 14 20 29 59 ถ้าเป็นจำนวนอื่นจะใจไม่ดีเช่นกันกลัวว่าใครจะเป็นอะไร เบื่อมากที่ตัวเองต้องมาทำอะไรวนไปวนมาหลายๆครั้ง ตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นโรคประสาท และมีผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวคนอื่นจะหาว่าบ้าโรคอะไรไม่เคยเห็น แต่ผมก็มาเจอกระทู้นี้เลยรู้ว่ามันคือโรคย้ำคิดย้ำทำและไม่ได้มีเราคนเดียวที่เป็น แต่ยังมีคนอื่นอีก ดังนั้นผมจะพยายามไม่สนใจอะไรอีกละ จะฝืนตัวเองให้ได้ จะไม่ยอมทำตามความคิดแบบนี้อีก ขอให้ทุกคนพยายามนะครับ สู้ๆครับผม

มันก็คือก็โรคประสาทนั่นแหละครับ ไม่ใช่โรคจิต คล้ายๆแต่ไม่เหมือน รักษาได้ด้วยยาและพฤติกรรมบำบัดครับ

เป็นเหมือนกัน มีเพื่อนทักเลย บอกว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือเปล่า รู้สึกตัวเองทำงานช้าลงมาก เวลาทำงานต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกลงสีแล้วลงสีอีก รู้สึกไม่พอใจเลย รู้สึกด้อยค่า ในขณะที่เพื่อน ทำงานวันหนึ่งได่สิบสองชิ้น ของเราทำงานสองวันได้แค่สามชิ้น คือทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นไม่พอใจสักที

เวลาพูดอะไรกับใครพอเขาทำหน้านิ่งใส่ก็จะรู้สึกไม่ดีชอบคิดเองคนเดียวว่าเขาไม่ชอบแล้วจะรู้สึกแย่ทั้งวัน จะพูดตื้อนู่นตื้อนี้จนเพื่อนรำคาญใจ

คิดมาก กลัวหลายเรื่อง

เวลาพูดพรีเช็นท์งาน ในสมองก็จะคิดเรื่องเดิมๆอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวคนจะไม่เข้าใจงานที่ตนนำเสนอ จึงกลายเป็นพูดวกไปวนมาจนเสียงาน เพราะพูดเรื่องเดิมซ้ำอยู่ประมาณสี่ห้ารอบ

รู้สึกเครียดที่ตัวเองเป็นอย่างนี้ แต่อีกใจก็ไม่กล้าไปหาจิตเเพทย์

ผมก็เป็นครับ

สมัยย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 18 - 19 ปี (ปัจจุบันอายุ 37 ปี) ผมมีความคิดวิตกกังวลหลายเรื่อง คิดซ้ำ ๆ วนเวียน อยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งเรื่องกลัวจะหยิบมีดมาทำร้ายตัวเอง คิดในใจด่าทอพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมกมุ่นอยู่กับอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ทั้ง ๆ ที่ไปตรวจสุขภาพมาแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรก็ยังย้ำคิดว่าตนเป็นโรคโน้นโรคนี้ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อเริ่มเป็นตอนย่างเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอาการแย่มาก นอนก็ไม่หลับไปพบจิตแพทย์ ได้ยาคลายกังวลมา ทานไปแล้วแทนที่อาการจะดีขึ้นกลับกลาย เป็นกังวลขึ้นมาอีกว่าถ้าหยุดทานจะนอนไม่หลับ ย้ำคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าวันไหนไม่กินยาก็กลัวว่าจะนอนไม่หลับ เลยไม่กล้าทานยาเลย ยิ่งย้ำคิดก็ยิ่งกังวลมากคืนนั้นก็ไม่ต้องนอน เป็นแบบนี้ทุกวันทุกข์ทรมานมาก รู้สึกเห็นใจและอยากให้กำลังใจคนที่เป็นเหมือนกัน

แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่หายไปเป็นปกตินะครับ หายไปเป็นสิบ ๆ ปีเลยทีเดียว แต่บางทีถ้าจิตใจเราอ่อนแอมันก็กลับมาเป็นใหม่ได้ แต่เราก็พยายามประคับประคองจิตใจของเราโดยอาศัยประสบการณ์ ที่เราได้เรียนรู้จากการรักษาตนเองจนหายมาใช้ เรียกได้ว่าปัจจุบันถึงแม้จะมีความคิดเหล่านั้นอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่สามารถมารบกวนจิตใจจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลย ผมเชื่อครับว่าทุกคนมีโอกาสหายขาดได้ เพียงแต่คุณต้องใช้เวลา

ปัจจุบันผมใช้วิธี หมั่นเจริญสติ โดยวิธีง่าย ๆ คือ สังเกตดูความเคลื่อนไหวของกายและใจแบบหลวงพ่อเทียนครับ ช่วยได้มาก และคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะลองปฏิบัติดู เพราะทำง่าย วิธีการก็ง่าย ๆ ขอเพียงอย่าขี้เกียจทำ ถ้าเราอยากหายเราต้องมีความอดทนครับ เพราะถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยของเราไปเอง เพียงแค่หมั่นสังเกตดูความเคลื่อนไหวของกายและใจ ในขณะที่เราเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ ไม่ต้องถึงขนาดจดจ้องนะครับ แค่พอสังเกตรู้อยู่ เช่น เดินก็รู้ว่าเดินอยู่ สังเกตดูในขณะย่างก้าว นั่งก็รู้อยู่ว่านั่ง กายและก้นสัมผัสเก้าอี้ นอนก็รู้ อิริยาบถต่าง ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวก็หมั่นสังเกตรู้อยู่ กินข้าวอยู่ก็ให้รู้ถึงอาการบดเคี้ยวของฟันและความเคลื่อนไหวของลิ้นรับรส แปรงฟันอยู่ก็รู้ความเคลื่อนไหวของมือและรับความรู้สึกที่ฟัน รู้อะไรก็ได้ที่เกิดจากความเคลื่อนที่ของอวัยวะของเรา รู้แบบสบาย ๆ ในขณะที่รู้อยู่กับการเคลื่อนไหวของกายนั้น ถ้าใจเราหนีไปคิดหรือไปรับความรู้สึกอะไรก็ปล่อยมันครับอย่าไปห้ามความคิดความรู้สึกนั้น เพียงแค่รู้ว่าคิดก็พอแล้วปล่อยมันดูซิว่าจะคิดต่อหรือจะหยุดคิด เพราะยิ่งถ้าเราไปห้ามความคิดเราจะยิ่งฟุ้งซ่าน เราไม่สามารถห้ามความคิดได้ เพียงแต่ถ้าเรารู้ว่าเราคิดแล้วเราก็ค่อย ๆ ดึงความรู้สึกกลับมาอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของกายเราเหมือนเดิม คิดอีกก็รู้แล้วค่อย ๆ ดึงกลับมา และเราก็ไม่ต้องไปรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดถ้าเราเผลอไปคิดนะครับ ฝึกแรก ๆ อาจรู้สึกอึดอัดครับ นั่นเกิดจากการที่เราไปพยายามกดข่มจิตใจมากเกินไป แต่เมื่อเรารู้ตัวว่าอึดอัดเพราะกดข่มเราจะค่อย ๆ ปล่อยมันได้เองแล้วมารู้สึกแบบสบาย ๆ ได้ ฝึกแรก ๆ ก็ใช้เวลาวันละ ชั่วโมง หลัง ๆ พอเริ่มรู้แล้วว่าขณะที่ฝึกอยู่จิตใจเราสบายขึ้นมาก เราเลยบอกตัวเองว่าถ้าเราอยากหายเราต้องทำตลอดเวลา แรก ๆ ก็คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ เพราะใจเรามักจะหวนคิดถึงแต่ความทุกข์ทรมานอันเกิดจากความย้ำคิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่ท้อครับ ทำไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นนิสัยเคยชิน จนทุกวันนี้สภาพจิตใจดี้ขึ้นมากตอนนี้เรียกได้ว่า กลับมาเกือบปกติดีทุกอย่าง

อยากแนะนำอีกนิดครับ การปล่อยวางยอมรับความเป็นจริงสำคัญที่สุดครับ เมื่อเราฝึกเจริญสติจนกลายเป็นนิสัยของเราแล้ว เราจะเห็นก้อนความคิดที่มันผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาสม่ำเสมอ เราจะรู้ได้ทันทีว่าความคิดเหล่านี้ เดี๋ยวก็เกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับไป ยิ่งเราไปพยายามหาทางจัดการให้ความคิดกังวลเหล่านี้ให้ออกไปจากใจเรา มันจะยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้นคิดต่อไปไม่รู้จบจักสิ้น ที่สุดแล้วเราจะไม่มีทางเอาชนะความคิดกังวลนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าสติเรายังเจริญอยู่ ใจเราจะไม่รู้สึกหดหู่กังวลกับมันเลย เพราะสติที่เราเจริญตลอดจะช่วยประคับประคองไม่ให้ใจเราไหลไป และสติจะเข้าไปจัดการตัดความคิดปรุงแต่งเพิ่มเติม นั่นเอง

ในที่สุดเชื่อไหมครับว่า ถ้าเราเฉยกับมันเสีย คือยอมรับให้มันเกิดโดยไม่ไปจัดการอะไรกับมัน มันผุดขึ้นก็ปล่อยมันขึ้นมา ด้วยกำลังสติของเรา เราจะเห็นความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่แล้วก็หายไปเอง บางทีถ้าไม่สังเกตแทบไม่รู็ตัวด้วยซ้ำว่าความคิดดับไปเมื่อไหร่

แล้วเมื่อถึงเวลานั้น สิ่งที่มันรบกวนจิตใจของเรามันจะทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราไม่ไปใส่ใจมันอีกแล้ว เพราะเราได้จัดการกับมันด้วยวิธีวางเฉยมัน มันจะเกิดก็เกิดไป ช่างหัวมัน สติเราไม่ใส่ใจกับ มันก็เป็นแค่ก้อนความคิดเท่านั้นแล้วมันก็จากไป ก็เหมือนคนปกติที่คิดแล้วไม่ใส่ใจปล่อยผ่านไม่ไปย้ำมันอีก

มีอาการเหมือนกัน จำไม่ได้ว่าเริ่มมีอาการตอนไหน แต่ตอนนี้ทรมานมากอยากหาย อาการคือก่อนจะนอนก็ต้องคอยตรวจเช็คว่าล็อคประตูหรือยัง ทำซ้ำวันละเป็นสิบๆรอบ, ปิดแก็สหรือยัง, ของมีคมทุกอย่างก่อนจะนอนจะต้องเก็บไว้ให้มิดชิด กลัวว่าถ้าเกิดมีขโมยเข้ามาในห้องจะได้ไม่หยิบมีดหรือของมีคมเหล่านี้มาทำร้ายเรา, คอยดูที่ใต้เตียงหรือดูในตู้เสื้อผ้าว่ามีคนแอบอยู่ในนั้นหรือเปล่า ต้องคอยเช็คดู ไม่ทำไม่ได้ ถ้าวันไหนไม่ทำก็จะนอนไม่หลับ กลัวคนจะมาทำร้าย และเวลาทำงานยิ่งมีปัญหามาก ทรมานจริงๆ คือตอนจะส่งงานหรือส่งเมลล์ถึงลูกค้าก็ต้องตรวจเช็คหลายๆรอบ ตรวจแล้วตรวจอีกจนบางครั้งทำให้ส่งงานช้า บางทีส่งไปแล้วยังกลับมาเช็คอีก พอรู้ว่าตัวเองทำผิดก็จะทำให้วันนั้นทั้งวันไม่เป็นอันทำงานเลย แม้แต่เวลากลับมาที่บ้านก็ยังคิดถึงแต่เรื่องนั้น คิดว่าทำไมไม่ตรวจเช็คให้ดี ไม่ไหวแล้วนับวันยิ่งเป็นเอามาก

เป็นเหมือนกันค่ะ ทรมานมากๆ ดิฉันมีอาการคือมีความคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง เห็นศาลพระภูมิไม่ได้เลย เครียดมากๆค่ะ บางวันแทบจะบ้า อยากจะทำร้ายตัวเองที่ไม่เลิกคิดเสียที สงสารลูกมาก กลัวตัวเองจะอยู่กับลูกได้ไม่นาน กลัวเสียสติจนเป็นบ้า จนคิดจะเปลี่ยนการนับถือศาสนาแล้ว เพราะสามีเค้านับถือคริสต์ เค้าชักชวนไป เค้าบอกว่าอาจจะทำให้ดีขึ้นได้ ใจเรายังไม่อยากไปอ่ะ อยากทำบุญ แต่แฟนก็บอกว่าอาจเป็นเพราะศาสนาพุทธเข้าใจว่านี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พอมีความคิดไม่ดีกับสิ่งเหล่านั้นก็เลยกลัว แต่เรากลับกลัวยิ่งกว่านะ ถ้าเราไปนับถือคริสต์แล้วเราคิดว่าเค้าไม่ศักดิ์สิทธิ์เรายิ่งจะลบหลูืหรือป่าว โอ๊ยเครียดค่ะ แล้วตอนนี้ 03.48แล้ว นอนไม่หลับ เพราะสาเหตุนี้แหล่ะค่ะ เข้ามาอ่านวิธีแนะนำของหลายๆท่านแล้ว จะพยายามทำตามค่ะ บางวิธีเคยทำแล้วได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง อาจเป็นเพราะความอดทนน้อยเกินไป จะพยายามอีกครั้งค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากนะคะสำหรับคำแนะนำ ขอบคุณจิงๆค่ะ

จากที่อ่านมาหลายๆท่านผมอยากแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการนั่งสมาธิ ภรรยาผมเป็นวิตกกังวลนอนไม่หลับ ต้องกินยา lexaproและprenapil เหมือนกันเหตุเกิดจากดูข่าวน้ำท่วมมากช่วงเดือนพฤศจิกายนและเวลาเดียวกันลูกคนโตเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาล คนที่สองเป็นไข้เลือดออกต้องนอนโรงพยาบาล พี่สาวไปทำบุญบอกสามวันกลับแต่ไม่กลับหายไปหนึ่งเดือนติดต่อไม่ได้(ตอนหลังโทรมาบอกว่าไปนั่งสมาธิกับเพื่อนไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป)ผมก็ต้องไปนอนเฝ้าลูกเธอจึงอยู่บ้านคนเดียวดูแต่ข่าวน้ำท่วมแผ่นดินไหวจนนอนไม่หลับต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ระยะแรกมีผลข้างเคียงจากการกินยามาก(ยาคนละประเภทแต่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน)ต้องปรับยามาเรื่อยๆปัจจุบันดีขึ้นมากจากการสวดมนต์และอ่านหนังสือธรรมของหลวงพ่อพุทธทาสเรื่องความไม่ยึดมั่นถือมั่น การเห็นธรรมชาติอันลึกซึ้งคือการเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง และหนังสือหลวงปู่ชา ต้องอ่านซ้ำหลายๆครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจในบทความที่ท่านสอนสำหรับน้องๆที่เป็นโรคนี้น่าจะฝึกสมาธิกับชมรมยุวพุทธแห่งประเทศไทยลองศึกษารายละเอียดจาก web.ดู สำหรับภรรยาผมดีขึ้นมากแล้วคงเหลืออาการไม่อยากไปใหนทั้งๆที่เดิมเป็นคนชอบเที่ยวทำบุญ ผลจากการป่วยทำให้รู้ว่าที่ทำบุญด้วยการไปทอดผ้าป่าบ้าง ทอดกฐินบ้าง ไปทำบุญตามวัดต่างๆตามเพื่อนบ้างนั้น บุญไม่ได้ช่วยเลยเพราะได้แต่ไปทำบุญแบบทิ้งๆขว้างๆตัวเองยังสวดมนต์ไม่เป็นเลยนั่นคือไม่เคยปฏิบัติ โรคนี้เป็นอาการทางจิตต้องศึกษาทางจิตต้องมี สติ สัมปชัญญะ เมื่อมีอาการต้องตามดูอาการว่าเกิดอย่างไรจากอะไรตามหาต้นตอให้เจอทุกครั้ง อาจจะยาก แต่คิดว่าไม่เกินความพยายามของแต่ละท่าน การออกกำลังก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ขอเอาใจช่วย วัยรุ่นควรออกกำลังให้มากๆ

เครียดมากเลยค่ะ เป็นโรคนี้เหมือนกัน ที่กล่าวๆมาเราก็เป็นมาหมดแล้วค่ะ เราพยามหาข้อมูลในเนตหาเพื่อนที่เป็นเหมือนๆกัน เพราะเชื่อว่าใครไม่เป็นเองไม่เข้าใจหรอกค่ะ เราไม่กล้าปรึกษาใคร ไม่กล้าไปหาหมอด้วยกลัวที่บ้านรู้แล้วจะยิ่งเครียดตามเราไปด้วย

ส่วนเรื่องอาการ เราเป้นมาตั้งแต่เด็กๆ สักอายุ 17 ช่วงแรกๆเป็นทีละเรื่องค่ะ อยู่ๆก็คิดว่าจะไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ไม่อยากทำเลย คิดด่าทอพ่อแม่ คิดทำร้ายคนอื่น ทั้งที่เราไม่ได้อยากทำ แต่เราหยุดคิดไม่ได้ว่า ได้ทำสิ่งนั้นลงไปหรือเปล่า อย่างเช่น เราเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำหรือคลอง แล้วเจอเด็กยืนอยู่คนเดียว เราก็จะคิดไปว่าไปผลักเด้กตกน้ำ จนพอเราเดินผ่านไปแล้วเราก็ต้องหันกลับมามองอีกเป็น 10ๆ รอบ กลัวคนข้างๆมองว่าบ้าเหมือนกัน แต่มันหยุดไม่ได้ค่ะ จนปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่

บางอาการเป็นแล้วก็หายแล้วนะคะ อย่างเรื่องล้างมือ เราก็เคยล้างจนมือลอกหมดเลยค่ะ เรื่องไม่ยอมกลืนน้ำลายต้องอมไว้เยอะแล้วแอบบ้วนใส่ถุง แต่พวกนั้นพอสักพักที่ไม่คิดถึงมันมันก็หายเองค่ะ แล้วเป็นเรื่องอื่นๆต่อไป T-T

แล้วมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเป็นอีกอาการคือ เราเดินผ่านถังขยะค่ะมีถุงพลาสติกมัดปากดิ้นกุกกัก เรานึกว่าหนูก็ไม่สนใจเดินผ่านไปมานั่งที่บ้านไป 10 นาทีก็ไม่สบายใจกลัวว่าเดี๋วหนูจะหายใจไม่ออกค่ะ เลยกลับไปที่ถังขยะใกล้ๆบ้านแล้วเปิดถุง แต่ในถุงมันคือลูกแมวค่ะเป็นลูกแมวจรจัดที่มาอาศัยในบ้านแล้วมันตายแล้วค่ะ เรารู้สึกผิดว่าควรจะช่วยเปิดถุงตั้งแต่ตอนนั้น เราไม่กล้าไปดูศพมันชัดๆ แต่เห็นพ่อบอกว่ามันน่าจะถูกรถชนแล้วมีคนเอามาใส่ถุงทิ้งมากกว่า แต่หลังจากนั้นเราก็ย้ำคิดย้ำทำตลอดเนื่องจากแถวบ้านมีลูกแมวและแม่แมวเยอะมากๆ เวลาเราเห็นถังใส่น้ำใบใหญ่ที่บ้าน เราต้องดูพร้อมนับเลขไปด้วยเป็น 10 รอบให้แน่ใจว่าไม่มีแมวตกลงไป ซึ่งไม่รู้ว่า ไปคิดภาพแมวขึ้นมาเองได้อย่างไร พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีๆ แต่มันหยุดคิดไม่ได้ แล้วอาการนี้ก็ลามไปยังถังน้ำ บ่อน้ำและทุกๆที่เลยค่ะ

แล้วมีอีกแบบนึงที่เป็นหนักๆ แต่ที่อ่านมาไม่ค่อยเห็นใครเป็นกันเลย ก็คือเราจะกลัวสิ่งที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ ตอนนี้เราอาการหนักมากเครียดจนนอนไม่หลับ ต้องมาหาเวบไซต์เขียนระบายค่ะ คือวันนี้เราไปตัดแว่นมาที่ร้านหมอตา หมอก็ให้เรานั่งรอที่เก้าอี้ข้างๆชั้นวางของที่วางยาหยอดตาทิ้งไว้ 3-4 หลอดแล้วก็มีแอลกอฮอล์งที่ชั้นล่าง คือพอเราเห็นเราก็คิดได้ล่วงหน้าเลยว่าต้องเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำแน่ คือเราจะกลัวว่าเราจะเอายาหยอดตาพวกนั้นมาผสมกัน คือเรากลัวว่าเดี๋ยวหมอเอาไปหยอดให้คนไข้คนอื่นแล้วตาเขาจะบอดได้ แต่ในตอนนั้นถ้าหมอให้นั่งตรงนี้แต่เราไม่ยอมนั่งก็จะดูแปลกๆ ตอนนั่งลงขณะรอ เราพยายามทำให้ให้สงบและพยายามสู้กับความกลัวค่ะ โดยการจ้องมองไปที่ยาแต่ละหลอดตรงๆ ดูว่าแต่ละหลอดมียาปริมาณเท่าใด สีไหน เพ่งๆว่ามันอยู่ตรงนั้นไม่ได้เอามือไปแตะต้องนะ จนพยาบาลมาตามค่ะ แต่พอกลับมาบ้านมาถึงตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะว่าความคิดมันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดว่า ได้ไปผสมยาในหลอดเขาหรือไม่ พยายามหาความคิดมาหักล้างว่า ไม่ได้เปิดขวดเลยนะ ถ้าเทก็ต้องรู้ ยาขวดนึงก็เต็มๆเทลงไปไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่ามันหยุดคิดไม่ได้ค่ะ กลัวไปหมด กลัวว่าเขาจะเอาไปหยอดตาคนอื่นแล้วตาเขาจะบอด พยายามคิดว่ายาหยอดตาคงจะหยอดตาได้เหมือนกันแม้ผสมกันหลายแบบ แต่มันไม่ใช่ ไม่ได้แตะต้องหรอกนะ ไม่ได้ทำๆ แต่มันไม่สบายจริงๆค่ะ อยากจะโทรไปบอกให้หมอช่วยทิ้งยาทั้งหมดนั้นไป แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอย่างงั้น จะบอกว่าเราไปผสมมันก็ไม่ใช่ พูดแล้วมันดูแปลกๆมากๆ จะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่สามารถสงบใจได้ค่ะ เข้าใจเรากันไหมคะ ใครพอมีคำแนะนำดีดีในกรณีอย่างนี้บ้าง

เท่าที่ผ่านมาช่วงนี้เป้นช่วงที่อาการหนักที่สุดค่ะ อายุ 26 หนักขนาดที่สามารถสร้างเรื่องขึ้นมาเองทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างเช่นเรื่องยาหยอด แล้วก็มีเรื่องแบบเวลาไปเที่ยวสะพาน ไปเที่ยวภูเขาก็กลัวไปเองว่าทำให้ใครตกลงไป ทั้งที่บางทีไม่มีคนนั้นด้วยซ้ำ แต่พอคิดอล้วมันหาเรื่องที่จะย้ำทำไม่ได้เลยยิ่งเครียดมากๆค่ะ อยากฝากบอกคนที่เป็นอาการแบบล้างมือ กลัวสิ่งสกปรก ด่าทอไรพวกนี้อะ คุณโชคดีกว่าเรามาก อาการพวกนั้นเราเป้นมาหมดแล้วและหายขาดแล้ว ถ้าไม่ไปสนใจมันมากอย่างน้อยก็คิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็จะหายเองค่ะ อะไรที่เกิดกะตัวเราเรามั่นใจ อย่างคิดแทงตัวเอง แต่เรารู้ตัวว่าเราไม่ได้โดนแทงค่ะ เพราะไม่งั้นต้องเลือดไหลไรงี้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือในกรณีที่เราคิดว่าจะเกิดกับคนอื่น โดยที่เราไม่รู้ชะตากรรมของเขาอะค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะที่ให้เราได้แสดงความเห็น ขอให้เพื่อนๆร่วมชะตากรรมหายจากโรคนี้โดยเร็วรวมทั้งตัวเราด้วย สาธุ

ผมชื่อไอซ์คับ อายุ18ปี ผมมีอาการเหมื่อนกันคับคือผมชอบคิดอะไรที่ซ้ำๆและชอบคิดหลบหลู่พระพุทธเจ้าคับแต่พอคิดก็กลัวบาปจึงต้องคอยสวดมนต์อยู๋เลยๆจนคนที่บ้านหาว่าเราบ้าคับ โรคนี้ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกว่ามันทรมานมากต้องมาคิดมาทำอะไรซ้ำๆตลอดเวลาเลย ผมพยายามที่จะเลิกคิดแต่เลิกไม่ได้คับทำไงดีคับ ช่วยด้วยคับ!

ผมคนหนึ่งที่เป็นครับ ตอนนี้ผมจะอายุ 34 แล้ว ทรมานเกือบทุกวันเลยครับ ผมอยากจะเล่าอาการให้ฟังนะครับ

- ตอนเด็ก อายุ 8-10 ชอบทำเสียง ฮึบๆๆๆๆๆๆ เป็นระยะๆ ที่บ้านก็รำคาญมาก บอกว่าเป็นสัณนิบาต รึไง คือถ้าไม่ทำก็จะทรมานใจไม่สบายใจ

- ตอนอายุ 12 ประมาณ ม .2 เวลา คิดไม่ดีกับใครก็รูสึกผืดมักเอากำปั้นมาบหน้าตัวเองประมาณ 6 ครั้ง หรือไม่ก็ เอามือหยิกขย้ำหน้าตัวเอง

- ตอนอายุ 13 ม.3 เวลา จะอ่านหนังสือ ก็จะทำหน้าและหายใจออก 3 ครั้ง เหมือนกับว่ามันจะทำให้เราอ่านหนังสือได้ดีอะไรอย่างนั้น

-ตอน อายุ 14 ม.4 ผมเป็นคนที่คุยกับคนไม่เก่งมนุษยสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดี เวลา มี ผู้หญิงมาคุยด้วยวันนั้นเราจะรู้สึกว่า ไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยน เวลาเปลี่ยนชุด ก็จะ ถอดเข้าถอดออกและพูดในใจว่า มีคนมาชอบเรานะ ถ้าใจบอกว่าไม่มีคนชอบก็จะถอดและใส่ใหม่ จนกว่าใจจะบอกว่าชอบ

- ตอน ม.5 ก็ กินข้าวตอนเช้าทุกวันแต่ละวันจะใส่เยอะมากและจะต้องทานให้หมดเหมือน แบบว่าแทบอ้วกก็ต้องกิน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไมแต่ไม่ทำก็ไม่รู้สึกสบายใจ

- ตอน ม. 6 ก็เวลาไป ซื้อของหรือไปที่ไหน พอเห็นคนที่ มีอาชีพรับจ้าง หรือว่าอาชีพ ค้าขายที่ตัวเราคิดว่าเป็นอาชีพที่ รายได้น้อย วันนั้ก็จะ ไม่ซื้อของ หรือถ้าซื้อของก็ต้องให้ คนพวกนั้น ไม่อยู่บริเวณนั้นแล้วถึงซื้อได้ แบบว่ากลัวว่าอนาคตจะทำอาชีพแบบนั้น เหมือนกับว่าเราสร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาเอง ทำไมก็ไม่รู้ถึงต้องสร้างกฏเกณฑ์แบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

- พอตอนเรียนในการอาชีพ ผมก็มักจะกังวล คนโน้นจะคิดยังไง คนนี้จะคิดยังไง แบบไม่ค่อยกล้า แสดงออกหรือเข้าสังคม

ช่วงนี้จะคิดวนไปวนมา อาการย้ำคิดย้ำทำก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ แต่เราก็คิดว่าไม่มีอะไรมันธรรมดา

- แล้วยิ่งพอตอนอายุ 18 ขึ้นมาผมมักจะไม่ค่อยกล้าไหว้พระหรือเข้าวัด เพราะ ชอบคิดด่าสิ่งศักทธิ์สิทธิ์ในใจตลอด มีทุกๆครั้งเลยไม่รูว่าเป็นอะไร อันนี้ถือว่าเป็นความหนักใจผมมาก เพราะ ผมกลัวบาปมาก ทุกครั้งที่คิดไม่ดีก็มักจะ พูดในใจว่า อภัยในด้วยๆๆๆๆๆ

จะผวนในใจตลอดเลย ผมมักจะไหว้พระขอพรในใจไม่ได้ ต้องพูด เพราะ ถ้าขอพรในใจจะ มีคำเลวๆ ออกมา ก็กลัวจะเป็นเหมือนคำเลวๆในใจเวลาอธิฐานพระ

- ผมมักจะมีคนรักยาก เพราะว่า ผมมักเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ และรู้สึกว่าจะเป็นโรคเครียดด้วย เลยทำให้ผมจะหงุดหงิด และอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ สุดท้ายผมก็ต้องแยกทางกับ ทุกคนเลย ผมรูสึกเหมือนว่า ผมไม่เป็นปกติเหมือนคนทั่วๆไป

- มีหลายครั้งคิดย้ำไปอยู่ในหัว ส่วนใหญ่จะเป็นการด่าในใจต่อสิ่งศักทธิ์สิทธ์ หรือผู้มีพระคุณทั้งหลาย ทั้งๆที่เราไม่อยากเลย ทุกครั้งก็ต้องกล่าวขอโทษในใจ มันจะต่อต้านในใจเรื่อยๆเลย เพราะถ้าไม่ ขอโทษในใจตัวเองก็จะรูสึกผิดและกลัวจะเกิดสิ่งไม่ดีกับตัวเอง

ผมเป็นคนที่เชื่อในกฎแห่งกรรมครับ ก็เลยรูสึกผิดไปใหญ่

- และตอนนี้ ผมก็รูสึกจะอยู่ใกล้วัดใกล้พระ นี่ก็มักจะกังวลเลยเลย เพราะ มักจะมีคำด่าในใจผุดมาตลอดเลย ตอนนี้จะสวดมนต์จะไหว้พระก็รูสึกว่า ทำไม่ได้เลย เพราะกลัวจะหลุดคำในหัวที่ไม่ดีออกไป ทั้ง ต่อสิ่งศักธ์สิทธิ์ ผู้มีพระคุณด้วย บางทีก็เป็นคำหยาบช้า

ที่ไม่น่าจะมีได้

-ทุกวันนี้ทรมานใจมาก บางทีก็ห้ามจะไม่คิดทำไม่ผวนคิดคำในหัวก็ทำไม่ได้ เพราะ มันไม่สบายใจเลย การงานผม ทุกวันนี้ ก็รู้สึกจะ ทำอะไรไม่ได้มากเลย

วันนี้ ผมก็รู้สึกว่า มีหลายคนก็เป็นอาการนี้เหมือนกัน ก็รู้สึกจะมีกำลังใจขึ้มาบ้างครับ

เราอายุ 34 แล้ว เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะเราเห็นหลายคนแล้วที่รุ่นราวคราวเดียวกับเราเป็นโรคนี้ อย่างคุณออด เป็นต้น จนเราเคยได้ยินหลายคนพูดนะว่า คนรุ่นนี้ (เกิด พ.ศ. 2520) ทำไมไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ มันเกี่ยวกันไหมคะ เราจะบอกอาการของเราให้ฟัง โรคนี้เราเป็นมานานแล้ว มีบางช่วงหายไปบ้างนะ ถ้าจำไม่ผิด แต่อาการแต่ละช่วงแต่ละเวลามันไม่เหมือนกัน ในอดีตเราจำไม่ค่อยได้แล้วว่าอาการมันเป็นไงบ้าง ดูเหมือนว่าความจำของเราจะสั้นลงด้วย ไม่ค่อยจดจำอดีตได้เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้อาการของเรา จะมีใครเหมือนเราบ้าง เราจะกลัว กลัวการโชคร้าย กลัวอะไรก็แล้วแต่ในเรื่องร้ายๆ เลยทำให้เราคิด คิดแต่สิ่งที่ดีๆ คิดและขอ อธิษฐาน ว่าขอให้เราโชคดี ขอให้โชคดีเหมือนคนโน้นคนนี้ และคนเหล่านั้นก็จะเป็นคนของประชาชน ดารา หรือคนดังๆ ในแวดวงต่างๆ ทั่วๆ ไป ที่เราชื่นชอบ ที่เราคิดว่าดี เช่น อั้ม พัชราภา บารัค โอบามา นิโคล คิดแมน หลายคนค่ะ ที่เราคิดว่าดีในสายตาเรา แต่ถ้าคนไหนที่เราคิดว่าไม่ดีในสายตาเรา เราก็จะไม่คิด แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดถึงคนที่ไม่ดีคนไหนคนนั้น เราจะรีบเปลี่ยนความคิดให้เป็นเหมือนคนที่เราคิดว่าดี นึกออกไหมคะ เวลาอาบน้ำ เราก็จะหมุนไปหมุนมาใต้ฝักบัว และคิดว่าขอให้เราโชคดีเหมือนอั้ม พัชราภา ตุ๊กกี้ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าเราดันไปคิดถึงคนที่เราไม่ชอบ เราเกลียด หรือคนที่ตายไปแล้ว เราก็จะกลัว และจะอาบหมุนตัวอยู่นั่นแหละ ให้ตอนจบของการอาบน้ำเป็นเราโชคดีเหมือนใครก็ได้ที่เราว่าดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเราพิมพ์งาน เราจะชอบกดปุ่มบันทึกงานซ้ำๆ และนึกไปด้วยเรื่องขอให้โชคดี จนครั้งสุดท้ายต้องจบที่ให้โชคดีเหมือนคนที่เราว่าดี หรือกดปุ่มอันดู รีดู กลับไปกลับมา เพื่อให้ครั้งสุดท้ายโชคดีเหมือนคนที่เราว่าดี หรือพิมพ์ไปแล้วตอนพิมพ์นึกถึงสิ่งที่เราว่าไม่ดี เราก็จะลบข้อความนั้นแล้วพิมพ์ใหม่ มันทรมานมากค่ะ มันทำให้เราเสียเวลาในการทำงานมาก แต่เราก็พยายามแล้วว่าจะไม่ทำ แต่มันบังคับไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ทำ มันจะยิ่งทำให้ความคิดของเรามันเตลิดไปไหนต่อไหน และเกิดความกลัวมากขึ้น กลัวว่าจะเกิดนู่นนี่นั่น กลัวว่าความโชคร้ายมันจะติดอยู่ที่ตัวอักษรที่พิมพ์ เหมือนคนบ้าเลย แต่เรายังไม่บ้า ตอนใส่ยกทรงไม่เป็นค่ะ แต่ตอนใส่ กกน. เป็นค่ะ จนบางครั้งต้องเปลี่ยน กกน. ตัวแล้วตัวเล่า อยากหายค่ะ เคยคุยกับคนที่เป็น เค้าบอกให้ไปหาหมอที่รามาฯ ยังไม่มีเวลาไปเลยค่ะ ได้แต่ทรมานไปวันๆ จนเป็นเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เก็บกด ใครที่เข้ามาในชีวิตเรา เค้าจะมองและคิดกันเกือบทุกคนว่าเราคิดไรอยู่ มีไรในใจ พยายามเฟค พยายามทำให้ปกติ แต่มันก็ไม่ปกติอ่ะคะ มันทรมานมากจริงๆ ตอนนี้อยากหายค่ะ อยากหายมากๆ ทำไงดี บางครั้งเบื่อ ไมอยากเจอใคร ไม่อยากพบ ไม่อยากพูดกับใคร แฟนเราเองก็ยังสงสัยว่าเราเป็นไร พยายามบำบัดด้วยตัวเองแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที อยากลองใช้ยาค่ะ ถ้าเราใช้ยาแล้วดีขึ้น จะมาแบ่งปันต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นโรคนี้ค่ะ

แล้วแต่ละท่าน มีวิธีแก้เบื้องต้นกันไหมค่ะ

หรือต้องไปพบแพทย์เท่านั้นค่ะ

แล้วสาเหตุส่วนใหญ่ มาจากอะไรหรือค่ะ

เปนอยุ่เหมือนกันครับ ทรมานจริงๆ

เข้ามาอ่านรู้สึกดีใจบวกตกใจมาก เพราะผมก้อเปนหนักมากกก แต่จะบอกว่าโรคที่คู่กับocdที่น่ากลัวอีกอันก้อคือโรคระแวงคำพูด ต้องนั่งแก้สมการคำพูด ตลอดเวลา ผมรักษาตัวเองมานานมากแล้ว ยังไม่หายขาด แต่พอรู้แนวทางแล้ว

ลองหาหนังสือdr.claire weekes มาอ่านสิ ช่วยได้มากกนะ

อีกวิธีฝึกพุทโธ ควบคู่ ความรู้สึกตัวของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ หาหนังสือคุณกำพล ทองบุญนุ่มมาอ่าน จิตสดใสแม้กายพิการ คนละปํญหาก้จิงแต่แนวทางเดียวกัน และสุดท้ายจาบอกว่าทำดีเยอะๆ มีชีวิตต่อไปให้ได้ แม้ว่าจะยากแค่ไหน สนุกกับอาการที่เข้ามาตลอดเวลา สนุกกับมัน หรือจาบันทึกอาการตัวเองในแต่ละวัน ไว้อ่านดู บางทีก้อช่วยให้ใจสงบได้ สู้ๆนะ

ลืมไปว่า นั่งสมาธิ เปนประจำ กำหนดลมหายใจ จนชิน ไม่ว่าจาเครียดแค่ไหน พุทโธ และรับรู้ถึงลมหายใจตัวเอง

อยากให้มีตั้งชมรมคนเปนโรคocdจัง จะได้ช่วยกันเพราะหาคนที่คุยแล้วเข้าใจไม่มีเลย ยินดีช่วยมากกกเลย ถ้ามีคนเหนด้วย

ไปพบจิตแพทย์คับ เอายามากิน หายแน่นอนคับ ถ้าปล่อยไว้มันไม่หายเองน่ะคับ หมอบอกว่า ถ้าปล่อยไว้นาน ไม่เพี้ยนก็บ้า คับ

เราเองเคยเป็นตอนอายุ 14 ก้อทานยารักษาจนคิดว่าหายแล้ว 20 ปีผ่านไปมันกลับมาใหม่ คราวนี้เป็นหนักกว่าเดิม คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะคราวที่แล้วยังไม่หายขาด เนื่องจากทานแต่ยาอย่างเดียว ไม่ได้ฝึกพฤติกรรมบำบัดเผชิญสิ่งที่กลัว ตอนนี้ก้อกลับมารักษาใหม่ค่ะ เดือนหน้าจะครบ 1 ปีแล้ว ยาช่วยได้มาก ตอนนี้ก้อฝึกเยอะ ๆ ด้วย หายกลัว หายคิดย้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ ไปหลายอย่างแล้วค่ะ คุณหมอให้ฝึกสติระลึกรู้ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไร อย่าใจลอย จะช่วยได้เยอะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ไปพบแพทย์เถอะค่ะ อย่ามัวทรมานเลย

อาณาวินทร์ งามพจน์

พบจิตแพทย์สิครับช่วยได้ มียารักษา

เราก็เป็นช่วงนี้เครียดมากเพราะ เข้าช่วงกลางคืนเมื่อไหร่หละไม่เป็นอันนอนเลย ต้องมานั่งหยิบจับของที่ต้องการเข้ามาในห้องนอนให้หมด ทั้ง ชาม ช้อน เข็มกลัด เสปย์ฉีดผม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ต้องใช้แต่ก็ต้องหยิบให้มันมาอยู่ใกล้ตัว ช่วยหน่อยเถอะค่ะ สงสารลูกมากเลยต้องมานั่งรอว่าแม่ทำอะไร พอลุกเค้าก็ลุกตาม เครียดมากเลยค่ะ [email protected] โทรมาคุยได้นะค่ะ 0871110237 เบ็ญค่ะ

เราก็เป็นเหมือนกัน

เราก็มีอาการย้ำคิดย้ำทำมากขึ้นเรื่อยๆทำยังไงดีถึงจะหาย ควบคุมความคิดไม่ได้เลย มันเป็นมากขึ้นกว่าเดิมอีก จะหยิบจับอะไรก้คิดถึงสิ่งที่ไม่ดีกลัวทุกสิ่งเลย รู้อยู่ว่ามันเป็นแค่ความคิด แต่อดที่จะทำตามมันไม่ได้เลยเหนื่อยใจจริงๆทำยังไงถึงจะหายช่วงบอกหน่อยอยากหายค่ะ

อยากหายจากโรคย้ำคิดย้ำทำมาก แต่ไม่รู้จำทำอย่างไรมันเป็นมากขึ้น บางครั้งก็รู้วิธีที่จะไม่ต้องทำตามมัน แต่บางครั้งมันอดที่จะคิดและทำตามไม่ได้ แต่ก่อนจำได้ว่าเป็นไม่กี่อย่าง แต่ตอนนี้มันเป็นมากขึ้นเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือล้างบ่อยมาก กลัวความสกปรก ชอบย้ำพูดบ่อยๆ ชอบหยิบจับอะไรแล้ววางของไม่ได้รู้สึกมีความคิดไม่ดีผุดขึ้นมาในหัว ให้เราต้องยำทำ บางครั้งเป็นมากจนปวดหัว ไม่อยากคิดแต่ทำไมมันเลิกคิดไม่ได้ ทรมานจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

ผมก้อเป็นคนหนึ่งที่เป็น OCD เป้นมาได้ เกือบ 10 ปีแล้ว มันทรมารมากผมรู้ดี และทุกคนที่เป็นคงเค้าใจความรู้สึกแต่ก้ออยากทุกคนสู้ต่อไปเพราะไม่ได้มีเราคนเดียวที่เป็น มีคนอาการหนักกว่าเราตั้งเยอะ เค้ายังอยู่ได้แล้วเราทำไมจะอยู่ไม่ได้ ผมสู้กับโรคนี่มานานพยามทำทุกอย่างเพื่อให้หาย ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นภาระของใคร อยากหายจากโรคนี่อยากกับไปเป็นคนปกติ แต่ก้อยังทำไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายวันละ 3 เวลาหลังอาหาร บางที่มีก่อนนอนอีกรอบ 555 งานหลักคือ OCD งานรอง อยากตาย แต่ผมไม่ยอมตายเพราะไอ้โรคงี่เง้ากระจอกแบบนี่หรอกผมจะต้องหาย กลับไปเป็นคนปกติผมจะสู้ๆจนกว่าผมกับโรคนี่จะตายไปข้างนึ่ง และผมก้ออยากให้ทุกคนสู้ไปด้วยกันนะครับใครที่อยากคุยแอดมาได้นะ [email protected] เพราะไม่มีคัยเข้าใจเรามากไปกว่าพวกเราเอง ขอให้ทุกคนหายไวๆๆนะคับ เราจะไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติด้วยกันคับ

ผมก็เป็นเหมือนกันครับ อาการนี้ มันทรมานมาก อยากร่วมแลกเปลี่ยนชัยชนะ อาการนี้ครับ

Email: [email protected] Facebook: [email protected]

ผมอยากเปิด private group OCD ใน facebook เพื่อจะได้เข้ามาเป็นกำลังใจให้กันหนะครับ

มาเป็นเพื่อนกันใน facebook นะครับ

***เท่าที่ผมอ่านมา วิธีการรักษาคือ

  1. ให้มองความคิดที่ผุดขึ้นมา เป็นเรื่อง "กลางๆ" ไม่มีผิดถูก แต่เราไปยึดกับมันเอง แล้วอาการก็จะหายไปเอง

  2. ต้องสู้กับการย้ำทำ โดยการไม่ทำมันนานๆ ฝึกให้ได้ 10 - 15 -30 -60 นาที แล้วมันจะหายไปเอง (ชินชา)


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท