สงกรานต์วันนี้ น้องชายมารับตั้งแต่หกโมงเช้า แล้วเลยไปรับโยมแม่เพื่อไปบังสุกุลที่ป่าช้าบ้านแหลมวัง...
รถไปถึงป่าช้าประมาณสองโมงเช้า ญาติบางส่วนยังอยู่ในหมู่บ้าน จึงชวนกันไปเที่ยวสวนข้างออกป่าช้า เจอต้นชมพู่มีลูกเต็มต้น ที่โยมพ่อปลูกไว้ ให้น้องชายเก็บถวายชิม ๔-๕ ลูก ก็ฝาดๆ ไม่ค่อยหวาน... น้องและโยมแม่ก็หักช่อใหญ่ๆ มาอวดญาติอีก ๒-๓ ช่อ... ส่วนมะม่วงอยู่ด้านใน สวนรกจึงไม่ได้เข้าไปดู... สวนนี้ถือว่าเป็นสถานที่หนึ่งในบั้นปลายชีวิตของโยมพ่อ หลังจากท่านสิ้นสวนก็ร้าง
กลับออกมายังไม่เจอใครจึงพารถเวียนเข้าไปในบ้านคูขุด ก็ไม่เจอใคร เมื่อเวียนมาถึงโรงไม้ (เลิกกิจการ) ก็เจอน้าชาย ท่านบอกว่า เข้าไปในป่าช้าสองครั้งแล้วไม่เจอใคร... จึงชวนกันมาที่ป่าช้า เจอน้าสาวกับยาย ยายขอศีลอุโปสถ ให้ศีลให้พรแล้วก็ไปบังสุกุลบัว (รูปเดียว) แล้วก็ชวนกันกลับมายังโรงไม้... ฉันข้าวเสร็จที่โรงไม้ก็ปล่อยให้โยมแม่และญาติๆ ทานข้าว ส่วนตนเองเดินออกมา แล้วไปดูสระพังจาก ซึ่งอยู่ท่าตกหลังโรงไม้...
สระพังจากก็สระเดิมซึ่งผู้เขียนเคยมาใช้ชีวิตอยู่แถวนี้เสมอตอนเด็กๆ... อ่านป้ายดู อบต.ได้งบประมาณขุดใหม่ ลึก 4 เมตร กว้างและยาวด้านละ 50 เมตร แต่ป้ายกลับเขียนว่าสระพังหลา (กลับไปคุย ญาติบอกว่าเค้าเขียนผิด)... ก็นั่งฟังเสียงนกเขาจากต้นตะโหนดอยู่ครู่หนึ่ง ตัวหนึ่งขัน ๒ กุก อีกตัวเสียงดีพิเศษ แต่ไม่ค่อยได้อรรถรสเสนาะโสตสักเท่าไหร่ เพราะมีเสียงรถวิ่งเข้าหูรบกวนมากไปหน่อย...
ประมาณตีเก้าครึ่งก็ออกจากโรงไม้ เข้าไปเยี่ยมยายและตาสองครอบครัว อีกครอบครัวหนึ่งปิดบ้านจึงผ่านไป... ออกจากคูขุดก็ไปกระดังงา ดูนาฬิกาก็เพิ่งตีสิบเอ็ด คุยกับน้องว่า นี้เราไปฉันก๋วยเตียวได้สักมื้อเหลย พอไปถึงหน้าวัดกระดังงา ตรงข้ามเป็นป่าช้าซึ่งมีฮวงซุ้ยและบัวบรรจุกระดูกโยมพ่อและบรรพบุรุษอยู่ที่นี้ (คูขุดตระกูลโยมแ่ม่)... เห็นญาติๆ รออยู่แล้ว แต่รถเลี้ยวไม่ได้ เพราะถนนสี่เลน มีเกาะกลางถนน.. (ผู้เขียนเพิ่งไปครั้งแรกหลังจากถนนเสร็จ)
ยูเทอนไกลมาก สองกิโลกว่า เพราะถนนโค้งไปโค้งมา จึงเสนอความเห็นว่าไปหาพุงวัวฉันที่สนามชัยดีกว่า น้องชายเห็นสม จึงเลยไปอีกสองกิโล... ถึงสนามชัยผู้เขียนก็ฉันพุงวัวถ้วยเดียว น้องชายสั่งพุงวัวกับข้าวราดแกง ส่วนโยมแม่ไม่ทานอะไร (เคยผ่านมากินกันที่นี้หลายครั้ง แต่เป็นตอนบ่ายหรือเย็น ผู้เขียนต้องนั่งคอยหรือเดินเล่นเสมอ ฉันไม่ได้ วันนี้จึงถือโอกาส...)
ฉันเสร็จทานเสร็จก็กลับมายังป่าช้า นั่งคุยกับบรรดาญาติๆ นินทาคนโน้นวิจารณ์คนนี้อยู่ครู่หนึ่ง ก็ชวนกันไปจุดธูปเทียนหน้าบัวพิจารณาบังสุกุลแล้วก็คุยกันอีกนิดหน่อยแล้วก็กลับ...
มาแวะร้านน้องสาว ซึ่งตอนนี้มีแผงหนังสือวางหน้าร้านด้วย... ผู้เขียนพูดว่า นึกถึงโยมพ่อ นี้ถ้าโยมพ่อยังอยู่คงจะถูกใจ เพราะได้อ่านหนังสือฟรี ไม่ต้องนั่งรถจากสทิงพระมาซื้อสงขลาไปกลับครึ่งวันดังเช่นตอนผู้เขียนเด็กๆ...
กลับมาถึงวัดบ่ายแล้ว เปิดเครื่องคอมฯ ครู่หนึ่ง รู้สึกง่วงก็ปิดเครื่องนอน นอนหลับไปตื่นหนึ่ง ได้ยินเสียงเครื่องคอม ปรากฎว่ายังไม่ได้ชัดดาว จึงลุกขึ้นมาชัดดาวแล้วก็นอนต่อ (คงจะเหนื่อย...)
ตื่นมาก็ตีสิบ ถึงสามก๊กพอดี อ่านเสร็จจึงวิจารณ์สามก๊กแล้วมาเขียนอนุทิน....
กลับบ้านเดิมครั้งใด ทุกสิ่งที่เห็น จะมีอดีตตามมา คุยกับน้องในรถว่า เรื่องนั้นก็เขียนได้ เรื่องนี้ก็เขียนได้...
ไม่มีความเห็น