กรรมชั่วนั้นเปรียบเสมือนเกลือ ทำไม่ดีก็ต้องกินเกลือ เกลือมันเค็มนะ ใคร ๆ ก็ไม่อยากกิน
กรรมดีอันเป็นบุญและกุศลนั้น เปรียบเสมือนน้ำเปล่าอันบริสุทธิ์ ใคร ๆ ก็ต้องดื่ม ดื่มแล้วสดชื่น สบาย
คนเรามีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ก็เปรียบเสมือนเกลือและน้ำที่ผสมเข้าด้วยกัน
คนใดมีกรรมชั่วมากกว่ากรรมดีก็เปรียบเสมือนน้ำทะเล ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากกินเพราะมันเค็ม กินแล้วก็กระอัก สำลัก เกิดโทษไม่มีประโยชน์กับร่างกาย
ซึ่งแตกต่างกับคนที่มีกรรมดีมากกว่ากรรมชั่วก็เปรียบได้ดั่งน้ำในแม่น้ำ ลำธาร ที่ใสสะอาดสามารถดื่มกินได้
หากถามว่าน้ำในแม่น้ำนั้นที่เราดื่มมีเกลือไหม ก็สามารถตอบได้ว่า "มี" (สิ่งเหล่านี้เป็นวิทยาศาสตร์) แต่มีเกลือในปริมาณน้อย มีอยู่ในปริมาณที่จะไม่เกิดโทษกับร่างกาย แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องกินเกลือเข้าไป
อย่างเช่นน้ำเกลือที่เขาใช้เช็ดแผล มันก็มีเกลือ แต่ทำไมมันไม่ทำให้เราแสบ
ก็เปรียบได้เช่นเดียวกับกรรมชั่วที่เจือจางอยู่ในกรรมดี
หากเราไม่มีกรรมชั่วเลย เราก็ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักพิจารณา นำกรรมชั่วที่เกิดมาเหล่านั้นมา "ภาวนา" นำมาเป็นอุบายทำให้ใจสงบ และนำมาสร้างเสริมให้เกิดปัญญา
ไม่มีความเห็น