อนุทิน 163575


ลิขิต
เขียนเมื่อ

ผู้เขียนมีโอกาสพาพ่อวัย ๘๕ ไปเยี่ยมน้าสาววัย ๑๐๖ ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน ด้วยเกรงว่าเมื่อตายจากกัน จะไม่ได้พบญาติผู้ใหญ่ที่เหลือเพียงคนเดียว ท่านยังมีความจำดีกว่าพี่สาวของพ่อ (วัยไม่เกิน ๙๐) ท่านเรียกชื่อพ่อ ยื่นมือมาสัมผัส โอบกอด และจุมพิตทักทายแบบคนแก่สูงอายุ แล้วพูดว่า “กูอยากตาย มึงไม่สบาย อยากตายด้วยใช่ไหม?” พ่ออึ้งไปชั่วขณะตอบว่า “ตายกำหนดเองไม่ได้แม้แต่พระสงฆ์” ผู้เขียนบอกท่านว่า พ่อยังไม่อยากตาย ตอนนี้แข็งแรงดี รอกินทุเรียนที่กำลังผลิดอกมากมายในสวน

สักพัก ลูกชายท่านเดินเข้ามา พูดคุย พอจับใจความได้ว่า มีค่าใช้จ่ายสูงในการดูแล… เช่น จ้างคนเฝ้ากลางวัน วันละ ๔๐๐ บาท ค่าพยาบาลล้างแผลกดทับวันละ ๔๐๐ บาท ท่านดื้อไม่ยอมกินยา ไม่ยอมขยับตัว เป็นต้น แล้วถามพ่อว่า จะเอาแบบนี้ไหม? เพราะทวด อายุยืนถึง ๑๐๒ ปี ผู้เขียน บอกเขาว่า ไม่ค่อยเจอลูกชายเฝ้าผู้ป่วยติดเตียง และบอกย่าว่า ขอให้สู้ ตอนนี้อายุสูงกว่าทวดแล้ว ท่านสัมผัสผู้เขียน เช่นเดียวกับพ่อ แล้วถามว่า กลับกรุงเทพฯ เมื่อไร? หรือมาจากภูเก็ต ผู้เขียนตอบว่า อยู่สวนที่นี่กับพ่อ ท่านงง แล้วถามต่อว่า ทำงานอะไร? ผู้เขียนตอบว่า ทำสวน ท่านถามว่า ใช้พอหรือ? ผู้เขียนตอบว่า พอ ท่านบอกว่าลูกสาวก็ไม่สบาย พยายามอธิบาย คล้ายกับว่าเป็นโรคหัวใจ

ผู้เขียนเข้าใจแล้วว่า ผู้ป่วยติดเตียงทุกรายที่ไปพบ จะเอ่ยคำแรก คือ “อยากตาย” เนื่องจากผู้คนจำนวนมากดำเนินชีวิตตามกระแสนิยม ลูกหลานต้องทำงานหาเงิน แล้วใช้เงินซื้อบริการ และสิ่งของ ไม่มีเวลาใส่ใจ เรื่องจิตใจ รายละเอียดอื่นๆ สถาบันครอบครัวอ่อนแอ และพังทลาย เมื่อหาเงินเท่าไรก็ไม่พอจ่ายแบบคนธรรมดาทั่วไป ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความทุกข์

ผู้เขียนอาจเริ่มต้นหาคำตอบด้วย ความควรไม่ควร ที่อยู่ภายใต้ หลักความดีงาม (เพราะเราไม่ใช่คนดี) ไม่ใช่ตัวเงินเป็นที่ตั้ง วิธีการที่เลือกทำจึงออกมาค่อนข้างแตกต่าง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท