อ่าน มติชน พูดถึงการบริหารเงินทุนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่เป็นเงินบริจาค และเล่าว่า เยลบริหารเงินเก่งกว่าฮาร์วาร์ดแบบทิ้งขาด ไม่กล้าลงตัวเลข กลัวตกใจ
ลองมาคิดดูเล่น ๆ ในบ้านเรา เงินบริจาคที่ฝากธนาคารที่มั่นคงสูง ๆ ระยะยาว ได้สัก 3 % ก็เก่งแล้ว ในขณะที่เงินเฟ้อระยะยาวคือ 5-6 %
นั่นหมายความว่า ทุก 25 ปีผ่านไป เท่ากับมูลค่าที่แท้จริง [หลังปรับแก้ผลจากเงินเฟ้อและผลตอบแทน] จะเหลือเพียงครึ่งเดียว ทั้งที่ยังไม่ทันจ่ายอะไรออกไปเลย
แต่ระหว่างฝากสถาับันการเงินที่งบดุลน่าหวาดเสียว กับการลงทุนเต็มพิกัดในบริษัทที่งบดุลแข็งแรง อย่างไหนเสี่ยงกว่า ยังน่ากังขาอยู่ เพราะทฤษฎีกับปฎิบัติ มักชอบแยกทางกันเดิน
ไม่มีความเห็น