ความขี้เกียจขี้คร้านมันมีมากทุกคนนะ จะเคลื่อนไหวอะไรมันก็ไม่อยากเคลื่อนไหว ยิ่งตอนเช้าตี ๓ มันไม่อยากตื่นแต่มันต้องตื่น ต้องฝืน ต้องทน การชนะสิ่งต่าง ๆ ท่านว่ายังไม่สู้ชนะจิตใจตัวเอง
เราไม่ต้องไปมองว่าคนโน้นปฏิบัติไม่ดีคนนี้ปฏิบัติดี คนนี้กิเลสมาก คนนั้นปฏิปทาน่าเกลียด เราไม่ต้องไปมอง ถ้าเราเป็นคนฉลาดเป็นคนตั้งอกตั้งใจ ส่วนมากก็จะมองเห็นโทษของคนอื่น เมื่อเห็นโทษคนอื่นแล้วเราจะหมดกำลังใจหมดศรัทธา เพราะว่าส่วนใหญ่คนที่มาประพฤติปฏิบัติไม่ได้มีใครสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ส่วนใหญ่ก็เป็นสามัญชนเหมือนกับเรา ถ้าเราไปเอาตัวอย่างเขาเอาแบบเขาคงไม่ได้ ต้องเอาตัวอย่างพระพุทธเจ้าพระอรหันต์อย่างนี้เป็นต้น ไม่อย่างนั้นเราก็คิดอยู่อย่างนั้นว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นคนนี้เป็นอย่างนี้ จิตใจของเราก็กลายเป็นอันธพาลไป
ต้องเมตตาสงสารคนอื่นให้มาก...
คนอื่นจะกิเลสมากกิเลสน้อยก็ช่างหัวมัน เราก็กลับมาแก้ที่จิตที่ใจของเรา ไม่ต้องไปแก้คนอื่น อยู่ในโลกสังคมเมืองมนุษย์นี้คนเห็นแก่ตัวมันมีมาก เปรียบเสมือนวัวตัวหนึ่งขนมันมีเยอะเขามีแค่ ๒ เขาอย่างนี้เป็นต้น เราพยายามเอาพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลัก แม้นพระรูปนั้นจะบวชมาหลายปีหลายพรรษา เป็นพระมัชฌิมาพระเถระ ถ้ามันไม่ดีไม่ถูกต้องเราก็เฉย เราถือว่าเป็นเรื่องของคนอื่น
พระพุทธเจ้าท่านให้ทุกคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ พยายามทำความดี ปฏิบัติหน้าที่ให้มีความสุข กายอยู่ที่ไหนก็ให้ใจมันอยู่ที่นั่น มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ขาดสติ ๑ นาที ก็บ้า ๑ นาที
อย่าไปหลงทางวัตถุ เราหลงมาหลายภพหลายชาติแล้ว พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าไปโง่ให้วัตถุกามคุณมันเผาจิตเผาใจ
ต้องหยุดตัวเอง อดกลั้นอดทน ถ้าเราไม่อดกลั้นอดทน จิตใจของเรานี้ไม่มีทางที่จะสงบไม่มีทางที่จะเย็นได้ เพราะจิตใจของเรามันตกอยู่ในอำนาจของความมืดคือกามคุณทั้งหลาย มันหลงวัตถุ ของออกมาใหม่ ๆ มันก็ยิ่งหลง เรามาบวชมาปฏิบัตินี้ต้องตัดใจ ต้องข่มใจ ฝืนกิเลส ฝืนใจของตัวเอง ทำทุกวัน ปฏิบัติทุกวัน ถ้าอย่างไม่อย่างนั้นน่ะความรู้เราท่วมหัวก็เอาตัวไม่รอดเพราะไม่มีการปฏิบัติกายปฏิบัติใจ
ต้องเอาสติสัมปชัญญะมาฝึกกาย นั่ง เดิน บริโภคอาหารก็ให้รู้ รู้แล้วก็ให้มันสงบ อย่าให้มันวุ่นวาย เพราะใจของเรานี้มันหยุดไม่เป็น มันสงบไม่เป็น