เคยไได้ยิน เรื่อง ทฤษฎีโดมิโน่ เมื่อตัวหนึ่งล้ม ตัวอื่น ๆ ก็จะพลอยทยอยล้มตามไปด้วย...ดังนั้น จึงจำต้องหาทางดูแลกันและกันในกลุ่มไว้ โดยอย่าให้ได้เกิดความผิดพลาด
หลักการนี้ จักใช้ในโลกคนปุุถุชน ในโลกแห่งคนทุนนิยม ที่มีความหยาบหนา ด้วยต่างต้องหาทางปิดปากในข้อบกพร่องผิดของกันและกันไว้ เสมือนเป็นสัญญาประชาคมที่รู้แก่ใจกัน
หากมีโดมิโนตัวใด ใจเกิดทุกข์จากที่ทำ จากกรรมหนักแห่งตนเอง โดยมีทีท่าว่า.. หลุดปากเปิดเผย ก็จำต้อง หากทางปิดปากจัดการ
หนักสุด จักถูกทำลายจุดอ่อน เช่น สร้างสถานการณ์ ทำให้เสียชื่อเสียง จนไม่กล้าอ้าปากกล่าวอะไรออกมาอีก ฯลฯ
แม้กระนั้น..โดมิโนตัวที่ใจเกิดทุกข์ที่ทำ จากกรรมหนักแห่งตนเอง ไม่ยอมหยุดที่จะเปิดเผยต่ออีก ด้วยพลังสำนึกในจิตของเขาเกิดมีอย่างสูงยิ่ง
วิธีการจัดการ ในทฤษฎีโดมิโน่ ก็จักเหลือสองทางสุดท้าย ที่โหดเหี้ยม คือ มอบรางวัลโดยยกย่องให้สูง แล้วจัดการดับให้สนิท หรือ จัดการดับให้สนิทโดยไม่ต้องยกย่องใด ๆ
ผู้หลงตกไปในค่ายกลมายาอย่างหัวปักหัวปำ แม้กระนั้น ก็พบว่า มีเหมือนกันสามารถก้าวพ้นออกมาจากวังวนอย่างปลอดภัย และยังกล้านำมาเปิดเผย ก็พอมีให้เห็น...
แต่ด้วยถูกหลักการโดมิโน่ ครอบงำมานาน การเปิดเผย ก็เปิดเผยไปงั้น ๆ อย่างไม่สามารถที่จะแก้ไขใด ๆ ได้
พอดี เช้ามืดวันนี้แปลกกว่าวันอื่น.. ด้วยในใจ เกิดระลึกนึกถึงทนายสมชาย นึกถึงเสธ.แดง ระลึกนึกถึงประธานกรรมาธิการปรองดอง ระลึกนึกถึงพระรักเกียรติ ระลึกนึกถึงระบบทักษิณ เหล่ามหาอำนาจแห่งทุนนิยม...ที่กำลังล่มสลาย นึกหลายรายการเลยบันทึกไว้
อีกมุมของใจ หลังจากไหลไปตามความระลึกอย่างรู้ มีสติ เกิดจิตอนุโมทนาต่อทุก ๆ คนที่กำลังพากเพียรรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ขยัน กล้าจน ทนเสียดสี หนีสะสม นิยมสร้างสรร สวรรค์ นิพพาน ทุก ๆ คน
ด้วยต่างชัดเจน มีสัมมาทิฐิ ฝึกตนเป็นคนขยัน หากใจพอ ดำเนินชีวิตโดยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่จักคือ ทางรอดของโลก โดยมีพระนิพพานอันเป็นเป้าหมาย...