หน้าแรก
สมาชิก
Dr. จินดารัตน์ ชั...
อนุทิน
อนุทิน 106451
Dr. จินดารัตน์ ชัยโพธิ์คำ
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
อนุทิน 106451
Dr. จินดารัตน์ ชัยโพธิ์คำ
เขียนเมื่อ
Blended learnig
เบล็นเด็ดเลินนิ่ง หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่
หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิด
ขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอกห้องเร
ียนที่ผู้เรียนผู้สอนไม่เผชิญหน
้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอย
ู่หลากหลาย กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเกิ
ดขึ้นจากยุทธวิธี การเรียนการสอนที่หลากรูปแบบ เป้าหมายอยู่ที่การให้ผู้เรียนบ
รรลุเป้าหมายการเรียนรู้เป็นสำค
ัญ
การสอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบผส
มผสานนั้น ผู้สอน สามารถใช้วิธีการสอน สองวิธีหรือมากกว่า ในการเรียนการสอน เช่น ผู้สอนนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่าน
เทคโนโลยีผนวกกับการสอนแบบเผชิญ
หน้า แต่หลังจากนั้นผู้สอนนำเนื้อหาบ
ทความแขวนไว้บนเว็บ จากนั้นติดตามการดำเนินกิจกรรมก
ารเรียนการสอนโดยใช้อีเลินนิ่ง ด้วยระบบแอลเอ็มเอส (Learning Management System ) ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องแล
็บ หลังจากนั้นสรุปบทเรียน ด้วยการอภิปรายร่วมกับอาจารย์ผู
้สอนในห้องเรียน
"Blended learning เป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาและเทค
โนโลยี ,blended learning มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรว
ดเร็ว,เป็นการบูรณาการระหว่างกา
รเรียนในชั้น เรียนและการเรียนแบบออนไลน์,สาม
ารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผ
ู้เรียนและ การใช้เวลาในชั้นเรียนได้เหมาะส
ม"
การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่างๆมา
ผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น คือ รวม รูปแบบการเรียนการสอน รวม วิธีการเรียนการสอน รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเ
รียนการเติบโตของการเรียนแบบผสม
ผสานตั้งแต่ อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบ
ผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได
้มีการรวมเข้าหากันจาก 2 รูปแบบสภาพแวดล้อมของการเรียนแบ
บเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรีย
นกับ การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่าง
ระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพ
าะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่าง
กันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเคร
ื่องมือที่ แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่
างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่
างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบ
บทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ
่ขยายอย่าง รวดเร็วซึ่งได้เข้ามาในรูปของเท
คโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ก
ารเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ
่ขยายเข้ามา สู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวด
เร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไล
น์นั้นได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่
อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมในการเ
รียนการสอนใน ชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผส
มผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าในอนาคตนั
้นการเรียน แบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มาก
ขึ้นตามรูปแบบการเรียนแบบออนไลน
์ที่จะมีการ เติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานน
ั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิ
มยิ่งขึ้นอีก ด้วย
ข้อดี-ข้อจำกัด
การเรียนแบบผสมผสานสรุป Blended Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน ความหมายและความสำคัญ
1. การเรียนแบบผสมผสาน (blended learning) เป็นการเรียนที่ใช้กิจกรรมที่ต้
องออนไลน์และการพบปะกันในห้องเร
ียนจริง (hybrid) โดยใช้สื่อที่มีความหลากหลายเหม
าะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้ เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่าง
บุคคล
2. การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่าง ๆ มาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น การเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องผสมผส
านกันเท่าใด เช่น- รวม รูปแบบการเรียนการสอน- รวม วิธีการเรียนการสอน- รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเ
รียน
3. การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเติบโตของการเรียนแบบผสมผสาน
ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบ
ผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได
้มีการรวมเข้าหากัน จาก 2 รูปแบบ
3.1 สภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรีย
น
3.2 การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่าง
ระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพ
าะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่าง
กันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเคร
ื่องมือที่ แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่
างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่
างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบ
บทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ
่ขยายอย่าง รวดเร็ว ซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยี
ใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ก
ารเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ
่ขยายเข้ามา สู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวด
เร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไล
น์นั้นได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่
อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วม ในการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิ
ดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซ
ึ่งคาดว่าใน อนาคตนั้นการเรียนแบบผสมผสานจะม
ีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบ
การเรียน แบบออนไลน์ที่จะมีการเติบโตขึ้น
มากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานน
ั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิ
มยิ่งขึ้นอีก ด้วย
สรุป
1. การเรียนการสอนแบบผสมผสาน Blended Learning เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานหลากห
ลายวิธี เพื่อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนร
ู้ที่หลากหลาย และเพื่อผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศั
กยภาพเหมาะกับบริบทและสถานการณ์
การเรียนรู้และตอบสนองความแตกต่
างระหว่างบุคคลเกิดการเรียนรู้แ
ละเกิดทักษะ ด้านการปฏิบัติ (Practice Skill )โดยใช้เทคโนโลยี เช่น การเรียนการสอนในชั้นเรียนร่วมก
ับการ เรียนการสอนแบบออนไลน์(a combination of face-to-face and Onine Learning) การเรียนแบบหมวก 6 ใบ, สตอรี่ไลน์ จุดมุ่งหมายสูงสุดอยู่ที่ผู้เรี
ยน โดยอัตราส่วนการผสมผสาน จะขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อหา และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
กรณี - ครูผู้สอนสั่งงานทาง e-mail หรือ chatroom หรือ webbord ถือเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสาน- ครูสั่งให้ส่งงานเป็นรูปเล่มราย
งานถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบผสม
ผสานเช่นกัน เพราะต้องไปค้นคว้าสืบค้นข้อมูล
และนำมาอภิปราย สรุป เนื้อหาเป็นแนวเดียวกัน ผู้เรียนทุกคนเข้าใจตรงกัน
2. การใช้งานจริง ณ ขณะนี้ สรุป การใช้ Blended Learning ในองค์กร หรือบริษัท ช่วยในการประชุม การสั่งงาน โดยมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร
ะบบเครือข่าย ส่วนมาก นิยมใช้ระบบ LMS เป็นระบบการบริหาร ผ่าน Sever เป็นระบบเครือข่ายผู้ใช้งานในระ
บบ
2.1 กลุ่มผู้บริหาร Administrator ทำหน้าที่ดูแลระบบ
2.2 กลุ่ม ครู อาจารย์ Instructor/ teacher ทำหน้าที่สอน
2.3 กลุ่มผู้เรียน Student /
Guest นักเรียน นักศึกษาสำหรับขั้นตอนการออกแบบกา
รเรียนรู้แบบผสมผสานของ Beijing Normal University (BNU) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
1. ขั้นก่อนการวิเคราะห์ (Pre-Analysis) เป็นขั้นตอนแรกของการออกแบบการเ
รียนรู้แบบผสมผสาน ประกอบการพิจารณาข้อมูลทั่ว ๆ ไป ได้แก่
1.1 การวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้เรี
ยน
1.2 การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ในการเ
รียนรู้
1.3 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการเ
รียนรู้แบบผสมผสานผลลัพธ์ที่ได้
จากขั้นตอนแรก จะเป็นรายงานผลที่จะนำไปใช้ในขั
้นต่อไป
2. ขั้นการออกแบบกิจกรรมและการออกแ
บบวัสดุการเรียนรู้ (Design of Activity and Resources) เป็นขั้นตอนที่สองที่นำผลลัพธ์ท
ี่ได้จากขั้นตอนแรกมาออกแบบกิจก
รรมและวัสดุ การเรียนรู้ ซึ่งจำแนกออกเป็น 3 ส่วนย่อย ๆ ได้แก่
2.1 การออกแบบภาพรวมของการเรียนรู้แ
บบผสมผสาน ประกอบด้วย
กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละหน่วยเร
ียน
กลยุทธ์การนำส่งบทเรียนในการเรี
ยนรู้แบบผสมผสาน
ส่วนสนับสนุนการเรียนรู้แบบผสมผ
สาน
2.2 การออกแบบกิจกรรมแต่ละหน่วยเรีย
นประกอบด้วย
นิยามผลการกระทำของผู้เรียน
กิจกรรมในแต่ละวัตถุประสงค์
การจัดกลุ่มของกิจกรรมทั้งหมด
การประเมินผลในแต่ละหน่วยเรียน
2.3 การออกแบบและพัฒนาวัสดุการเรียน
รู้ประกอบด้วย
การเลือกสรรเนื้อหาสาระ
การพัฒนากรณีต่าง ๆ
การนำเสนอผลการออกแบบและการพัฒน
าผลที่ได้จากขั้นตอนที่สอง จะเป็นรายละเอียดของการออกแบบบท
เรียนในแต่ละส่วน
3. ขั้นการประเมินผลการเรียนการสอน
(Instructional Assessment) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการออกแบบก
ารเรียนรู้แบบผสมผสานประกอบด้วย
3.1 การประเมินผลขั้นตอนการเรียนรู้
3.2 การจัดการสอบตามหลักสูตร
3.3 การประเมินผลกิจกรรมทั้งหมดผลที
่ได้จากขั้นตอนสุดท้าย จะนำไปพิจารณาตรวจปรับกระบวนการ
ออกแบบในแต่ละขั้นที่ผ่านมาทั้ง
หมด เพื่อให้การเรียนรู้แบบผสมผสานม
ีประสิทธิภาพและเกดประสิทธิผลกั
บผู้เรียน อย่างแท้จริง
ขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบ
ผสมผสาน
การเรียนรู้แบบผสมผสานมีสิ่งต่า
งๆจะต้องพิจารณา ดังนี้
1. เพิ่มทางเลือกของวิธีการนำส่งกา
รเรียนรู้ไปยังผู้เรียนให้มีควา
มหลากหลายมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ออกแ
บบ
2. เกณฑ์การตัดสินความสำเร็จในการเ
รียนรู้แบบผสมผสานไม่ได้มีเพียง
เกณฑ์เดียว เช่น รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการเรี
ยนรู้ ซึ่งสามารถนำมาพิจารณาร่วมกันได
้
3. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน
จะต้องพิจารณาประเด็นของความเร็
วในการเรียนรู้ ขนาดของผู้เรียน และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้เรีย
น
4. สภาพแวดล้อมทางการเรียนของผู้เร
ียน จะมีความแตกต่างกันเป็นธรรมชาติ
ซึ่งการจัดการเรียนรู้จะต้องสนั
บสนุนให้ผู้ เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นส
ำคัญ
5. หน้าที่ของผู้เรียน จะต้องศึกษาและค้นพบตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ตามศักยภ
าพของตนเอง
6. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน
ต้องการทีมงานออกแบบที่มีความรู
้เรื่องการปรับปรุงด้านธุรกิจด้
วย เช่นกัน
การเรียนการสอนทางไกลของ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ) ถือว่าเป็นการเรียนการสอนแบบผสม
ผสานเช่นกัน
คอร์สการเรียนภาษาอังกฤษทางไกล ของ แอนดรูส์ บิ๊ก ที่ใช้ระบบ(Bkended Learning for Distance Learning) ซึ่งสามารถสอนนักเรียนพร้อมกันท
ีเดียวได้เป็นพันคน
3. ประโยชน์ ข้อดี และข้อจำกัด
ประโยชน์ ข้อดี
1. แบ่งเวลาเรียนอย่างอิสระ
2. เลือกสถานที่เรียนอย่างอิสระ
3. เรียนด้วยระดับความเร็วของตนเอง
4. สื่อสารอย่างใกล้ชิดกับครูผู้สอ
น
5. การผสมผสานระหว่างการเรียนแบบดั
้งเดิมและแบบอนาคต
6. เรียนกับสื่อมัลติมีเดีย
7. เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Child center
8. ผู้เรียนสามารถมีเวลาในการค้นคว
้าข้อมูลมาก สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้
อมูลได้อย่างดี
9. สามารถส่งเสริมความแม่นยำ ถ่ายโอนความรู้จากผู้หนึ่งไปยัง
ผู้หนึ่งได้ สามารถทราบผลปฏิบัติย้อนกลับได้
รวดเร็ว (กาเย่)
10. สร้างแรงจูงใจในบทเรียนได้(กาเย
่)
11. ให้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรี
ยนการสอนได้(กาเย่)
12. สามารถทบทวนความรู้เดิม และสืบค้นความรู้ใหม่ได้ตลอดเวล
า (กาเย่)
13. สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนภา
ยในชั้นเรียนได้ ทำให้ผู้เรียนมีสมาธิในการเรียน
14. ผู้เรียนมีช่องทางในการเรียน สามารถเข้าถึงผู้สอนได้
15. เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ค่อนข้าง
ขาดความมั่นใจในตัวเอง
16. ใช้ในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ สามารถลดต้นทุนในการอบรม สัมมนาได้
ข้อจำกัด
1. ไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือถ่ายทอดความคิดเห็นอย่างรวด
เร็ว
2. มีความล่าช้าในการปฏิสัมพันธ์
3. การมีส่วนร่วมน้อย โดยผู้เรียนไม่สามารถมีส่วนร่วม
ทุกคน
4. ความไม่พร้อมด้าน ซอฟแวร์ Software บางอย่างมีราคาแพง (ของจริง)
5. ใช้งานค่อนข้างยาก สำหรับผู้ไม่มีความรู้ด้าน ซอฟแวร์ Software
6. ผู้เรียนบางคนคิดว่าไม่คุ้มค่าต
่อการลงทุน เพราะราคาอุปกรณ์ค่อนข้างสูง
7. ผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้านการใช้งานคอมพิวเ
ตอร์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เ
น็ต
8. ผู้เรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อ
ตนเองอย่างสูง ในการเรียนการสอนแบบนี้
9. ความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคนเ
ป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนแบบผ
สมผสาน
10. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมในการใช้เ
ครือข่าย หรือระบบอินเทอร์เน็ต เกิดปัญหาด้านสัญญาณ
11. ขาดการปฏิสัมพันธ์แบบ face to faec (เรียลไทม์)
ความเป็นไปได้ในการไปใช้งานจริง
ของ Blened Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
1. มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค ICT ทำให้มีการเรียนรู้ที่หลากหลายว
ิธี เช่น 2 วิธี หรือมากกว่านั้นได้
2. ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดย
ใช้ e-Learning
3. สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานศึกษ
า เช่น โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย รวมไปถึง บริษัท องค์กร ต่าง ๆ เพื่อประหยัดงบประมาณและต้นทุน
4. เป็นไปได้หรือไม่ในการนำไปใช้งา
นได้จริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
ความเหมาะสมขององค์ประกอบในการจ
ัดการเรียนการสอน อุปกรณ์ ผู้เรียน และผู้สอน
การสอนแบบผสม (Mixed Method)
วิธีสอนแบบผสมผสาน
ในการสอนผู้สอนย่อมกำหนดจุดประส
งค์ไว้หลายด้าน ทั้งด้านความรู้เจตคติ และ
ทักษะ ถ้าผู้สอนใช้วิธีสอนวิธีใดวิธีห
นึ่งวิธีเดียว อาจไม่สามารถสนองตอบจุดประสงค์ท
ุกด้านได้ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่ผู้
สอนต้องรู้จักเลือกใช้วิธีสอนหล
ายๆ วิธีอย่างผสมผสานกัน นอกจากนี้วิธีมีข้อดีและข้อจำกั
ดในตังเอง ผู้สอนต้องเลือกใช้ให้สอดคล้องเ
หมะสมกับสถานการณ์ผู้เรียนและเน
ื้อหาวิชา บางครั้งบางชั่วโมงอาจต้องเลือก
ใช้หลายวิธีอย่างผสมผสานกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรี
ยนรู้ได้ดี การผสมผสานวิธีสอนหลาย0 วิธีเข้าด้วยกัน จะช่วยให้การเรียนการสอนสุก น่าสนใจ และเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการเร
ียนการสอนให้ดีขึ้น (อาภรณ์ ใจเที่ยง. 2540 :134-139)
1.ความหมายของการสอนแบบผสมผสาน
การสอนแบบผสมผสาน หมายถึง การสอนที่ผู้สอนนำวิธีการสอนหลา
ยๆวิธีมาผสมผสานกัน เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรี
ยนรู้ได้ดีที่สุด
2.ความมุ่งหมายของการสอนแบบผสมผ
สาน
1.เพื่อสนองจุดประสงค์การสอนทั้
ง 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ เจตคติ และทักษะ ถ้าใช้วิธีสอนเพียงวิธีเดียว อาจไม่สามารถครอบคลุมจุดประสงค์
ทั้ง 3 ด้านได้ เพราะการสอนแต่ละวิธีย่อมมีจุดม
ุ่งหมายเฉพาะแต่ละอย่างไป
2.เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้
แสดง ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดเฉพาะตน ซึ่งแต่ละคนมีแตกต่างกัน การใช้วิธีสอนหลายๆ วิธีผสมผสานกัน จะช่วยให้ผู้เรียนได้คุ้นเคยหรื
อถนัดกับกิจกรรมการสอนหลายๆ แบบ
3.เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เร
ียน ความสนใจของผู้เรียนนั้นไม่คงที
่ตลอดชั่วโมงหรือตลอดเวลาของการ
สอน และมีลักษณะที่จะเหนื่อยและเบื่
อหน่ายในตอนท้ายชั่วโมง การเปลี่ยนวิธีสอนจะเป็นการเรีย
กร้องความสนใจให้กลับมาอีกครั้ง
หนึ่งได้
4.เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการเรียน
การสอนให้น่าสนใจขึ้น การใช้วิธีสอนหลายๆ แบบทำให้ผู้เรียนได้ตื่นตัว เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน
ไม่เกิดความเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันทำให้ผู้สอนได้เลือก
ใช้วิธีสอนที่เหมาะสมกับตนเอง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศของผู้สอ
นเองด้วยพร้อมกันไป
3.รูปแบบการผสมผสานวิธีสอน
รูปแบบการผสมผสานวิธีสอนจัดทำได
้ 3 ลักษณะ ได้แก่
1.ผสมผสานเป็นรายชั่วโมง หรือรายคาบ
2.ผสมผสานเป็นรายสัปดาห์
3.ผสมผสานเป็นรายเดือนและรายภาค
แต่ละลักษณะมีรายละเอียดดังนี้
1.การผสมผสานเป็นรายชั่วโมงหรือ
รายคาบ
คำว่า รายชั่วโมงหรือรายคาบ หมายถึง รายครั้งที่มีการสอน เช่น เวลา 2 คาบ ลักษณะการผสมผสานทำได้ 3 ลักษณะ โดยถือเอาการสอนแบบบรรยายเป็นกา
รสอนหลักมีดังนี้ (ไพฑูรย์ สินบารัตน์ 2534 : 149-153)
1.1 การบรรยายเริ่มต้นชั่วโมง เมื่อผู้สอนได้บรรยายไปพอสมควรแ
ละเห็นว่า ห้องเรียนจะมีอาการน่าเบื่อหน่า
ย ก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการด้วยการให
้ผู้เรียนอภิปรายหรือทำงานเป็นร
ายบุคคลได้
1.2 การบรรยายอยู่กลางชั่วโมง บางครั้งอาจใช้การบรรยายไว้กลาง
ชั่วโมง แล้วเริ่มต้นหรือปิดท้ายด้วยวิธ
ีการอื่นๆ แต่ควรบรรยายสรุปก่อนเลิก
1.3 การบรรยายไว้ท้ายชั่วโมง ในการสอนโดยทั่วไป ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายก่อนแต่อา
จเริ่มต้นด้วยกิจกรรมอื่นๆ ก่อน แล้วปิดท้ายด้วยการบรรยายก็ได้ร
ูปแบบและกิจกรรมที่ยกมาให้ดูเป็
นตัวอย่างนี้ เป็นเพียงตัวอย่างและกิจกรรมเนอ
แนะเท่านั้น ผู้สอนย่อมจะปรับปรุงเวลาและกิจ
กรรมได้แล้วแต่ความเหมาะสมของผู
้สอน ผู้เรียน เวลา และวิชาที่สอนนั้นๆ
2.การผสมผสานเป็นรายสัปดาห์
การผสมผสานเป็นรายสัปดาห์ในที่น
ี้หมายถึง การสอนที่ใจหนึ่งสัปดาห์มีการสอ
นตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป การสอนแต่ละครั้งอาจจะเป็น 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงก็ได้รูปแบบของการผสมผสา
นอาจทำได้ 3 ลักษณะเช่นกัน คือ
2.1ใช้วิธีการสอนแบบเดียวตลอดชั
่วโมงแต่แตกต่างกัน ถ้าหากสัปดาห์นั้นมี
การสอน 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งสอนบรรยายตลอด ครั้งต่อไปควรเปลี่ยนเป็นการอภิ
ปรายหรือฝึกปฏิบัติแทน
2.2 ใช้แบบผสมแต่เน้นแตกต่างกัน ถ้าใช้วิธีการผสมผสานในแต่ละครั
้ง ควรเน้นให้แตกต่างกันในแต่ละครั
้งภายใน 1 สัปดาห์
2.3 ใช้วิธีการต่อเนื่องกัน วิธีนี้นิยมวิธีการสอนแบบเดียวแ
ต่ควรเป็นลักษณะการสอนที่มีความ
ต่อเนื่องกัน เช่น การสอนแบบอภิปราย การสอนแบบให้รายงาน การสอนแบบโครงการสอนแบบฝึกปฏิบั
ติ เป็นต้น
3.การผสมผสานเป็นรายเดือนและราย
ภาค
การผสมผสานเป็นรายเดือนและเป็นร
ายภาคนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ความสำคัญอยู่ตรงที่ผู้สอนที่ผู
้สอนจะกำหนดจุดมุ่งหมายไว้อย่าง
ใด วางแผนการสอนในลักษณะใด ต้องการให้ผู้เรียนได้รับประสบก
ารณ์อะไรบ้าง สำหรับรูปแบบนั้นมีต่างๆ กันออกไป ในที่นี้จะเสนอตัวอย่าง 3 รูปแบบคือ
3.1 ให้หลักการและอภิปรายสรุป การวางแผนการสอนแบบนี้ถือหลักว่
า เมื่อผู้เรียนรู้หลักการทฤษฎีดี
แล้ว ก็จะอภิปรายหรือไปทำรายงายงานได
้ดีขึ้น
3.2 ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองนำไปสู่ข้
อสรุป รูปแบบนี้ให้ผู้เรียนศึกษาด้วยต
นเอง ลงมือทำเองแล้วนำไปสู่ข้อสรุปใน
ภายหลัง
3.3 ผสมผสานรูปแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน แบบที่สามนี้เป็นอิสระ ไม่มีพื้นฐานหลัก
อะไรผู้สอนจะเลือกแบบต่างๆ ให้มีการผสมผสานกัน เพื่อจุดมุ่งหมายหลายๆ อย่าง และเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัวโดยทั
่วไปจะประกอบไปด้วยการบรรยาย อภิปราย ฝึกปฏิบัติศึกษาด้วยตนเอง ประกอบกันไป ไม่ควรเป็นอย่างใดอย่างเดียวกัน
ตลอด และควรจะมีการวางแผนอย่างดี อย่าให้ซ้ำซ้อนหรือเปลี่ยนแปลงบ
่อยจนเกินไป
ข้อควรคำนึงถึงในการผสมผสานวิธี
สอนแบบต่าง ๆ
1.ผู้สอนควรคำนึงถึงจุดประสงค์ก
ารสอนเป็นหลักสำคัญ อย่าผสมผสานจนบ่อยเกินไป และอย่าผสมผสานเพียงเพื่อให้มีก
ารสอนหลาย ๆ แบบเท่านั้น
2.ผู้สอนต้องคำนึงถึงความพร้อมข
องผู้เรียน และของผู้สอนเองด้วย ผู้สอนต้องเข้าใจและมองเห็นภาพก
ารผสมผสานว่าสามารถดำเนินการได้
ดีเหมาะสม เพียงไร ส่วนผู้เรียนมีความพร้อมที่จะเร
ียนโดยวิธีเหล่านั้นมากน้อยเพีย
งใด
3.สถานที่และอุปกรณ์ ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะการเปลี่ยนวิธีสอนหมายถึงก
ารเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนกิจกรรม อุปกรณ์และสถานที่อาจเปลี่ยนตาม
ไปด้วย
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
Dr. จินดารัตน์ ชั...
อนุทิน
อนุทิน 106451
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท