อคติเป็นทัศนคติด้านลบ ในชีวิตการทำงานเราพบได้ว่าอคติเกิดได้ง่ายกว่าทัศนคติซะอีก จริงรึเปล่าก็ลองนั่งทบทวนดูว่าวันนี้เราคิดอะไรไปบ้าง เวลาคนเราเกิดอคติแล้วช่างเป็นทุกข์ซะนี่กระไร โดยเฉพาะการมีอคติต่อคน เช่น เกิดอคติกับเพื่อนร่วมงานสักคนด้วยเหตุประการใดก็ตาม ผลกระทบต่อไปต่อคนที่สร้างอคติอันดับแรก คือ ความอึดอัดใจที่จะต้องร่วมงานกัน ย่อมส่งผลต่องานต่อไปด้วย ยิ่งทำให้อคติเพิ่มพูนมากเท่าไหร่ยิ่งก่อทุกข์ได้มากเท่านั้น
การจะขจัดอคติออกจากใจเป็นเรื่องยาก แต่ทางแก้ไขง่าย คือ ทำใจซะใหม่ ทบทวนดูว่าทำไม อะไรเป็นต้นเหตุของอคติเค้าหรือเรา ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากตัวเราเองซะมากกว่าที่คิดให้ก่ออคติเอง เอาละเพื่อตัวเอง...ทำให้ใจมีสุขด้วยการลดอคติกันเถอะ นอกจากสุขใจแล้วก็จะพลอยให้ทำงานได้สนุกด้วย (กรณีที่มีอคติกับเพื่อนร่วมงานนะ)
ลดความเป็นตนเอง ประมาณว่าไม่ใช่ตังกู ไม่ใช่ของกู ดั่งคำพระท่านว่านะ จะได้มีสุขเด้อ
อคติเกิดขึ้นได้เสมอ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
การพูดถึงทางแก้ที่ง่าย ๆ แต่ความจริงแล้ว มันไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอกครับ เปรียบเหมือน
การบอกให้นั่งสมาธิ เพียงแค่ นั่งนิ่ง ๆ หลับตา แล้วจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก .....แค่นี้เอง
พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ไอ้ใจเจ้ากรรมนั่นแหละ ที่ทำให้มันนิ่ง ๆ ไม่ได้
ง่าย ๆ ก็คือ อคติ แต่อย่าให้เดือดร้อนครับ ทั้งตัวเอง และคนอื่นด้วย
ว่าไปแล้วอคติก็สร้างทุกข์ทางใจให้เราได้มากทีเดียว คนหรือสิ่งที่เราสร้างกำแพงอคติไม่ได่ทุกข์ร้อนอะไรเลย มีแต่เรานี่แหละที่ยังวนอยู่ในความคิด หรือที่คำพระท่านว่า สัญญา ที่สร้างขึ้น...เรานี่แหละที่ทุกข์สุดๆ ถึงวันนี้ยังละอคติไม่ได้นัก แต่ยังเชื่อว่าจะทำให้สิ่งที่สร้างที่เรียกว่าอคติมันหายไปได้
ว่าไปแล้วอคติก็ใช่ว่าจะเลวร้ายนะค่ะ เพราะทำให้เรารู้ว่ายังฝึกฝนการบริหารจิตน้อยอยู่จริงๆ