ขาวลากไส้
เมื่อไหร่จะได้เป็น "นาง" น้อ เรืองนภา โอชิน เจริญโชคอำนวย

Last missed call..


กับแม่น่ะ.. คุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว..

Forward Mail.. ฉบับนี้ อ่านแล้วโคตรคิดได้อะ.. ปกติก็จะได้ mail ลักษณะนี้อยู่บ่อยๆ แต่มันมากระแทกใจ และทำให้คิดได้ ก็ตรงประโยคสีแดงที่ทำไว้ให้อะนะ.. เพราะบางครั้งขาวก็เผลอทำนิสัยชั่วๆ แบบนั้นไปกะม้าเหมือนกัน..


ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง
มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้

แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมาด้วยความเหนื่อยยาก

 วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงานใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?
ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....

 


 

ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียน เที่ยว นอน กิน ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผมซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผมก็เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน
>>> "จ้าตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง" "กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ย
>>> เนี่ย" "รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือ.. ที่รักจะได้เห็นใจไง"
>>> "ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ"

ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ

ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน
เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ
แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน 

>>> "ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง" "เย็นนี้กินข้าวอิ่ม มั้ย" "วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง" "อย่าไปเที่ยวที่ ไหนไกลนะ"

โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ

แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผม เป็นประจำ โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็ มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง

จนกระทั่งวันนั้น
>>> "ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่า รักเค้ามั้ย" "เร็วๆสิ เค้ายังอุตส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ" "แล้วยังจะใจร้าย ไม่บอกรักเค้าอีกหรอ"

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า "Home" "โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย"
ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

"และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่"

หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืนและได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้องแม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้นในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา "ผม"

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือโทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม

ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต


ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ

คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม


"และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต"

ในบางครั้งประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว"
มันก็ไม่เป็นความ
จริง"เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว" อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม
หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น

หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง "เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป"

ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว
ผมรักแม่ครับ. แต่ผมคงไม่มีโอกาสได้บอกอีกแล้ว..

หมายเลขบันทึก: 117856เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2007 02:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
หืมมม  โดนใจเหมือนกันเลยย   แต่ต่างกันตรงที่ คนที่ชอบโทรหาพี่เป็นคุณพ่อของพี่นิวเอง   ยิ่งตอนที่พี่นิวรถคว่ำใหม่ ๆ นะคะ  ท่านโทรหาเช้า-กลางวัน-เย็น เลย... และโทรมาถามประโยคเดิม ๆ  ว่า "ทานข้าวหรือยัง  กินกับอะไร"  

ด้วยความยินดีเป็นอย่างแรงค่ะ คุณเต็มศักดิ์.. แอบเข้าไปดูที่รวมบันทึกแล้ว.. มีแต่เรื่อง "ตาย" .. โตะจาย

 

ขอบคุณพี่นิวที่เข้ามาอีกครั้ง.. ดีใจที่มีคนโดนใจเหมือนกัน..

วันนี้ม้าขาวโทรมา.. ก็ฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยนะ.. และดีใจที่ขาวคุยกับม้าดีๆ.. ไม่คุยตัดบทแบบที่เคยเป็น..

แหยมเคยทำกับแม่ครั้งเดียวในชีวิต....รู้สึกผิดจนทุกวันนี้ แต่หลังจากนั้นเวลาแม่โทรมาก็จะชวนแม่คุยจนแม่บอกว่า"พอได้แล้ว เปลืองค่าโทรศัพท์"5555++ขอบคุณขาวที่เอาเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟังอีกแว้วว
สวิตสเเลนด์บางพลี

เศร้าอะ......ขอบคุณค่ะที่เอามาเล่าสู่กันฟัง

  • อย่าตกอกตกใจไปเลยครับ ผมทำงานไม่เหมือนคนอื่น ก็เท่านั้น
  • ขออนุญาตนำบันทึกไปบอกต่อที่ บันทึกอาจารย์เม้ง นะครับ
ขอบคุณนะคะ ทำให้รู้สึกรักแม่มากๆๆเลยค่ะ

สวัสดีครับคุณขาว

  • พอดีตามท่านคุณหมอเติมศักดิ์เข้ามานะครับ
  • ขอบคุณมากครับสำหรับบทความครับ
  • ในเนื้อเรื่องอาจจะต่างจากที่ผมเป็นครับ
  • ผมตอนอยู่ใกล้บ้านระหว่าง ปัตตานีกับนครศรีธรรมราช ติดต่อกับที่บ้านเพียงแค่จดหมาย เพราะไม่มีโทรศัพท์
  • ตอนเรียนโทที่ กทม. ต้องติดต่อผ่านการโทรไปฝากข้อความไว้เพื่อรอนัดพบ กับทางจดหมาย เพื่อรอนัดคุยกับคุณแม่คุณพ่อ
  • มาอยู่เยอรมัน ช่วงแรก ก็ต้องทำแบบเดิม เพราะไม่มีโทรศัพท์ที่บ้าน แต่ผมดีใจทุกครั้งที่ได้คุยกับที่บ้าน จนมาถึงยุคที่ราคามือถือลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสได้พูดคุยกับที่บ้านได้สะดวกขึ้น
  • โทรหาที่บ้าน เป็นส่วนที่เกิดจากตัวผมเอง เพราะจะเป็นเรื่องที่เปลืองเงินในการโทรมาหาลูกโดยไม่จำเป็น ดังนั้นผมจะต้องโทรไปหาตามที่คิดถึงในช่วงถี่ๆ สองสามวันครั้ง ตามวาระ
  • พูดคุยแต่และครั้ง คุณแม่จะบอกว่า นั่นนานแล้วนะลูก เดี๋ยวเปลืองนะ แล้วก็คุยต่อไปอีกหน่อย จนแม่ต้องบอกว่า น่านนานแล้วนะ ไม่ใช่แม่ไม่อยากจะคุยกับลูกนะ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกต้องเปลืองนะ
  • แล้วก็จบด้วย บอกให้ท่านรักษาสุขภาพ แล้วท่านก็บอกว่า ลูกก็รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันนะ ลูกคนดีของแม่
  • คุณอ่านแล้วไม่ต้องอิจฉานะครับ แม้ว่าท่านใดจะมีหรือไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ ผมว่าคุณก็ทำได้ด้วยการทำความดี เป็นคนดีเท่าที่เราทำได้ ท่านไม่ได้จากเราไปไหน และเราก็คือเนื้อผสมของท่านเหมือนกัน ดังนั้นท่านก็อยู่กับเราตลอดไปครับ
  • ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะครับ 

ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกๆ ท่าน

รักแม่มากๆ นะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท