ปุณณนทีชาดก


ว่าด้วยการอุปมาด้วยแม่น้ำที่เต็มฝั่ง

ปุณณนทีชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๔. ปุณณนทีชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๒๑๔)

ว่าด้วยการอุปมาด้วยแม่น้ำที่เต็มฝั่ง

             (พระราชาทรงระลึกถึงคุณของปุโรหิตโพธิสัตว์แล้ว ทรงเขียนคาถาลงในใบลานว่า)

             [๑๒๗] ชนทั้งหลายกล่าวถึงแม่น้ำที่เต็มฝั่งว่ากาตัวใดกินได้ก็ดี กล่าวถึงข้าวกล้าที่เกิดแล้วว่ากาตัวใดหลบซ่อนอยู่ได้ก็ดี กล่าวถึงคนรักที่จากไปอยู่เสียไกลกลับมาว่ากาตัวใดบอกข่าวให้ก็ดี กาตัวนั้นเรานำมาให้ท่านแล้ว เชิญเถิดท่านพราหมณ์ ท่านจงบริโภคเนื้อกานั้นเถิด

             (ปุโรหิตโพธิสัตว์อ่านหนังสือแล้วทราบว่าพระราชาทรงคิดถึง จึงกล่าวว่า)

             [๑๒๘] เมื่อใด พระราชาทรงระลึกถึงเราเพื่อจะส่งเนื้อกามาให้ เนื้อหงส์ก็ดี เนื้อนกกระเรียนก็ดี เนื้อนกยูงก็ดี ที่เรานำไปถวายแล้ว เมื่อนั้นทำไมจะไม่ระลึกถึงเรา การไม่ระลึกถึงเราเสียเลยจะเป็นความเลวทราม

ปุณณนทีชาดกที่ ๔ จบ

--------------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

ปุณณนทีชาดก

ว่าด้วย การไม่ระลึกถึง

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระปัญญาบารมี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ความย่อมีว่า ในวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันปรารภพระปัญญาของพระตถาคต ในโรงธรรมว่า อาวุโสทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระปัญญามาก มีพระปัญญาลึกซึ้ง มีพระปัญญาแจ่มใส มีพระปัญญาว่องไว มีพระปัญญาแหลม มีพระปัญญาชำแรกกิเลส ทรงประกอบด้วยพระปัญญาเฉลียวฉลาด.
               พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนตถาคตก็มีปัญญาฉลาดในอุบายเหมือนกัน.
               แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลปุโรหิต ครั้นเจริญวัย เรียนศิลปะสำเร็จทุกอย่างในเมืองตักกสิลา เมื่อบิดาล่วงลับไปแล้ว ได้ตำแหน่งปุโรหิต เป็นผู้สอนอรรถและธรรมของพระเจ้าพาราณสี.
               ครั้นต่อมา พระราชาทรงเชื่อคำของผู้ยุแหย่ ทรงพิโรธขับพระโพธิสัตว์ออกจากกรุงพาราณสี ด้วยพระดำรัสว่า เจ้าอย่าอยู่ในราชสำนักของเราเลย. พระโพธิสัตว์พาบุตรภรรยาไปอาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านแคว้นกาสีแห่งหนึ่ง. ต่อมา พระราชาทรงระลึกถึงคุณของพระโพธิสัตว์ ทรงดำริว่า การที่เราจะส่งใครๆ ไปเรียกอาจารย์ไม่สมควร แต่เราจะผูกคาถาหนึ่งคาถา เขียนหนังสือ ให้ต้มเนื้อกา แล้วห่อหนังสือและเนื้อด้วยผ้าขาว ประทับตราส่งไปให้ ผิว่า ปุโรหิตเป็นคนฉลาด อ่านหนังสือแล้วรู้ว่า เนื้อกาก็จักกลับมา ถ้าไม่รู้ก็จักไม่มา. ทรงเขียนคาถานี้ ลงในใบลานว่า :-
               ชนทั้งหลายพูดถึงแม่น้ำที่เต็มแล้วว่า กาดื่มกินได้ก็ดี พูดถึงข้าวกล้าที่เกิดแล้วว่า กาซ่อนอยู่ได้ก็ดี พูดถึงคนที่รักกันไปสู่ที่ไกลว่า จะกลับมาถึงเพราะกาบอกข่าวก็ดี กานั้นเรานำมาให้ท่านแล้ว ขอเชิญบริโภคเนื้อกานั้นเถิด ท่านพราหมณ์.
               พระราชาทรงเขียนคาถานี้ลงในใบลานแล้ว ทรงส่งไปให้พระโพธิสัตว์.
               พระโพธิสัตว์อ่านหนังสือแล้ว ก็ทราบว่าพระราชาทรงต้องการพบเรา จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               คราวใด พระราชาทรงระลึกถึงเรา เพื่อจะส่งเนื้อกาให้เรา คราวนั้น เนื้อหงส์ก็ดี เนื้อนกกระเรียนก็ดี เนื้อนกยูงก็ดี เป็นของที่เรานำไปถวายแล้ว การไม่ระลึกถึงเสียเลย เป็นความเลวทราม.
               พระโพธิสัตว์ได้เทียมยานไปเฝ้าพระราชา พระราชาพอพระทัยแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปุโรหิตตามเดิม.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในครั้งนี้
               ส่วนปุโรหิต คือ เราตถาคต นี้แล.

               จบ อรรถกถาปุณณนทีชาดกที่ ๔               
               -----------------------------------------------------      

 

หมายเลขบันทึก: 718167เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2024 05:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2024 05:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท