อุจฉิฏฐภัตตชาดก


ว่าด้วยพราหมณ์บริโภคอาหารที่เป็นเดน

อุจฉิฏฐภัตตชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๒. อุจฉิฏฐภัตตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๒๑๒)

ว่าด้วยพราหมณ์บริโภคอาหารที่เป็นเดน

             (พราหมณ์ถามนางพราหมณีว่า)

             [๑๒๓] ข้าวข้างบนมีอุณหภูมิอย่างหนึ่ง ข้าวข้างล่างมีอุณหภูมิอย่างหนึ่ง แม่พราหมณี ฉันขอถามเธอหน่อยเถิด ทำไมข้าวข้างล่างจึงเย็น ส่วนข้าวข้างบนจึงร้อน

             (บุตรนักฟ้อนโพธิสัตว์ได้บอกพฤติกรรมทั้งหมดกับพราหมณ์ว่า)

             [๑๒๔] ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นนักฟ้อนรำเที่ยวขอมาจนถึงที่นี่ ส่วนชายชู้ของนางพราหมณีนี้ลงไปซ่อนตัวอยู่ในฉางข้าว คนที่ท่านเสาะแสวงหานั้นก็คือชายชู้นี้แหละ

อุจฉิฏฐภัตตชาดกที่ ๒ จบ

--------------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

อุจฉิฏฐภัตตชาดก

ว่าด้วย นางพราหมณีหาชายชู้

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า (ของภิกษุรูปหนึ่ง) ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอกระสันจริงหรือ ภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ใครทำให้เธอกระสัน กราบทูลว่า ภรรยาเก่าพระเจ้าข้า. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้เป็นผู้ทำความเสื่อมเสียให้เธอ แม้ในครั้งก่อนได้ให้เธอบริโภคอาหารเหลือเดนของชายชู้ตน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลคนฟ้อนรำที่ยากจน เที่ยวขอภิกษาเขาเลี้ยงชีพตระกูลหนึ่ง. ครั้นเติบใหญ่ เป็นคนเข็ญใจ รูปชั่วเที่ยวขอภิกษาเลี้ยงชีพ ในครั้งนั้น พราหมณีของพราหมณ์คนหนึ่งในหมู่บ้านแคว้นกาสี เป็นหญิงทุศีล ลามก ประพฤตินอกใจผัว.
               อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพราหมณ์ไปทำธุระนอกบ้าน ชายชู้ของพราหมณีเห็นได้โอกาส จึงเข้าไปเรือนนั้น นางประพฤตินอกใจร่วมกับชายชู้แล้วกล่าวว่า เชิญบริโภคอาหารสักครู่หนึ่ง จึงค่อยกลับไป จัดแจงหาอาหารคดข้าวร้อนๆ พร้อมด้วยแกงและกับให้ชายชู้นั้น กล่าวเชิญให้บริโภค นางเองยืนที่ประตูคอยดูพราหมณ์กลับมา. พระโพธิสัตว์ยืนคอยขอก้อนข้าวอยู่ในที่ชายชู้ของพราหมณ์บริโภค.
               ขณะนั้น พราหมณ์เดินตรงมาบ้าน พราหมณีเห็นพราหมณ์มา จึงรีบเข้าไปบอกว่า ลุกขึ้นเถิด พราหมณ์กำลังมา แล้วให้ชายชู้ลงไปในยุ้งข้าว ในเวลาที่พราหมณ์เข้าไปนั่งแล้ว นางจึงเอาแผ่นกระดานไปให้ ให้น้ำล้างมือ คดข้าวร้อนๆ ไว้ข้างบนข้าวเย็นที่เหลือจากชายชู้บริโภคให้พราหมณ์. พราหมณ์เอื้อมมือลงไปในข้าว เห็นข้าวข้างบนร้อน ข้างล่างเย็น จึงคิดว่าข้าวนี้คงเป็นข้าวเหลือเดนจากคนอื่นกิน.
               พราหมณ์ เมื่อจะถามพราหมณี จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
               อาการข้าวข้างบนเป็นอย่างหนึ่ง อาการข้าวข้างล่างเป็นอย่างหนึ่ง ดูก่อนพราหมณี ฉันขอถามเจ้าหน่อยเถิด เหตุไร ข้าวข้างล่างจึงเย็น ข้างบนจึงร้อนนิดหน่อย.
               แน่ะนาง ธรรมดาข้าวที่คดข้างบนควรจะเย็น ข้างล่างควรจะร้อน แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุนั้น เราจึงถามเจ้าว่า เพราะเหตุไรข้าวข้างบนจึงร้อน ข้างล่างจึงเย็น.
               พราหมณี แม้เมื่อพราหมณ์ถามอยู่บ่อยๆ ก็ยังนิ่งเฉย เพราะเกรงว่ากรรมที่ตนทำไว้จะเปิดเผยขึ้น. ในขณะนั้น บุตรคนฟ้อนมีความคิดว่า บุรุษที่ถูกให้นั่งในยุ้งคงจะเป็นชายชู้ บุรุษผู้นี้คงเป็นเจ้าของบ้าน ส่วนพราหมณีไม่พูดอะไรๆ เพราะเกรงว่ากรรมที่ตนทำจะปรากฏ เอาเถิด เราจะประกาศกรรมของหญิงนี้ จักบอกถึงความที่ชายชู้ถูกซ่อนไว้ในยุ้งแก่พราหมณ์. บุตรคนฟ้อนจึงบอกพฤติกรรมทั้งหมด ตั้งแต่พราหมณ์ออกจากเรือนไป ชายชู้เข้าไปในเรือนประพฤติล่วงเกิน บริโภคอาหารอย่างดี พราหมณียืนคอยดูทางที่ประตู จนถึงชายชู้ถูกให้ลงยุ้ง แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               ดูก่อนท่านผู้เจริญ ฉันเป็นคนฟ้อนรำ เที่ยวขอมาจนถึงที่นี่ ก็ชายชู้ของพราหมณีนี้ลงไปซ่อนอยู่ในยุ้ง ท่านเสาะหาผู้ใด ผู้นั้นคือชายชู้ผู้นี้เอง.
               ก็ชายชู้ของหญิงนี้กำลังบริโภคอาหารอยู่ ลงไปเพราะกลัวท่าน จึงลงไปซ่อนอยู่ในยุ้ง. เขาผู้นั้นแหละคือผู้ที่ท่านค้นหาอยู่ว่า ข้าวเหลือเดนนี้เป็นของใครหนอ.
               ท่านจงจับมวยผมของชายชู้ผู้นั้น แล้วโบยนำออกจากยุ้ง จงสั่งสอนเขาไม่ให้กระทำอย่างนี้อีก พระโพธิสัตว์กล่าวแล้ว ก็หลีกไป. พราหมณ์ก็สั่งสอนคนทั้งสองไม่ให้ทำความชั่วเช่นนี้อีกด้วยการขู่และตบตี เสร็จแล้วก็ไปตามยถากรรม.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุกระสันตั้งอยู่ในโสดาบัน
               พราหมณีในครั้งนั้น ได้เป็นภรรยาเก่าในครั้งนี้
               พราหมณ์ได้เป็น ภิกษุกระสัน
               ส่วนบุตรคนฟ้อนรำคือ เราตถาคต นี้แล.

               จบ อรรถกถาอุจฉิฏฐภัตตชาดกที่ ๒

----------------------



 

คำสำคัญ (Tags): #บุตรคนฟ้อนรำ
หมายเลขบันทึก: 718146เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2024 04:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2024 04:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท