“เปิดสมุดบันทึก เล่มเก่า ได้เห็นข้อความที่ได้เขียนไว้ก่อนที่แม่จะเสียชีวิต ทำให้อยากเขียนลงใน got know ”
แม่ ผ่านร้อนผ่านหนาว มา 80 ปี เลี้ยงลูกตามลำพัง ตังแต่อายุ 33 ปี ซึ่งในขณะนั้น ลูกคนเล็กยังอยุ๋ในครรภ์ ได้ 7 เดือน แม้จะกระจายลูกไปให้ พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันดูแล บ้าง แต่ แม่ก็ยังรับภาระหนัก ดูแลลูก ที่อยู่ด้วย ทั้ง 4 คน เรา 1 คน ไม่ได้อยู่กับแม่ ตั้งแต่ วัยเด็ก จน เร่ิมทำงาน จึงมาอยู่กับแม่ เพียง 2 คน หยอกกันบ้าง ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา มีรอยยิ้ม ในทุกๆวัน
แต่ วันนี้ (ในอดีต) แม่ยิ้มน้อยลง พูดน้อยลง มักจะนอนอย่างเดียว ชวนไปไหนไม่อยากไป ปกติ ชอบเที่ยว มาก ไปไหน ตามตลอด ฉันคิดว่าแม่ไม่สบาย ตรวจสอบ และ สอบถามอาการ ไม่เจอความผิดปกติทางกาย แต่เมื่อมองในดวงตาแม่ แล้วเห็นความเหม่อลอย จึง คิดขึ้นได้ ว่า…….แม่คิดถึงใครหรือเปล่า เมื่อถาม แม่บอกว่า ไม่ ไม่คิดถึงใคร แต่น้ำเสียง ทำให้ฉันจับได้ ว่าต้องมีอะไร ในใจแน่นอน จึงทบทวนไปเรื่อยๆ สดุดที่น้องชายคนเล็ก ไม่ได้กลับบ้าน หลายเดือนแล้ว ไม่ได้คุย ไม่ได้ทัก ด้วยความที่แม่อุ้มท้องน้อง ขณะที่พ่อจากแม่ไป แม่จึงผูกพันกับน้องมาก เหมือนน้องเป็นตัวแทนของพ่อ จึงถามแม่ไปว่า คิดถึงน้องน้อยไหม แม่ก้มหน้าเฉย ไม่พูดจา จึงถามต่อ แม่อยากคุยไหม แม่เพียงพยักหน้า ฉันต่อสายโทรศัพท์ ให้แม่ได้พูดคุย ไม่นาน หน้าตาแม่สดใส ขึ้นทันที ยิ้มแย้มแจ่มใส สายตามีประกาย มีชีวิตชีวาดั่งเดิม
หลังจากนั้นต่อสายให้แม่ได้คุยกับลูกๆ บ่อยขึ้น แม้บางครั้งเสียงที่แม่เคยพูดว่า ไม่มีใครคิดถึงเรา เราก็อยู่กันสองคน ก้องในหูบ่อยครั้ง แต่ก็ช่างมันเถอะ ปรับ ทัศนคติใหม่ ว่าอย่าคิดว่าแม่กินอิ่ม นอนหลับ มีเงินมีทอง แล้วแม่จะสุขเสมอไป ความผูกพันที่แม่เลี้ยงลูกมา แม้จะทราบว่าลูกอยู่สบายดี แต่แม่ก็อยากจะพูดคุย สัมผัสกับลูกทุกคน ไม่มีใครแทนใครได้เลย
จริงค่ะ ไม่มีใครแทนใครได้
หัวอกคนเป็นแม่ มีลูก รักลูกทุกคน คนละแบบ