๒๐. ชีวิต...ลูกทุ่ง


ใครจะบอกว่าขยันมันก็คงจะใช่ ไม่เคยปฏิเสธ ขยันแบบที่ไม่ต้องฝึกฝนด้วย มันอยู่ในสายเลือดชนิดที่ไม่เคยปล่อยเวลาสูญเปล่า อยากทำไรต้องได้ทำ อย่างอิสระเสรีเพราะเป็นที่ดินผืนน้อยของเราเอง

      ความรู้สึกสะดุ้งสะเทือนเล็กน้อย เมื่อลืมตาและตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ อยากนอนต่อแต่ทำไม่ได้ ต้องไปทำงานทั้งที่อายุก็เกิน ๖๐ ปีแล้ว

     จริงๆ ๖๐ ปี มันต้องได้พักยาวๆ เพราะร่างกายใช้งานมาเยอะจนเกือบจะช้ำ แต่ด้วยเวรและกรรม เมื่อเกิดปลายปี ก็เลยมีการแถมอายุราชการอีก ๑ ปี

     นึกว่าจะดี ที่ไหนได้ ไม่่สบายเนื้อสบายตัวเหมือนกับคนที่เขาอำลาชีวิตราชการ ในแต่ละวันจึงต้องหมั่นตั้งสติ เตือนตนว่าพ้นเลข ๖๐ มาแล้วนะ (โว้ย)

     จึงไม่แปลกใจ ทำไมโรงเรียนเลิก จึงรีบเหลือเกิน เพื่อเดินให้พ้นจากงานประจำ ไปทำอย่างอื่น ที่ชอบและอยู่ในที่ที่ใช่ เพื่อออกกำลังทั้งกายและใจ

     ชีวิตมิได้ไปไหนไกล ไปในที่ซ้ำๆ แต่ชอบมาก วันไหนไม่ไป เหมือนชีวิตขาดรสชาติ โหยหาแต่บรรยากาศยามเย็นที่สงบเงียบ แล้วก็มองพระอาทิตย์ตกดิน

     แต่มองไม่ได้นาน ต้องทำงานไปด้วย จะไม่ทำอะไรเลยก็คงได้ แต่อยู่นิ่งเฉยไม่เคยได้สักที หยิบโน่นฉวยนี่ จัดระเบียบโคกหนองนา เท่าที่เวลาจะอำนวย

     ใครจะบอกว่าขยันมันก็คงจะใช่ ไม่เคยปฏิเสธ ขยันแบบที่ไม่ต้องฝึกฝนด้วย มันอยู่ในสายเลือดชนิดที่ไม่เคยปล่อยเวลาสูญเปล่า อยากทำไรต้องได้ทำ อย่างอิสระเสรีเพราะเป็นที่ดินผืนน้อยของเราเอง

     พอเดินเล่นอยู่บนสะพาน ก็เลยโยนอาหารปลาลงไปในคลอง  ซึ่งน้ำไม่ได้นองเต็มตลิ่งอีกแล้ว ฝั่งคลองเดินเล่นได้อย่างสบายใจ ทำให้นึกถึงภาพเก่าๆที่ย้อนไปไกล สมัยที่เป็นเด็กๆ ก็เคยมีบ้านริมคลอง

     ตอนนั้น….เพื่อนบ้านมีเรือกสวนไร่นา แม่พาเราไปเดินเล่น แต่พอไปเข่้าจริงๆ ไม่เคยได้เดินเล่นสักครั้ง แม่ให้ช่วยทำงานเก็บผลไม้จากสวนไปขาย พอได้เงินมาก็นำไปให้เจ้าของสวน

     แม่มีกำไรเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สร้างฐานะให้เราดีขึ้น เพียงแค่ไม่ทำให้ชีวิตฝืดเคืองมากเกินไปเท่านั้น ภาพจำในครั้งนั้น…หล่อหลอมให้หัวใจใฝ่หา แต่บรรยากาศของท้องทุ่งนา

     รอว่าเมื่อไหร่จะมีที่ดินเป็นของตนเองบ้าง ไม่ขอมากมาย แต่พอได้มาชีวิตก็ปาเข้าไป ๖๐ แล้ว จะอยู่ได้อีกสักกี่ปี จึงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำให้คุ้มกับที่ใจเคยโหยหา….

     ค่อยๆเดินเก็บกิ่งไม้ที่ระเกะระกะอยู่สองฝั่งคลอง พอเก็บแล้วก็ดูไม่รกหูรกตา ได้เวลาให้อาหารปลาในสระใหญ่ ถ้าอยากมีรายได้ก็ควรหาที่นั่ง ให้ผู้คนเข้ามาตกปลาแล้วเก็บตังค์ ดูเข้าท่าดี แต่ถ้าจะให้ดี ไม่ทำดีกว่า เพราะที่นี่ควรจะเป็นเขตอภัยทาน

    งานที่ตั้งใจจะทำพรุ่งนี้ ทำเดี๋ยวนี้เลย ว่าแล้วก็คว้ากาละมัง ๗ ใบ ใส่ดินใส่น้ำแล้วก็เติมแหนแดงลงไปไม่ต้องมากมาย ขยายจนเสร็จตามสูตร ยิ่งทำบ่อยๆก็ยิ่งจะง่ายไปเรื่อยๆ

     งานสุดท้าย แสงเรืองรองกำลังจะมลายลับขอบฟ้า ได้เวลาเก็บผักกลับบ้าน มีทั้งผักบุ้ง กวางตุ้ง ถั่วพูและชมจันทร์ เป็นวันที่ได้ประสบการณ์เพิ่มเติม อย่างน้อยก็รู้ว่า การจะใช้ชีวิตลูกทุ่ง ต้องมุ่งทำจริง และหมั่นสังเกต..เรียนรู้

    โดยมีดอกชมจันทร์เป็นครู กินมาตั้งนานแต่ไม่รู้ว่าเม็ดอยู่ตรงไหน เวลาจะปลูกต้องสั่งนำเข้าจากเพื่อนชาวเกษตรแถวอีสาน แต่ครั้งต่อไป…ไม่ต้องแล้ว 

    วันนี้ค้นพบโดยบังเอิญ เห็นดอกแห้งๆสีดำ บริเวณเถาของชมจันทร์ บีบแรงๆจนแตกออก พบเมล็ดสีขาวสวยใส ใช่แน่เลย นี่คือต้นตอของสายพันธุ์ ที่จะต้องเก็บไว้แบ่งปันผู้ที่สนใจต่อไป

     ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

     ๒๗  มกราคม  ๒๕๖๖

   

      

หมายเลขบันทึก: 711439เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2023 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม 2023 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

วัยเกษียณ ทำสวนแบบสุขนิยมค่ะ ให้มีความสุขทางใจ มากกว่า ทางกายค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท