ตอนที่ผมทำวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบครั้งแรกในช่วงปี 2536- 2537 นั้นพบว่าการวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบในการดำเนินงานหรือ work operation นั้นมี 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ “การศึกษารูปแบบการดำเนินงานนั้นๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนั้น กับการศึกษาเพื่อปรับปรุงรูปแบบเดิมให้ดียิ่งขึ้น หรือสร้างรูปแบบขึ้นมาใหม่ก็ได้”
การศึกษารูปแบบการดำเนินงานที่ดำเนินการอยู่ในขณะนั้นนั้นเป็นการศึกษาว่ารูปแบบดำเนินงานที่ทำอยู่ในขณะนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร มีปัญหาอุปสรรค์ตรงไหน และมีแนวทางในการพัฒนาให้ดีขึ้นหรือไม่ เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ ซึ่งอาจจะใช้แบบสอบถาม หรือการสัมภาษณ์ หรือทั้งสองแบบร่วมกันก็ได้ ส่วนข้อค้นพบจากการวิจัยนี้อาจจะเขียนเป็นรายงานการวิจัยเผยแพร่เป็นงานวิจัยเชิงพรรณนาก็ได้ หรือจะใช้เป็นข้อมูลในการทำวิจัยต่อระยะที่สองคือ ใช้ข้อค้นพบที่ได้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงรูปบแบบที่เป็นอยู่ให้ดียิ่ง หรือสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นมาแทนรูปแบบเดิมก็ได้ ซึ่งก็จะเป็นการวิจัยและพัฒนา หรือ Development Research (R&D) อีกแบบหนึ่งครับ
การศึกษาเพื่อปรับปรุงหรือสร้างรูปแบบใหม่ เป็นงานวิจัยที่มีลักษณะเป็นการวิจัยและพัฒนาหรือ R&D อีกแบบหนึ่ง ดังอธิบายไว้ข้างต้น กล่าวคือผู้วิจัยจะนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษารูปแบบที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน (R1 & D1) มาปรับปรุงรูปแบบนั้น ๆ ให้ดียิ่งขึ้น หรือสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นมาใหม่ แล้วตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบที่ปรับปรุงใหม่ หรือสร้างใหม่ดังกล่าว (R2 & D2) นอกจากนี้แล้วผู้วิจัยอาจจะสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นมาด้วยกระบวนการวิจัยแบบอื่นก็ได้เช่น
หรือวิธีการอื่น ๆ ก็ได้ที่ได้ข้อมูลที่จะนำใช้ในการสร้างรูปแบบใหม่ขึ้นมา และคำถามที่สำคัญอีกประการหนึ่งตคือ “การตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบที่ปรับปรุงใหม่ หรือที่สร้างขึ้น” นั้นทำอย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยเขียนบทความเสนอแนะไว้ 4 วิธีครับ
อีก 2 เรื่องที่ผู้วิจัยควรทำความทำความเข้าใจในการวิจัยเกี่ยวรูปแบบคือ
หวังว่าความเห็นที่นำเสนอไปข้างต้นจะไขข้อข้องใจให้ก้บผู้สนใจในลักษณะนี้พอสมควรครับ หรือย้งมีประเด็นอื่นที่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผมก็ยินดีเสมอครับ
สมาน อ้ศวภูมิ
26 มิถุนายน 2565
ผู้ที่สนใจหรือกำลังทำวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบควรได้อ่านบทความของผมเรื่องนี้ในวารสารบัวบัณฑิต เพิ่มเติมครับ (เล่มปีที่ 18 ฉบับที่ 1 -มกราคม-มีนาคม 2561)
ไม่มีความเห็น