refresh 5 มิถุนายน 2551

• การประเมินผลกิจกรรม 5ส กลุ่มดาหลานิ้วทองติดอันดับสอง ปรับปรุงอีกหน่อย
• การลงทะเบียนลายนิ้วมือ
• เครื่องพิมพ์สี laser พิมพ์แล้วเปื้อนหมึก
• การส่งงานเร่งด่วน
• การทำแบบตอบรับงานวิจัย
• การแลกเปลี่ยนรู้  การพิมพ์หนังสือราชการ
• การอบรมการเขียนคู่มือ

เขียน aar ใน g2k แล้ว ว่าจะเขียนตั้งแต่วันก่อน

วันนี้เป็นสุดท้ายในการส่งผลงานในระบบ MIS CMU

พักงานหลวง 2 วัน

ตั้งใจจะจัดการภารกิจส่วนตัวที่ค้างคาใจมาแรมเดือน เจ้าของงานเร่งรัดแล้ว ว่าจะใช้วันเปิดภาคเรียนใหม่นี้

พี่ดาวลูกไก่ฯ เสนอประเด็น refresh

การใช้ g2k

สรุป refresh 22 พ.ค. 51

• การทำงานเป็นทีม
• การเขียนคู่มือการปฏิบัติงาน>สมรรถนะหลัก
• พี่ ๆ เสนอให้หน่วยพิมพ์ "ให้ความรู้เรื่องการพิมพ์งานแก่ผู้ที่สนใจ" รูปแบบ dialog> ปฏิบัติ

@6805 แล้วเหล่าหนูหนูก็จะเริงร่า  น่าเห็นใจเสือตัวใหม่...อย่างนี้ต้องเสือ 11 ตัว

ระบบอินเทอร์เน็ตของมช. ขัดข้องทั้งวัน...ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก

วันนี้นั่งเขียนความคิดเห็นระบบขัดข้องทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ตอนบันทึกจะขึ้นสองความคิดเห็น

เมื่อคืนไปงานแต่งงานที่ลำพูน มีจัดเลี้ยงโต๊ะจีน...กลับถึงบ้านเริ่มมีอาการอาหารเป็นพิษ ทั้ง ๆ ที่ ไม่ได้ทานอะไรมากมาย...ทั้งวันให้เวลากับการพักผ่อน...ค่ำมาอาการดีขึ้น...ตั้งใจจะไปเวียนเทียน...มีฝนตกด้วย..ยกยอดไว้คราวต่อไป..ดีกว่า

วันนี้ท้องฟ้ามืดตั้งแต่เช้า...กลับจากอยู่เวรที่ สม. ถึงบ้าน...เดินชมต้นไม้ในสวน...ฝนตกไม่กี่วัน...หญ้าขึ้นเขียวขจี..เดินไปดูต้นโป๊ยเซียนมีหนอนกินใบและดอกไปหลายต้น...นี่ถ้าไม่เดินสำรวจเช้านี้..คงโดนหนอนกินหมดต้นแน่ ๆ...ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเดินดูไม่ทั่วถึง...แต่ก็แปลกใจที่ในสวนก็มีนกเยอะแยะ...ทำไมนกไม่กินหนอน ??? หรือว่าเป็นผลของภาวะโลกร้อน...

@6051 รอลุ้น อ. ขจิตโดนกอด

สิ่งที่ได้จากการ refresh เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 51

1. การช่วยกันดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน ครุภัณฑ์ ก่อนเลิกงานช่วยตรวจสอบดึงปลั๊กไฟ เพื่อความไม่ประมาท
2. วิธีง่าย ๆ ในการสังเกตุอารมณ์เพื่อนร่วมงาน นั่นคือ อารมณ์กาย เช่น น้ำเสียง สีหน้า สรรพนามที่ใช้เป็นทางการขึ้น
3. ความรับผิดชอบตามหน้าที่ เช่น การส่งเอกสารพิมพ์ โดยที่เจ้าของงานไม่ได้ร่างเรื่อง เมื่อมีข้อผิดพลาดขึ้น  เจ้าของควรรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนให้คนพิมพ์เป็นผู้รับผิดชอบแทน

@5381คำแนะนำดีดี

ประเด็นร้อนอีกประเด็นการพิมพ์บทคัดย่อ ตามความเข้าใจของผู้เขียน

บทคัดย่อ คือ ข้อเขียนที่สรุปความของรายงานหรือบทความอย่างกะทัดรัดชัดเจนโดยมีใจความ ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญทั้งหมด เพราะเป็นส่วนของสาระของงานวิจัยนั้น ที่นำเสนอไว้ก่อนส่วนอื่น ๆ แต่เป็นส่วนที่ต้องเขียนในลำดับท้ายสุดของงานเขียนงานวิจัย  ผู้สนใจที่ได้เห็นหัวข้อหรือชื่อเรื่อง รายงานการค้นคว้าวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ เมื่อได้อ่านบทคัดย่อของงานวิจัยนั้นควรทราบได้ทันทีว่า งานวิจัยนั้นเกี่ยวกับอะไร ทำอย่างไร ได้ผลหรือ ค้นพบอะไรบ้าง  บทคัดย่อคือตัวแทนของสาระสำคัญของวิทยานิพนธ์ทั้งฉบับ  คือ ความย่อของประเด็นสำคัญของรายงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ที่คัดเลือกแล้ว คัด เอามาย่อ  ลักษณะของบทคัดย่อที่ดี มีความหมายสมบูรณ์โดยตัวเอง (ผู้อ่านไม่ต้องเปิดดูรายละเอียดก็รู้ว่าทำอะไร ได้ผลอย่างไร) ชัดเจน กระชับ มีสาระสำคัญของงาน และข้อสรุป ต้องไม่มี การอ้างอิง การยกตัวอย่าง ข้อความ สมการ  ภาพ คำวิจารณ์ การเขียนบทคัดย่อที่ดี  เขียนติดต่อกันเป็นย่อหน้าเดียวไม่มีหัวข้อ มีความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ

ก่อน refresh มีประเด็นร้อน ๆ เรื่องความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ ใช่ว่าผลงานที่ออกมาดีแล้วรับชอบ  หากพลาด...ก็โยนความรับผิดชอบ โดนมาเช้านี้  เลยอันเชิญพระบรมราโชวาทมาให้อ่านกัน

ความรับผิดชอบ/รับผิด/รับชอบ

สำคัญที่สุด ต้องเข้าใจความหมายของคำว่า “ความรับผิดชอบ” ให้ถูกต้อง ขอให้เข้าใจว่า “รับผิด” ไม่ใช่การรับโทษหรือถูกลงโทษ “รับชอบ” ไม่ใช่รางวัลหรือรับคำชมเชย การรู้จักรับผิด หรือยอมรับว่า อะไรผิดพลาดเสียหาย และเสียหายเพราะอะไร เพียงใดนั้น มีประโยชน์ ทำให้บุคคลรู้จักพิจารณาตนเอง ยอมรับความผิดของตนเองโดยใจจริง เป็นทางที่จะช่วยแก้ไขความผิดได้ และให้รู้ว่าจะต้องปฏิบัติแก้ไขใหม่ ส่วนการรู้จักรับชอบหรือรู้ว่าอะไรถูก อันได้แก่ถูกตามความมุ่งหมาย ถูกตามหลักวิชา ถูกตามวิธีการนั้น มีประโยชน์ทำให้ทราบแจ้งว่า จะทำให้งานเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไร จักได้ถือปฏิบัติต่อไป...ความรับผิดชอบ คือ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ทำ จะหลีกเลี่ยง ละเลยไม่ได้

(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙)

เช้าวันนี้มีการ refresh กลุ่มดาหลา...ยังนึกประเด็นไม่ออกนึกถึงเจ้าทุย...@4564

ข่าวว่าปีนี้ฤดูฝนบ้านเรามาเร็วกว่าปกติ ขอให้ท่านผู้อ่านระวังรักษาสุขภาพของตนและคนในครอบครัวด้วยนะครับ โดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ  ควรให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ เพราะเจ็บป่วยได้ง่าย  โรคที่มากับฤดูฝนที่เป็นกันส่วนใหญ่ คือโรคไข้หวัดใหญ่ โรคนี้มักระบาดในฤดูฝน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุ เสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย 

ข่าวพยากรอากาศ วันนี้

ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางด้านรับลมมรสุมของภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย อาทิเช่น บริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร สุราษฏร์ธานี ระนอง และพังงา ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ ติดตามได้ที่นี่

เขามีส่วน  เลวบ้าง  ช่างหัวเขา

จงเลือกเอา  ส่วนที่ดี  เขามีอยู่

เป็นประโยชน์  โลกบ้าง  ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่ว  อย่าไปรู้  ของเขาเลย

จะหาคน  มีดี  โดยส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยวหา  ค้นหา สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหา  หนวดเต่า  ตายเปล่าเลย

ฝึกให้เคย  มองแต่ดี  มี คุณจริง ฯ

ความรับผิดชอบ

หากเราได้รับมอบหมายงานแล้ว เราควรปฏิบัติงานที่ไดรับมอบหมายนั้นให้สำเร็จ เต็มความสามารถ ไม่เป็นภาระแก่เพื่อนร่วมงาน

หากว่าเราทำงานนั้นแล้วเสร็จ เราก็มีใจที่จะช่วยเหลือเพื่อร่วมงาน

การฟัง

พี่ผู้หญิงที่ห้องดาหลา...คนหนึ่ง  หล่อนเป็นคนชอบพูดมาก  วัน ๆหนึ่งถ้าหล่อนไม่ได้พูดหล่อนคงจะเป็นบ้าไปแล้ว  หล่อนชอบเก็บเอาเรื่องคนโน้น คนนั้นมาพูด บางที่ก็พูดไม่รู้เรื่อง ใครมาติดต่องานเป็นต้องชวนเค้าคุยหมด บางทีก็ทะเลาะกันก็มี

การเป็นผู้ที่ดีจะทำให้ได้รับความรู้เพิ่มเติมเสมอ สิ่งที่ตามมาจากการเป็นผู้ฟังที่ดี

คนชอบ

ได้ความรู้

ฝึกความอทดทน

มีสติ คิดก่อนพูด

แต่มนุษย์เราชอบพูดมากว่าชอบฟัง  แม้ว่าธรรมขาติจะสร้างให้มนุษย์มี 1 ปาก 2 หูก็ตามแต่มนุษย์ก็ยังไม่ชอบฟังอยู่ดี

การคบหาสมาคมกับบุคคล การพูดจาก็ควรเป็นไปในเชิสร้างสรรค์ และพูดแต่ในสิ่งดี ๆ การยกย่องชมเชยก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นการให้กำลังใจเขา ไม่พูดจาเชิงตำหนิติเตียนใคร

การที่คนเราอยู่ร่วมกันในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีน้ำใจไมตรีที่ดีต่อกัน จึงจะอยู่กันได้อย่างสันติสุข ความมีน้ำใจเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ เพียงแต่แสดงความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ โดยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นการแสดงน้ำใจได้ วิธีง่าย ๆในการแสดงความมีน้ำใจต่อกัน 

การเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงหัวอกคนอื่น และแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่นเหมือนที่เราต้องการให้คนอื่นแสดงต่อเรา จงทำดีต่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าความดีนั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยหรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม

เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ให้ในที่นี้ไม่จำเป็นต้อเป็นเงินทอง หรือสิ่งของมีค่า เป็นการให้ความรู้ต่าง ๆ ในการทำงาน

แสดงน้ำใจกับคนรอบข้าง เช่น ถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว แสดงความเห็นใจต่อการเจ็บป่วย

เสียสละกำลังสติปัญญา กำลังกาย และเวลาให้แก่ผู้เดือดร้อน ที่ต้องการพึ่งพาอาอาศัยเรา โดยเป็นการกระทำที่ไม่หวังผลตอบแทน

มีนิสัยเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อเพื่อนบ้าน เช่น ไปร่วมงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานศพ หรือ งานอื่น ๆ

น้ำใจ 

การทำงานในองค์กร หน่วยงานเดียวกันเราต้องมีน้ำใจให้กันเสมอ แต่เพื่อนร่วมงานดาหลา..ไม่ค่อยมีสิ่งเหล่านี้  ผิดหวังมาก ๆๆ คิดผิดหรือเปล่าที่อยู่ในกลุ่มดาหลา 

ท่ามกลางสายฝนในฤดูร้อน ทำให้อากาศวันนี้เย็นสบาย  นึกถึงชาวไร่ก็ให้นึกถึงบันทึกของคุณน้องเยาะ (ศวพถ.) ที่เขียนถึง ภูมิปัญญาการคบหาสมาคมกันของคนใต้: ข้าวไร่ "การหนำ" ข้าวไร่ และการ "ออกปาก"  การหนำก็คือการปลูกข้าวนั่นเอง ส่วนการ "ออกปาก" หมายถึงการไหว้วานเพื่อบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงให้ช่วยกันปลูกข้าว ซึ่งเป็นประเพณีของชาวใต้อย่างหนึ่ง

ก่อนกลับบ้าน  ขอเพิ่มเสียงหัวเราะอีกนิด

3.  ระบบไหลเวียนโลหิต การหัวเราะเป็นการออกกำลังทุกส่วนของร่างกายทำให้อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะเร็วบ้าง ช้าบ้าง หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น หัวใจทำงานเป็นระบบขึ้น ป้องกันอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก โรคขาดเลือด เส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคหัวใจ ตลอดจนอาการใจสั่น เสียงสั่น ตัวสั่น ตื่นตระหนกและประหม่าง่าย

4.  ระบบพักผ่อนและผิวพรรณ การหัวเราะช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้เส้นประสาท กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ยืดหยุ่น ไม่ตึงหรือเกร็ง ทำให้ร่างกายเกิดการพักผ่อน นอนหลับสนิท ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่น และไม่เป็นโรคทางผิวหนัง ช่วยให้ร่างกายและจิตใจเกิดความสงบ มีสมาธิมากขึ้น

มีคนเค้าแซวว่าพี่สาวเพื่อนดาหลานิ้วทองคนหนึ่ง เหิดดี  เหิดได้วันค่ำ ทำไมพี่เค้าเหิดดี เหิดเก่ง และดังด้วย ซึ่งสอดรับกับคำให้พรวันดำหัวของอดีตผู้อำนวยการฯ "ท่านกล่าวว่า...ยิ้มยังไม่พอ...ต้องเหิดต้วยให้ดัง ๆ..."เหิด เป็นภาษาคำเมือง  หมายถึงหัวเราะ  การหัวเราะเกิดจากถูกกระตุ้นให้มีอารมณ์ขัน ซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน   ประโยชน์ของการหัวเราะ

1.  ระบบทำงานของสมอง  การหัวเราะ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทสมอง บริเวณสมองส่วนหน้า (ซึ่งสมองบริเวณนี้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมความคิดที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของอารมณ์เชิงบวกและลบ) ที่ทำให้เกิดการหลั่งของสารชีวเคมีตัวหนึ่งที่ชื่อว่า endorphin ซึ่งเป็นสารชีวเคมีของสมองที่มีฤทธิ์ หรือสารที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดความสุข ก็คือในด้านที่ส่งผลทำให้อารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน สมองก็จะมีการถูกกระตุ้นให้มีเพิ่มพื้นที่การประมวลผลความคิดในเชิงบวกและสร้างสรรค์ มีผลทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับการบำบัดและฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

2.  ระบบหายใจ ในระหว่างที่หัวเราะร่างกายมีการหายใจเข้า กลั้นหายใจ และหัวเราะ (หายใจออกยาวๆ) ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนถ่ายออกซิเจน ฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง จึงทำให้เซลล์ประสาทหัวใจ ปอด คอ แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การหัวเราะยังช่วยบริหารร่างกายให้เกิดความร้อนและการเผาผลาญพลังงานสูง ช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัด ภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส กรน ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคปอด