จิตว่าง ไม่ใช่จิตที่ไม่คิดนึกอะไร เหมือนกับคนไม่มีสติสัมปชัญญะ
จิตว่าง หมายถึงว่างจากความนึกคิด หรือรู้สึกประเภทที่มีความหมายเป็นตัวกู – ของกู หรือจิตที่ไม่เจือด้วยโลภะ โทสะ โมหะ จิตที่เจือด้วย โลภะ โทสะ โมหะ นั่นคือเห็นแก่ตัว ความคิดที่ว่าว่างก็คือไม่มีความรู้สึกที่เห็นแก่ตัว หรือเป็นไปเพื่อตัว มันก็เหลือแต่สติปัญญาบริสุทธิ์ เราต้องแยกสติปัญญาที่บริสุทธิ์ออกมาจากสติปัญญาที่มันเป็นทาสของกิเลสตัณหา ถ้าเวลาอื่นซึ่งไม่ใช่เวลาทำงาน ก็อาจมีตัวกู มีครอบครัว มีลูกมีเมีย มีได้มีเสีย นั่นเป็นคนละตอน คนละที่ คนละเรื่อง แต่ถ้าเมื่อทำงานก็ต้องทำงานด้วยจิตว่าง ต้องไม่มีอะไรมาบังคับ ต้องไม่มีข้อผูกพันกับเรื่องอื่น
การทำงานโดยหวังอะไรตอบแทนนั้น เป็นเรื่องตัวกู – ของกู ที่ทำกันจนเคยชิน ดังนั้นถ้ามีใครคอยดู คอยจะให้รางวัลอยู่ก็ทำดี พอไม่มีใครแอบดูอยู่ก็ทำอีกอย่างหนึ่ง อย่าไปหวังว่างานนั้นจะดี 100 % ในเมื่อทำงานด้วยจิตที่ฟุ้งซ่าน คือมีความระแวงระวังว่าจะต้องทำให้ถูกใจคนที่เขาจะบันดาลอะไรให้ได้ ไม่ได้ทำด้วยกำลังใจทั้งหมด เรียกว่าไม่ได้ทำด้วยจิตว่าง
ถ้าจะคิดทำให้ถูกใจนายจ้างบ้าง คนรักบ้าง หรืออะไรก็ตาม คิดทีแรกพอ รู้สึกทีแรกพอ ตกลงใจทีแรกพอ พอลงมือทำงานเข้าจริงๆ ต้องทำด้วยจิตว่าง คือไม่มีกู ไม่มีสู ไม่มีเรามีเขา มีแต่สติปัญญาแล้วก็แรงงานที่จะระดมลงไปพร้อมกัน ใช้แรงงานด้วยสติปัญญาของจิตถ่อมฟุ้งซ่านแล้วจะทำได้ดีกว่า
การทำงานด้วยจิตวุ่นมันมีเผลองาน เพราะว่าจิตไม่ได้มุ่ง 100 % ในการทำงาน วุ่นคิดไปตามความอยากความหวังอยู่ ฉะนั้นถ้าเราจะทำงานให้มีผลดี พอลงมือทำงานก็ต้องเป็นเรื่องของจิตว่าง แล้วงานก็จะไม่มีความหมายเป็นงาน แต่จะเป็นของสนุกเหมือนของเล่น
เคล็ดลับของการทำงานด้วยจิตว่างคือ ทำให้การงานเป็นของสนุก ถ้าทำงานด้วยจิตวุ่น การงานก็กลายเป็นของทุกข์ การทำงานด้วยจิตว่างยากแก่คนทั่วไปที่มีจิตใจไม่สมประกอบ ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นทุกข์ก็ต้องทำงานด้วยจิตว่าง แล้วงานก็จะสนุกด้วย แล้วผลงานก็จะดีด้วย
อย่าไปรับภาระหน้าที่ที่เกินกำลังความสามารถของตน ให้ความสามารถเจริญงอกงามไปก่อนจึงค่อยขยายหน้าที่ความรับผิดชอบตามออกไป ถ้าอวดดีกล้ารับมอบหมายเข้ามาเกินความสามารถของตน ก็เลยทำงานแบบผักชีโรยหน้า
หน้าที่ประจำวันที่ไม่ค่อยมีค่าราคามากมายนี้ก็ต้องทำด้วยจิตว่าง ไม่เช่นนั้นมันจะตกนรกทั้งเป็น หยุมๆ หยิมๆ ได้ทั้งวัน งานปกิณกะเบ็ดเตล็ดก็ต้องทำด้วยจิตว่างทั้งนั้น ถ้าจิตว่างก็ทำงานด้วยสติปัญญา ถ้าจิตวุ่นก็ทำงานด้วยกิเลสตัณหา
คนเรามีจิตว่างอยู่เป็นพื้นฐาน ไม่ใช่จิตวุ่นเป็นพื้นฐาน จิตโดยพื้นฐานมันว่างจากกิเลสอยู่เป็นปกติ กิเลสนี่เพิ่งเกิดเป็นคราวๆ ตามเหตุปัจจัย
จากหนังสือ ความสุขในการทำงาน...พุทธทาสภิกขุ
แวะมาเยี่ยมเป็นกำลังใจ พยายามต่อไปนะครับ เพื่อพลังแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
Link รวมบล็อกเรื่องธรรมาภิบาลของกลุ่มงานใน สป. นอกเหนือจากที่สถาบันฯ สร้างให้ครับ
ผมได้สร้าง แพลนเน็ต เพื่อรวบรวมบันทึกธรรมาภิบาลของทุกสำนัก/กลุ่มงาน มาไว้ในที่เดียวกัน เมื่อเปิดเข้าไป จะเห็นทุกบันทึกรวมอยู่ด้วยกัน สามารถเลือกอ่านและแสดงความคิดเห็นได้เลย โดยบันทึกล่าสุดไม่ว่าจะเป็นของสำนัก/กลุ่มงานใดก็ตาม จะอยู่ด้านบนสุด และใล่ลงไปด้านล่าง ตามวัน/เวลา (ฉนั้น ต้องการให้ปรากฎบันทึกของท่านอยู่ด้านบนเสมอ ต้องขยันบันทึกครับ)
เข้าไปดูได้ตาม Link นี้เลยนะครับ
ให้ข้อคิดดีและสามารถนำไปปฏิบัติได้ ขอบคุณนะคะสำหรับบทความดี ๆ นี้
ขอบคุณนะคะสำหรับบทความที่ให้ข้อคิดที่ดีแบบนี้