กลับมาอีกแล้วค่ะ กับการชื่นชมความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน คราวนี้มาดูการจัดการชีวิตหลังพบว่าตนเองเป็นเบาหวาน ของคนที่ถือว่าสนิทที่สุดในที่ทำงานของดิฉัน เขาไม่ยอมให้ดิฉันเอ่ยชื่อค่ะ ขอสงวนชื่อแล้วกันนะคะ
ตั้งใจเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่เขามานานเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่สามารถประคับประคองชีวิตลูกจ้างชั่วคราวเงินเดือนน้อยนิด จนมีที่และบ้านเป็นของตนเอง แน่นอนล้วนแล้วแต่มาจากการมีวินัย ความอดทนและมีเพื่อนฝูงมวลมิตรที่ดี
แต่เรื่องเล่าวันนี้จะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอยู่ของพี่มีสาเหตุมาจากพบว่า ตนเองมีเพื่อนใกล้ชิดเป็นคุณหวาน (พี่เขาว่าอย่างนั้น) ตอนแรกๆ พี่เขาบ่นกับดิฉันและคนใกล้ชิดว่า เข้าห้องน้ำเพราะปวดปัสสาวะบ่อยผิดปกติ หลายคนรวมทั้งดิฉันแนะนำให้ไปตรวจเบาหวาน แต่พี่เขาคงไม่อยากทำใจรับเรื่องนี้ จึงยังไม่ยอมไปตรวจ แล้ววันหนึ่ง สำนักหอสมุดกำหนดให้ทุกคนในสำนักตรวจสุขภาพเบื้องต้น คือการตรวจหาน้ำตาลในเลือดและการตรวจความดันโลหิต ผลของการตรวจออกมาน่าตกใจและพยาบาลแนะนำให้ไปตรวจเบาหวานค่ะ
หลังจากตรวจสุขภาพผ่านไป 1 อาทิตย์พี่มีสีหน้าวิตกกังวลและบอกดิฉันว่า ไปโรงพยาบาลมาและพบว่าตนเองเป็นเบาหวานชนิดที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน ไม่ใช่จากกรรมพันธุ์ จึงเริ่มศึกษาเรื่องเบาหวานจากหนังสือถึงวิธีการรักษาตนเองและการปรับพฤติกรรมของคนเป็นเบาหวาน จากนั้นก็เริ่มจัดการชีวิตตนเอง ด้วยการลดการทานแป้งและน้ำตาลลง พร้อมทั้งเลี่ยงอาหารทุกชนิดที่จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ผลจากการปรับพฤติกรรมดังกล่าว น้ำหนักที่มีมากกว่า 65 กิโลกรัมลดลงเหลือ 51 กิโลกรัมในปัจจุบันจากระยะเวลาไม่นานนัก และการดูแลการกินอยู่ของตนเองใหม่ ทำให้ระดับน้ำตาลลดลงจนเป็นที่น่าพอใจของแพทย์ พยาบาลที่รักษา
สิ่งที่พี่ได้มาพร้อมกับเบาหวานคือ ร่างกายบอบบาง และความรู้เรื่องสมุนไพรที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานแทบทุกชนิด ถ้าหามาทดลองได้พี่เขาหามาลองทุกอย่างและทุกครั้งที่ไปพบแพทย์จะกลับมาพร้อมรอยยิ้มทุกครั้ง เพราะ ระดับน้ำตาลเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้ที่พี่ต้องดูแลก็คือรักษาวินัยการรับประทานของตนเองอย่างเคร่งครัด (แอบสงสารพี่มากที่สุดตอนไปทะเลกับสำนักหอสมุด โห หมึกเอย กุ้งเอย ทุเรียน มังคุด ทานได้อย่างละนิดหน่อยเอง)
ดิฉันรู้สึกชื่นชมในวินัยและความมุ่งมั่นของพี่ที่ตั้งใจรักษาตนเอง อดทนต่ออาหารผลไม้ และขนม ที่เคยชื่นชอบ พร้อมทั้งปรับพฤติกรรมการกินอยู่ใหม่เกือบทั้งหมด ตอนนี้ ที่บ้านดิฉัน รากเตยเอย ใบตำลึงเอย แทบจะหมดบ้านแล้วค่ะ