สมัยที่เรียนชั้นประถมศึกษา คุณครูท่านหนึ่งถามผมว่า “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?” ผมก็ตอบอย่างมั่นใจด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ว่า “ผมอยากเป็นตำรวจครับ เพราะจะได้จับผู้ร้าย”
คำตอบที่ผมได้ให้กับคุณครูท่านนั้นมาจากภาพแห่งความทรงจำที่ผมได้เห็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ใส่เครื่องแบบและพกปืนไว้ป้องกันภัยให้กับประชาชน และจากบทภาพยนตร์ที่ตำรวจมักปลอมตัวมาในรูปแบบของขอทานหรือคนพเนจร ในตอนจบพระเอกมักจะพูดว่า “ผมร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา” มันเป็นภาพที่แสนประทับใจจึงทำให้ผมมีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจในขณะนั้น แม้ว่าความใฝ่ฝันนั้นจะไม่เป็นจริงในเวลาต่อมาก็ตาม
แต่พอมาเห็นผู้พิทักสันติราษฎร์ที่อินเดีย ผมก็นึกเอ็นดูในใจ... (พลางนึกว่าดีแล้วที่เราไม่ได้เป็นตำรวจ) แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ..........
ตำรวจอินเดีย............ไม่พกปืน ....
เป็นเรื่องจริงครับที่ตำรวจอินเดียไม่พกปืน แต่อาวุธประจำกายเวลาปฏิบัติราชการคือ “ไม้เรียว” ที่ผ่านการเหลาอย่างดีเจาะรูที่โคนร้อยด้วยเชือกทำเป็นห่วงไว้สอดเข้ากับมือเพื่อให้กระชับเวลาถือ แค่นี้ก็เท่ห์ระเบิดแล้วครับ แม้ว่าตำรวจอินเดียไม่พกปืนเป็นอาวุธเพื่อขู่ผู้กระทำผิดหรือผู้ที่คิดกระทำผิด แต่ดูเหมือนว่าแค่ไม้ที่ตำรวจพกประจำกายก็มีอิทธิฤทธิ์ทำให้คนอินเดียเสียวสันหลังวาบเพราะหากโดนตีเข้าล่ะก็คงต้องกลับไปทายาหม่องประคบประหงมอีกหลายวัน
ผมประสบเห็นด้วยสองตาของผมจะๆ ตอนที่ตำรวจจราจรใช้ไม้ตีคนขับรถสิบล้อที่บังอาจขับรถย้อนศร ตำรวจนายนั้นตีคนขับรถอย่างไม่ปราณีด้วยเรี่ยวแรงที่มีและเทคนิคที่ได้ฝึกมา คนขับรถไม่อาจจะขัดขืนต่อสู้ ได้เพียงแค่ร้องด้วยความเจ็บปวด “อะโยโหย๋ อะโยโหย๋....” พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้ม
หากเปรียบเทียบระหว่างตำรวจอินเดียกับตำรวจไทยแล้ว เครื่องแบบและอาวุธประจำกายของตำรวจไทยเท่ห์กินขาด (ตามประสาคนชาตินิยม) หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะกลับไปตอบคำถามคุณครูท่านนั้นว่า
“โตขึ้นผมอยากเป็นดาราครับ...คุณครู”
สมมุติแล้วเวลาเจอผู้ร้ายที่พกมีด ปืน กำลังทำร้ายประชาชนอยู่ซึ่งหน้า….จะกล้าเข้าไปจับกุมหรือไม่…..หรือเกิดคนร้ายต่อสู้ขึ้นมา