สำหรับการกิจกรรมในค่าย "เรียนรู้คุณธรรม นำชีวิตพอเพียง" ในวันนี้ เราได้เสวนากันในประเด็นการศึกษาอีกครั้ง
ในลำดับแรกกระผมต้องขออนุญาติให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนชุมชนวัดรางบัวโดยสังเขปก่อนนะครับ โรงเรียนแห่งนี้ป็นโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสในตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี คุณครูมารศรี หนึ่งในครูอาวุโสที่ทำงานในโรงเรียนชุมชนวัดรางบัวมากว่า ๒๐ ปี กล่าวติดตลกว่า
"โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนนานาชาติ มีนักเรียนหลากหลายสัญชาติมาเลือกเรียนที่นี่"
ฟังดูผิวเพินก็ไม่เห็นจะมีข้อแตกต่างอะไรจากโรงเรียนนานาชาติทั่วไป ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทว่าในพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญเช่นนี้ รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจของชุมชนใกล้เคียงยังคงอยู่ในภาคการเกษตร ทั้งทำนา รับจ้างทั่วไป และเลี้ยงโค เมื่อสภาพทั่วไปเป็นเช่นนี้ ทำไมโรงเรียนถึงถูกขนานนามว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติเล่า น่าฉงนยิ่งนัก
แท้จริงแล้ว ความเป็นนานาชาติของโรงเรียนชุมชนวัดรางบัว มีคำนิยามที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และแน่นอนว่าแตกต่างจากโรงเรียนเอกชนนานาชาติที่เราจินตนาการลิบลับ กล่าวคือ นักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนอยู่โรงเรียนแห่งนี้ นอกจากจะเป็นชาวไทย-ญวนแล้ว ยังมีเด้กนักเรียนชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน ไทย-พม่า มาใช้บริการของสถาบันทางการศึกษาแห่งนี้
ประจักษ์พยานในการเรียนรู้คุณธรรม ในขณะที่เราชาวค่ายสัมภาษณ์คุณครูและผู้อำนวยการอยู่นั้น ได้มีเด็กนักเรียนชาวกระเหรี่ยงเข้ามาขอเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนแห่งนี้
"ครูครับ ผมเป็นกระเหรี่ยง อยู่แถวพม่าครับ จะมาขอเรียนด้วย" เด็กชายตัวผอม กล่าวสำเนียงแปล่ง พร้อมประนมมือไหว้ไปในตัว
"กระเหรี่ยงเหรอ มีบัตรอะไรบ้างไหม" ผู้อำนวยการกล่าวซัก
"ไม่มีครับ ผมอาศัยอยู่กับหลวงพ่อที่วัด"
"มาซิ การศึกษาไม่มีพรมแดนหรอก"
ท้ายที่สุดเด็กชายคนนี้ จึงได้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียน(นานาชาติชุมชนวัดรางบัว) คุณธรรมที่เราชาวค่ายได้เรียนรู้ ได้สัมผัสจากประสบการณ์ซึ่งหน้าเช่นนี้ ไม่อาจมีคำบรรยายใดๆได้เลย ถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู แม้จะสรรหาถ้อยคำต่างๆมาพรรณาการกระทำอันสูงส่งครั้งนี้ ก็ยังห่างไกลความเป็นจริงที่ชาวเราไม่อาจประเมิณค่าได้จากประโยคที่ว่า
"ขอโทษครับ การศึกษาไม่มีพรมแดน"
ไม่มีความเห็น