วันนี้ดูจะมีดวง แต่ความจริงมีตั้งแต่วันก่อนแล้วที่คณะกรรมาธิการวิสามัญแห่งสภานิติบัญญัติได้สัญจรมาจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่อุบลราชธานี 2 วัน แต่ยังไม่อยากพูดถึงเพราะเป็นเรื่องเครียด วันนี้ขอเล่าเรื่องหมอหอมหวน แห่งวัดผาสุฯดีกว่า
ที่ว่ามีดวงคือมีเพื่อนร่วมสำนักงานใหญ่ (หมายถึงมหาวิทยาลัย) ท่านมีใจกรุณาพาไปทำบุญที่วัดป่านานาชาติด้วย ซึ่งอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยไปประมาณ 20 นาทีเป็นอย่างน้อย(หมายถึงขับรถเอง) ซึ่งอยากไปอยู่แล้ว เพราะเคยไปสองครั้งแต่ไม่เคยใส่บาตรถวายอาหารให้พระ ครั้งสุดท้ายก็ไปเวียนเทียนตอนวันมาฆะบูชาที่ผ่านมาด้วยเท้าเปล่า เดินกันไปตามทางที่ประดับด้วยแสงเทียนในคืนวันเพ็ญเดือนสาม แสงเทียนวอมแวมตลอดเส้นทางในร่มเงาไม้ใหญ่ของวัดสลัวไปกับแสงจันทร์ที่งามเฉิดฉาย น่าประทับใจยิ่งนัก นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองอุบลฯ ราชธานีเก่าแห่งหนึ่งของเรา แต่จะเก้บไว้เล่าในวาระต่อไป
เมื่อกินข้าวก้นบาตรอิ่มแล้วคนละหนึ่งกาละมัง(จริงๆ) ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 ซม. มีความลึกประมาณ 3 นิ้ว เราก็พากันลากลับ หลังจากไปทำบุญถวายปัจจัยใล่ตู้เงินให้วัด จึงพากันไปหาหมอนวดที่วัดผาสุฯ ปรากฏว่าหมอหอมหวนอยู่ผู้เดียว หมอแม่เดชบ่อยู่ จึงให้เพื่อนนวดไปคนเดียว เราก็นั่งคุยเป็นเพื่อนกับหมอในระหว่างที่ท่านทำการนวดให้เพื่อน ในตอนหนึ่งของการสนทนา ท่านพูดถึงคนกับวันที่เกิด และปีที่เกิด แล้วก็สรุปว่า คนเราต้องสำรวมมากกว่าสำนวน
ความหมายคือสำรวมคือความสงบ คือความอ่อนน้อม คืออะไรที่ดีๆอีกหลายอย่าง แต่สำนวนหมายถึงคนที่ออกจะเจ้าถ้อยหมอความ หรือพูดง่ายๆว่า กระล่อน นั่นเอง เช่นหมอเดช พูดถึงคนเกิดวันจันทร์ ปีวอก ว่าจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ พูดจาดีหวานเป็นน้ำผึ้งแบบคนวันจันทร์ และเก่งแบบคนปีลิง ดังนั้นจึงจะค่อนไปทางสำนวนมากกว่าสำรวม ในฐานะผู้ที่มีความรักในเพื่อนทนุษย์อย่างดิฉัน จึงรู้สึกทึ่งหมอหอมหวนมาก เพราะหมอนวดตาพิการ (เพราะสารเคมีในโรงงานฟอกหนังที่สมุทรปราการ)ทั้งที่แกบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก แต่การวิเคราะห์โดยอาศัยภูมิปัญญาไทยของแกน่าทึ่งมากสำหรับดิฉันซึ่งเรียนหนังสือมาจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด
ผู้ชายตาพิการคนนี้อายุกว่า 40 ปี มีเมียมาแล้ว 5 คน คนปัจจุบันทั้งแก่กว่าแก ทั้งไม่สวย (ไม่ได้ถามว่าแกเห็นหรือไร เข้าใจว่าคนอื่นคงจะบอก) แต่แกมีหลักคิดอะไรดีๆที่น่าจะไปเล่าลูกศิษย์ฟังๆได้
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ไม่มีความเห็น