วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก เด็ก ๆ ของดิฉัน (น้องอาย 10 ปี และน้องเอม 6 ปี) ตื่นเต้นมาก บอกแม่ก่อนนอนเมื่อคืนว่า "แม่อย่าลืมปลุกหนูตอนตี 5 นะ" ดิฉันพาเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม น้องเอมนอนได้ซักพัก พลิกไปพลิกมา บอก "แม่หนูนอนไม่หลับ แม่ปลุกหนูตอนตี 2 ได้ไหม๊" ดิฉันฟังแล้วอดยิ้มในความมืดไม่ได้ว่า สมัยดิฉันเป็นเด็กก็มีอาการแบบนี้ วันก่อนเปิดเรียนช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ไหนจะไปอยู่ห้องใหม่ ครูคนใหม่ (แม้จะเจอเพื่อนเก่าจากชั้นเดิม ก็คิดถึงอยากเจอ) เมื่อถึงเวลานาฬิกาปลุก ตี 5 เด็ก ๆ พากันกระวีกระวาดลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัว โดยไม่รอช้า พร้อมถามแม่ว่า "วันนี้เมนูอะไรครับ" "วันนี้ต้มเลือดหมูจ๊ะ" แม่ตอบ ภายในเวลา 20 นาที สองคนพี่น้องก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมรับประทานอาหาร น้องอายคนพี่ออกจะตื่นเต้นมากกว่าน้อง เพราะบอกแม่หนูทานข้าวไม่ค่อยลงเลย ส่วนน้องทานได้มากกว่า น้องเอมขึ้นชั้น ป.1 ซึ่งจะต้องเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่ รองเท้า(แบบมีเชือกผูก) ที่ไม่เหมือนกับตอนอยู่ชั้นอนุบาล ก่อนเปิดเทอมประมาณ 2 สัปดาห์ เอมต้องติวเข้มเชิงปฏิบัติการนั่นคือการหัดผูกเชือกรองเท้า คาดเข็มขัด ซึ่งตื่นเช้ามาแต่ละวันหลังกินข้าวเช้าเสร็จเป็นภารกิจหลักที่ต้องทำก่อนออกไปวิ่งเล่น ซึ่งเอมมักจะพูดว่า "หนูมีงานเยอะแยะ ไหนต้องหัดผูกเชือกรองเท้า ไหนต้องหัดใส่เข็มขัด " ฟังดูเหมือนภารกิจใหม่นั้นสร้างภาระให้เขา แต่ดูแล้วเขาก็ยินดีที่จะทำ เพราะขยันฝึกจนแม่ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เพียงดู ๆ แลัวจัดให้เข้าที่เข้าทางก็พอ ตอนเย็นน้องอายถูกมอบหมายให้เดินไปรับน้องที่ห้องเรียน แล้วเดินมาพร้อมกันเพื่อไปรอแม่ที่ประตูหน้าโรงเรียน เมื่อดิฉันไปถึงที่นัดหมายหน้าโรงเรียน ก็เห็นน้องเอมเสื้อหลุดออกนอกกางเกง คงด้วยความไม่คุ้นเคยกับเครื่องแบบใหม่ "สนุกไหม๊ลูกมา รร.วันแรก" พี่กับน้องตอบพร้อมกัน "สนุกมากเลยแม่" พร้อมแย่งกันเล่าเรื่องราวที่พบเห็นบรรยากาศวันแรกที่เข้าห้องเรียน ส่วนน้องอายมีข้อมูลมาเล่าเพิ่มเติมภายหลังว่า คุณครูบังคับว่าห้องหนูต้องเข้าชมรมวิทยาศาสตร์ทุกคน เพราะเป็นห้องรวมของเด็กเก่ง (ห้องคิง) ความจริงดิฉันไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าใดนัก เพราะการเลือกเข้าชมรมในความหมายของดิฉันคือการเลือกตามความสนใจ อีกทั้งเป็นการใช้ประโยชน์จากชมรมเพื่อทำกิจกรรมผ่อนคลาย หรือเสริมสร้างทักษะชีวิต การได้รับเลือกเข้าไปอยู่ห้องคิงของน้องอายซึ่งเป็นปีแรก ดิฉันออกจะกังวลอยู่บ้างเพราะเหตุเกรงว่าลูกจะเครียดกับบรรยากาศของการแข่งขันมากกว่า แต่ก็คงต้องคอยสังเกตกาณ์พฤติกรรมกันต่อไป ใครเคยมีลูกเรียนอยู่ห้องคิง ช่วยเข้ามาแชร์กันบ้างนะคะ