ผลบุญ (1 กค.2548)
ปล.ก่อนไปอินเดีย นึกถึงกลอนบทนี้ครับ
สวรรค์ของโยคีน้อย
๑. สวรรค์อยู่รอบกายมิใช่หรือ
๒. วิมานคือเมฆายามฟ้าใส
๓. จะดำรงค์ตรงเทือกเขาลำเนาไพร
๔. สุดแต่ใจสร้างสรรค์บันดาลเอา
๕. ถ้าสุขใจหมายมั่นสวรรค์เกิด
๖. เป็นผลเลิศทางนิมิตจิตหยุดเขลา
๗. หยุดได้นานเท่าไหร่ตามใจเรา
๘. ใครจะเข้ามาบงการนั้นไม่มี
๙. แต่นิจจังทั้งหลายไม่เที่ยงแท้
๑๐.สุขก็แปรเปลี่ยนได้ไม่คงที่
๑๑. แค่อยากสุขมากพลัน ทุกข์ทันที
๑๒. ความพอดีจึงสุขนานอย่างมั่นใจ
๑๓.สรวงสวรรค์จะผันแปรแค่เมฆา
๑๔. เป็นเพียงภาพลวงตาหรือไฉน
๑๕. น้อมทุกข์เข้าสิงห์จิตภาพผิดไป
๑๖. ฟ้าสดใสดำสนิทปิดวิมาน
๑๗. จงเลือกเอาอยากจะได้ใจ สุข-ทุกข์
๑๘. จะขมขื่นชื่นสุขสนุกสนาน
๑๙. หรือจะหลีกเลี่ยงหลบไม่พบพาน
๒๐. สุขให้นานกว่านี้พอมีทาง
๒๑. พุทธองค์ทรงตรัสปรัชญา
๒๒. ตั้งสติปัญญาไวไว้ถากถาง
๒๓. กำหนดหนอ กำหนดใจให้ปล่อยวาง
๒๕ .มรรคสว่าง ส่งถึงซึ่งนิพพาน
โยคีน้อย มอบให้พี่โยคี ในวันครูค่ะ
16 มกราคม 2551
โยคีน้อย
สาธุครับ
ขอบคุณที่สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม ในวันครู
ครูของมนุษย์ทุกคน คือเหล่าศาสดาทั้งหลาย
ครูของลูกคือพ่อแม่
ครูของคนคือผู้ชี้แนะสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เราเองก็ต้องเป็นครูได้ทุกเมื่อ ชี้แนะเพื่อนมนุษย์ตามความเหมาะสมของตน
สุดท้าย จิตนั่นแหละเป็นครูของจิต
ด้วยความปรารถนาดี
เจริญพร
นะมัสการพระคุณเจ้า
สาธุครับ
แหม อยากจะแต่งกลอนตอบเหมือนกันครับ แต่ใจยังไม่เป็นสวรรค์ (เพราะงานเยอะ) อาศัยการเพิ่มมือให้มีมากกว่าสองมือ จึงแทรกมาเล่นเน็ต โพสต์ตอบได้บ้าง
ท่านสบายดีนะครับ
นะมัสการด้วยความเคารพ