สีน้ำสร้างจินตนาการ


ความเจ็บป่วยทางร่างกาย อาจเป็นความเจ็บปวดที่ทรมาน แต่ความเจ็บปวดที่ต้องถูกทอดทิ้ง สร้างความเจ็บปวดที่เรียกว่า ความทุกข์ทางใจ ให้อยู่กับใครสักคนไปตลอดชีวิต
       วันนี้กิจกรรมที่ฉันเตรียมไปเป็นกิจกรรมที่ฉันยังไม่เคยเล่นกับเด็กๆเลย ความจริงฉันเคยเตรียมมาเล่นกับเด็กแล้วครั้งนึง แต่ปรากฎว่ามีเหตุให้ไม่ได้เล่น กิจกรรมที่ว่าก็คือ การระบายสีภาพด้วยสีน้ำ กับ ตัวต่อเลโก้ ตอนแรกเด็กๆยังไม่ค่อยให้ความสนใจกับกิจกรรมนัก แต่หลังจากการชักชวนอยู่เรื่อยๆและเด็กเริ่มมองเห็นภาพกิจกรรม จากเด็กเพียง 2 คนก็เพิ่มเป็น 4,5และ 6คน ฉันคิดว่าพอเด็กเห็นเพื่อนคนอื่นทำก็เลยอยากจะทำบ้าง เด็กบางคนถึงกับลากสายน้ำเกลือมาเลยทีเดียว เด็กๆมีความสนุกสนานและเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ได้ทำ เด็กบางคนระบายสีไม่ยอมหยุด เพราะชอบมาก เนื่องจากสีน้ำมีลูกเล่นหลายอย่างและระบายง่าย จึงทำให้เด็กรู้สึกสนุกไปด้วย นี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉันเอาภาพมาแล้วหมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย แถมยังไม่พอต่อความต้องการอีกด้วย เด็กๆบอกกับฉันว่าอยากให้เอาภาพมาเยอะๆ บางคนก็จะระบุเลยว่าอยากจะระบายรูปอะไร ซึ่งเด็กบางคนก็ลงจากเตียงไม่ได้ฉันก็เลยเอาพวกตัวต่อไปให้เล่นที่เตียง บางคนก็จะระบายสีภาพด้วยสีเมจิก ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับทั้งเด็กเองและก็ผู้ปกครองด้วย ฉันรู้สึกว่าการระบายสีน้ำช่วยสร้างเสริมให้เด็กๆสร้างสรรค์จินตนาการได้เป็นอย่างดี ทั้งการผสมสี การไล่ระดับสี เป็นต้น
    ฟังเสียงจากน้องใบเฟิร์น วันนี้น้องใบเฟิร์นดูน่าสงสารมาก เพราะทั้งแขนและขาเต็มไปด้วยสายต่างๆ แถมตัวเล็กกว่าเดิมอีก ผิวแห้ง ปากลอก และวันนี้ก็ไม่มีคนมาเฝ้าด้วย ดูแล้วรู้สึกเศร้านิดหน่อย ฉันจึงคิดว่าน่าจะอยู่กับน้องเฟิร์นให้นานที่สุด ฉันชวนน้องเฟิร์นทำกิจกรรม แต่น้องเฟิร์นดูจะไม่ค่อยมีแรงและสนใจสักเท่าไหร่ ฉันจึงได้แต่นั่งคุยและอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น ซึ่งฉันก็คิดว่ามันได้ผลเช่นกัน อย่างน้อยน้องเฟิร์นก็รู้สึกว่ามีคนอยู่เป็นเพื่อน ฉันลองถามน้องเฟิร์นในคำถามเดิมที่ฉันเคยถามน้องเฟิร์นตั้งแต่ครั้งแรกที่มาว่า น้องเฟิร์นรู้สึกอย่างไรกับอาสาสมัคร ซึ่งครั้งแรกน้องเฟิร์นตอกว่าไม่ชอบ โกรธ ไม่อยากให้หมายุ่งด้วย ซึ่งนั้นเป็นเพราะยังไม่เกิดความคุ้นเคยกัน แต่พอมาครั้งนี้น้องเฟิร์นบอกฉันว่า ชอบ อยากให้อยู่ด้วย และรู้สึกดี ซึ่งมันทำให้ฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงจากน้องเฟิร์นได้อย่างมาก เพราะน้องเฟิร์นจะแตกต่างจากเด็กป่วยคนอื่นมาก จึงทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้เด่นชัดกว่าเด็กคนอื่น เดี๋ยวนี้ฉันไม่เคยเห็นน้องเฟิร์นร้องไห้งอแงเหมือนตอนแรกๆที่ฉันมาแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีทั้งกับตัวน้องเฟิร์นเองและรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเวลาที่น้องเฟิร์นร้องไห้เจ้าหน้าที่ก็จะต้องมาดูแลบ้าง บางครั้งก็ปล่อยให้ร้องอยู่อย่างนั้นจนเงียบไปเอง จนบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็เครียดไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งถือว่าอาสาสมัครก็ได้มาแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ได้บ้างในบางส่วน ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น
    เด็กจากสถานสงเคราะห์ มีเด็กคนหนึ่งมาอยู่ที่วอร์ดนี้ได้เกือบเดือนแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเห็นใครมาเยี่ยมเลยสักครั้ง ซึ่งน้องเป็นเด็กผู้หญิง ลักษณะหัวโต แต่ตัวเล็ก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และพูดไม่ได้ด้วย น้องอายุหกขวบแล้ว แต่ยังดูเหมือนเด็กแบเบาะอยู่เลย พยาบาลบอกว่าน้องมาจากสถานสงเคราะห์ ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ จึงไม่มีใครมาดูแล ซึ่งคนเราหากเจ็บป่วยก็แย่อยู่แล้ว ยังถูกพ่อแม่ทิ้งอีก ซึ่งถือว่าเป็นความเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมกันทีเดียว ฉันกำลังพยายามพูดคุยกับน้องไปเรื่อยๆ เพราะฉันคิดว่าน้องน่าจะรับรู้ได้ แต่น้องจะยอมรับฉันและอาสาสมัครคนอื่นๆรึเปล่า ฉันเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะมันอาจต้องใช้เวลาและความเข้าใจ ทั้งอาสาสมัครและเด็กป่วย
     ฉันคิดว่า อาสาสมัครคงต้องสร้างความสุขให้เกิดกับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จึงค่อยแบ่งปันความสุขที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้กับเด็กป่วยหรือคนอื่นๆต่อไป
หมายเลขบันทึก: 95246เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2007 16:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • น่ารักจัง
  • ที่ทำให้น้องๆ ได้มีความสุข
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท