ผมได้ไปดูฮีโร่ในดวงใจของผม สไปเดอร์แมน ภาค 3 ครับแล้วก็ไม่ผิดหวัง ผมว่าฮีโร่ในดวงใจที่เป็นนิยาย ไม่มีวันตายไปจากจิตใจครับ และกลับมาขจัดเหล่าร้ายได้ทุกยุคสมัย ต่างจาก ฮีโร่ตัวจริงที่อยู่ในโลกมนุษย์ บางตัวกลายเป็นเหล่าร้ายไปในที่สุด บางตัวกลายเป็นผู้คนผู้สูญเสียความเป็นตัวเอง หลบอยู่ในสังคมด้วยความหวาดกลัว บางตัวก็ไปขายเครื่องดื่มชูกำลังซะงั้น เศร้าครับปัจจุบันผมเลิกเทิดทูนเชื่อถือฮีโร่ของผมหลายตัว กลับไปดูฮีโร่ในดวงใจของผมสมัยเป็นเด็กดีกว่า สไปเดอร์แมน ซุปเปอร์แมน แบทแมน ปาร์แมน โดเรมอน ฮาโตริ มดเอ็กซ์ซุปเปอร์วัน ขบวนการมนุษย์ไฟฟ้า อิคคิวซัง ฯลฯ
แง่งามของ สไปเดอร์แมน 3 มีมากครับ
1. การเป็นคนดี จิตใจดีของสไปเดอร์แมน เขาร้องไห้ทุกครั้งที่พบกับเรื่องสะเทือนใจมาก ๆ โดนแฟนบอกเลิก เพื่อนตาย เขาร้องอย่างจริงใจ ร้องมากกว่า แฟนซะอีก และเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสลัดไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดนอกโลกนั่นออกไปได้โดยไม่ยากนัก
2. การเป็นคนที่ bad boy บ้างในบางเวลาก็ทำให้บางเหตุการณ์มันได้รับการแก้ไขไปได้ดี สะใจ แต่ผลของมันที่ตามมา ร้ายกาจ เช่นรอยแผลเป็นที่ใบหน้าของเพื่อนของเขา และแฟนที่ถูกเขาเองทำร้าย และเขาตัดสินใจหยุดความคิดและการกระทำของเขาในที่สุด
3. มิตรภาพของเพื่อนนั้นมีอยู่เสมอ เพื่อนของเขากลับมาช่วยในที่สุดแม้พึ่งบาดเจ็บจากการทำร้ายกัน
4. การให้อภัยกัน บอกให้ผู้คนรับรู้ว่ามันดีเสมอ และความผิดพลาดจากความโกรธแค้นนั้นส่งผลร้ายแรงต่อจิตใจตนเองอย่างมากมาย
5. การเข้าถึงจิตใจตนเอง การแก้ไขปัญหาในใจตนเอง อาจต้องพึ่งพาใครสักคนที่เป็นคนดี หรือเป็นผู้ใหญ่ที่หวังดี รักเรา ในที่นี้คือป้าของสไปดี้ และที่หนังเรื่องนี้นำมาเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกผู้คนว่ายังมี ความสงบหนึ่งนะคือศาสนา สไปดี้สลัดตัวสัตว์ประหลาดออกไปได้ก็เพราะที่โบสถ์ และเสียงระฆัง ที่มีผลทำให้สัตว์ประหลาดนั้นอ่อนแรงลง แต่อีกด้านของผู้คนที่สละความโกรธแค้นของตนเองไม่ได้ เมื่อความชั่วร้ายของจิตใจเข้าครอบงำเขาก็พร้อมจะเป็นพวกกับมันและตายไปกับความโกรธแค้นได้ อย่างช่างภาพคู่แข่งของ สไปดี้
หนังเรื่องนี้ผู้ปกครองควรดูให้ดี และควรให้เด็กได้ดู ที่สำคัญผู้ปกครองควรอธิบายแง่ดีงามให้เด็กได้ซึมซับไปด้วย เขาจะได้หายสงสัยว่า ทำไมฮีโร่ของเขาถึงร้องไห้ ทำไมฮีโร่ต้องมีป้าแก่ ๆ ปลอบใจและแก้ไขปัญหาให้ ทำไมฮีโร่ถึงกลายเป็นคนใจร้ายไปได้และสุดท้าย ทำไมฮีโร่ของพวกเขาจึงให้อภัยเหล่าร้ายได้ และที่หนังเรื่องนี้นำมาเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกผู้คนว่ายังมี ความสงบหนึ่งนะคือศาสนา สไปดี้สลัดตัวสัตว์ประหลาดออกไปได้ก็เพราะที่โบสถ์ และเสียงระฆัง ที่มีผลทำให้สัตว์ประหลาดนั้นอ่อนแรงลง แต่อีกด้านของผู้คนที่สละความโกรธแค้นของตนเองไม่ได้ เมื่อความชั่วร้ายของจิตใจเข้าครอบงำเขาก็พร้อมจะเป็นพวกกับมันและตายไปกับความโกรธแค้นได้ อย่างช่างภาพคู่แข่งของ สไปดี้
ขอบคุณครับคุณแผ่นดิน
ใช่ครับผม มีหลายคนที่ตั้งใจทำอะไรที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ให้ดีและเกิดประโยชน์แก่คนอื่น ๆ ให้มากด้วยไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตัวอย่างเดียว อย่างคนทำหนังเรื่องนี้ก็พยายามนะครับ ผมว่า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับคุณแก่นจัง
แหม เรื่องเงินไหลออกต่างชาตินี่ก็เห็นด้วยครับแต่ ก็ช่วย ๆ กันไป น่ะครับ
ครับส่วนใหญ่จะเห็นแง่บวกเยอะครับเรื่องนี้ พยายามหาแง่ลบมาแลกเปลี่ยนดูเหมือนกันแต่ก็ยังไม่เจอนะครับ
เข้ามา ลปรร. ตามคำเชิญครับ และเห็นด้วยกับมุมมองจาก Spiderman หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะยังคงมี Hero แบบนี้อยู่
ด้วยรัก
ไปดูมาแล้วเช่นกันครับ
ชอบที่คุณเขียนจังค่ะ
ได้มุมมอง ได้แง่งามจริงค่ะ
ชอบหลายความงามที่คุณเห็นและถ่ายทอด
โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "การเป็นคนดี จิตใจดีของสไปเดอร์แมน เขาร้องไห้ทุกครั้งที่พบกับเรื่องสะเทือนใจมาก ๆ"
ดีจังค่ะ เพราะหลายคนแปลการร้องไห้ คือการอ่อนแอ แต่ที่จริง คือ ความอ่อนโยน คือ แง่งามของจิตใจค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้เห็นแง่มุมที่งดงามค่ะ
ดีใจที่ได้เจอคนชอบเหมือนๆ กัน
หนังเรื่องนี้สอนคนดูในหลายๆ เรื่อง
ผู้กำกับคนนี้ตัดสินใจถูกแล้ว ที่เน้นให้เห็นแง่มุมของชีวิตตัวละคร
ทั้ง 3 ภาค ผมชอบภาคนี้ที่สุด
ข้อให้มีความสุขกับการดูหนังครับทุกท่าน
^_^
เป็นหนังที่ดูแล้วเกิดความงดงามในจิตใจมาก
"มิตรภาพ" เป็นสิ่งสวยงามเสมอ (น้ำตาร่วงเลยแระ)
คุณเขียนสรุปได้อย่างลึกซึ้งเหมือนที่ใจคิดไว้
ขอบคุณสำหรับบทสรุปเรื่องนี้ค่ะ
โห อิจฉา ทำไมอาเจ้ถึง มีโอกาสดี ๆ แพง ๆ บ่อยจัง เพื่อน ๆ คงหลายวงการมาก ๆ ก็มาเล่าไว้ก็ดี ความจริงผมก็ไม่ค่อยชอบหรอกไอ้โจรสลัดผีนี่
แต่จะเข้ามาอ่านก็ได้ เดี๋ยวจะเสียน้ำจายกันเปล่า ๆ
แหมแต่เรื่องรุ่นดินี่ ก็คุณเจ้เป็นคนพูดเองว่า เดอะ ไงครับ
ยินดีด้วยครับ ที่โชคดีอย่างว่า แถมน่ารักอีกต่างหาก หนักใจมั้ยครับนี่
จอนนี่ เดป อืมเห็นด้วยครับ เป็นพระเอกหน้ากระดูก ๆ เหมาะกับบทนี้แหล่ะ หรือผมอาจจะติดภาพโจรสลัดของเขาไปแล้ว ในเรื่อง Troy ก็แต่งตัวคล้าย ๆ กันอีก
ผมคนบ้านนอก แล้วแถมตอนนี้ยังเป็นคนนอกบ้านอีกต่างหาก ยังไม่เค๊ยไม่เคยไปเลย ไอ้ Siam Paragon เอย Emporium เอย รถไฟฟ้าก็ยังไม่เคยเห็น สนามบินใหม่ ฯลฯ ไม่เคยจริง ๆ .....แต่ไม่อยากไปหรอกเมืองหลวง กลัว ( ระเบิด ตึกถล่ม แผ่นดินไหว )
ส่วนเรื่องวัยเนี่ย ไม่มีใครยอมใครหรอกครับนี่ผมว่า ไว้มีโอกาสได้พบกันเลยดีกว่า ผมว่าคงแปลก ๆ ดี คงจะเพ่งพิศใบหน้ากันน่าดู แล้วคำตอบก็คงเฉลยตอนนั้น ตอนนี้พักไว้ก่อนดีกว่าครับ รูปนี้ผมอาจจะดูเข้ม ๆ ไปหน่อยก็เท่านั้น
หนักใจเหมือนกันค่ะ ว่าเป็นคนน่ารัก บางครั้งก็น่ารักษา มากเลยเพราะกวนๆ คนเขาไปเรื่อย
แหม...บ้านนง บ้านนอกอะไรกันคะ หุยอยู่กทม. ตั้งกี่ปี เพิ่งไปเหยียบ Siam Paragon ตอนได้ตั๋วฟรี นั่นล่ะค่ะ ส่วน Emporium มีธุระ ไปหาลูกค้าบ้าง ค่ะ
รถไฟฟ้านานๆ ใช้บริการ เพราะการเดินทางประจำวันไม่สัมพันธ์กัน รวมๆ แล้วนั่งรถเมล์ ต่อ รถน้อยกว่า ถูกกว่า
ส่วนสนามบิน ก็มีโอกาสไปบ้างค่ะ บางทีพาลูกค้าไปรับคน ก็ต้องพาทัวร์นิดหน่อย ให้รู้หลักๆ ว่าต้องไปไหนอย่างไร ทำงานด้านนี้ ต้องรู้ไว้บ้างน่ะค่ะ
แหม...กลัวแทนคนเมืองหลวง อย่างนี้คนเมืองหลวงก็ผวา กันตลอดปี ตลอดชาติสิคะ
ส่วนเรื่องหน้าละอ่อนเนี่ย ไม่ยอมใครแต่มั่นใจ พอควรค่ะ ฮ่าๆๆๆ