อิ่มเดียวหลับเดียวของในหลวงของเรา


อิ่มเดียวหลับเดียวของในหลวงของเรา

ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในปีมหามงคลนี้ จึงขอร่วมเทิดพระเกียรติคุณ ด้วยการขอน้อมนำแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ทรงสอนและทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างแก่พวกเราคนไทยมาเผยแพร่ เพื่อให้พวกเราได้ตระหนักและนำไปปฏิบัติเพื่อการสร้างความสุขอย่างแท้จริงในชีวิต  โดยมีเนื่อหาของฟอร์เวิสเมล์ ดังนี้

 

อิ่มเดียว หลับเดียว   

ข้าพเจ้าจะนำท่านย้อนหลังกลับไปเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้วมา
ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ใหม่ๆ
ทรงโปรดการทรงภูษาเป็นสนับเพลาสั้น(กางเกงขาสั้น)ในยามดึก
เวรยามรอบพระราชฐานที่ประทับต่างทำหน้าที่กันตามจุดต่างๆไม่มีบกพร่อง
ไม่มีการละทิ้งหน้าที่ ไม่มีการหยอกล้อเฮฮา ส่งเสียงอึกทึก หรือเล่นหัวกัน
เพราะต่างรู้หน้าที่ของตนว่ากำลังถวายอารักขาและถวายความปลอดภัย
แด่องค์พระประมุขของชาติ จอมคนของปวงชนชาวไทย

แม้จะมิได้ทรงเสด็จออกมาทอดพระเนตร แต่ทุกคนก็รู้หน้าที่กันเป็นอย่างดี
ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ลมพัดกรูเกรียวเสียงน้ำค้างตก
ใครจะนึกบ้างเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จลงมา
ทรงพระราชดำเนินไปรเวท(เดินเล่น)
บางครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเงียบๆ
แล้วก็มีพระราชดำรัสทักทายแก่ทหารมหาดเล็กที่ถวายเวรยาม
และนายทหารราชองครักษ์เวร
ประดุจน้ำทิพย์หยาดลงชโลมดวงใจของผู้ที่ทำการอยู่เวรยามให้ได้ระลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณว่า ทรงเป็นห่วงผู้ที่มาอยู่เวรยามด้วยความจงรักภักดี

แม้เวลาจะดึกดื่นแล้วก็ยังคงอยู่ในหน้าที่ด้วยอาการสงบ
ที่เป็นการถวายชีวิตเป็นราชพลี... ตอนนั้น
ทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านหน้าข้าพเจ้า
ซึ่งกำลังหมอบกราบด้วยความเคารพอย่างสุดชีวิต
ทรงหยุดพระราชดำเนินแล้วมีพระราชดำรัสเรียกชื่อของข้าพเจ้า
จากนั้นทรงพระราชดำรัสต่อไปว่าชีวิตมนุษย์เรานี่ อิ่มเดียว
หลับเดียวเท่านั้น ทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไป จนลับพระองค์
ข้าพเจ้าทบทวนพระราชดำรัสจนขึ้นใจ นึกไม่ออกว่าทรงหมายความว่าอย่างไร
จนรุ่งเช้าออกเวรแล้วจึงได้กลับบ้าน

อีกสองสามวันต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปคุยธรรมะกับพระที่วัดเทพธิดา
จึงได้เอ่ยถามท่านมหาผู้มีเปรียญเป็นดีกรีว่าท่านมหาขอรับ
คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนี่ หมายความว่าอย่างไรขอรับ
ท่านมหาขมวดคิ้วแล้วย้อนถามผมด้วยความฉงนฉงาย ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปอีกว่า
โยมเฉลิมศักดิ์ไปเอาคำนี้มาจากไหนกันล่ะข้าพเจ้ามิได้บอกท่านตรงๆ
ในที่สุดท่านก็ได้ตอบปัญหาให้ผมได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า…..

โยมเฉลิมศักดิ์ คำนี้น่ะ
ผู้ที่ได้กล่าวถึงนี้เป็นผู้มีความรู้ในพระพุทธพจน์อันมีความหมายยาวให้ย่นย่อ
เข้าใจได้ง่ายอีกด้วย คำว่าอิ่มเดียวหลับเดียวนั้น มาจากพระพุทธพจน์
ที่ทรงให้ตัดความโลภ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข ให้รู้จักคำว่าพอ
เพราะมนุษย์เรานั้นจะกินได้มากเท่าใด ก็ไม่เกินอิ่มของตน
พออิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ อะไรก็ไม่วิเศษอีกแล้ว การนอนก็เช่นกัน
จะนอนนานแค่ไหนก็แค่อิ่มนอนของตัวเองเท่านั้น
มนุษย์เรานั้นวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะไม่รู้จักอิ่มได้มาอิ่มแล้วก็ยังอยากได้อีก
นอนอิ่มแล้วก็อยากนอนอีกอยากได้ให้มันมากขึ้นไปอีก
ถ้าคนเรายึดในหลักว่าอิ่มเดียวหลับเดียว โลกก็จะเป็นสุข
ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีและแสวงหาจนทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว

คนเรานะโยมจะบริโภคอาหารอันอิ่มเอมโอชะสักเท่าใดก็อิ่มเดียว
กินข้าวคลุกน้ำปลาหรือกินอาหารจีนรสเลิศชามละเป็นพันบาท
ก็อิ่มเดียวแค่อิ่มเท่านั้นกินเข้าไปไม่ได้แล้ว จะนอนบนที่นอนยัดนุ่น
รองด้วยสปริงอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
นอนในสลัมหรือ นอนในคฤหาสน์ ก็แค่นอนหลับอิ่มเดียวเท่านั้น
เต็มอิ่มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมา ชีวิตของมนุษย์ทุกคน
ก็เท่าเทียมกันด้วยอิ่มเดียวและหลับเดียวนี่แหละ



 

หมายเลขบันทึก: 94527เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2007 15:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 19:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ขอบคุณครับสำหรับธรรมะดีๆ
  • โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่าพระเจ้าอยู่หัวเราทรงมีธรรมขั้นสูงทีเดียว
  • สังเกตจากพระราชดำรัส แต่ละครั้งผมฟังเหมือนกับได้ฟังผู้มีธรรมระดับสูงพูด
  • ใช้คำง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง คิดให้ตื้นก็ได้ประโยชน์ คิดให้ลึกก็ได้ประโยชน์
  • ดัง เศรษฐกิจพอเพียง นี่ไงครับ เป็นตัวอย่าง
  • ขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับบทความนี้
  • ถ้าทุกคนคิดว่า"อิ่มเดียวหลับ" เราคงจะมีความสุขในการดำเนินชีวิตมากกว่านี้เป็นแน่
  • ภูมิใจที่มีในหลวงค่ะ  สัญญากับตัวเองเสมอว่าจะดำเนินตามใต้เบื้องพระยุคลบาทตลอดไปค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท