เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้อ่านหน้งสือของท่านชุติปัญโญ รู้สึกเหมือนกับได้รับพลังงานที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เป็นพลังแห่งความดีงาม ความเมตตา รู้สึกมีปีติสุขเล็กๆ เกิดขึ้นในทันทีที่อ่านจบ เลยอยากจะส่งมอบความสุขที่ได้สัมผัสทางจิตใจนี้แก่ทุกคน
วันนี้อาจพ่ายแพ้แต่ใช่ว่าจะแย่เสมอไป
ในโลกของความจริง
ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีใครแม้สักคนเดียวที่จะรั้งตัวเอง
ให้อยู่บนหอคอยแห่งชัยชนะได้ตลอดเวลา
ทุกอย่างในแง่ของวัตถุ
และเหตุปัจจัยภายนอกที่ได้มา
ไม่มีชัยชนะให้ครอบครองถาวรแต่อย่างใด
ท่ามกลางชีวิตที่ต้องเดินทางไกลอย่างไร้คำตอบ คนเราล้วนมีความหวัง ถึงแม้อาจจะเป็นเพียงความหวังที่คอยปลอบขวัญว่าสักวันความสุขที่ปรารถนาจะเป็นจริง แต่ทุกคนก็ยินดีที่มีฝันเป็นของตัวเอง
แต่ชีวิตก็แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ "สิ่งที่ต้องการมักเดินสวนทางกับความจริงที่กำลังตามหาเสมอ" เพราะหากสังเกตชีวิตของผู้คนที่ขวักไขว่าเพราะการแสวงหา กลับดูประหนึ่งว่าตกอยู่ในฐานะของผู้พ่ายแพ้อยู่ร่ำไป ชีวิตที่ได้มาจึงตกอยู่ในภาวะขอผู้แพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พ่ายแพ้ต่อความไม่แน่นอนจากเป้าหมายที่ต้องการ
พ่ายแพ้ต่อการแสวงหาที่ไม่มีจุดจบ
พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกที่ไม่สามารถเติมเต็มให้กับตัวเองได้
เมื่อมองชีวิตในมิติของความไม่แน่นอน จึงกล่าวได้ว่าท่ามกลางการแสวงหาบนความต้องการที่ไม่รู้จักควบคุม เราคือผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล
แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะได้ และเป็นผู้ชนะอย่างถาวร ถือว่าเป็นการกำชัยชนะให้อยู่ในกำมือของตัวเองไม่ใช่เส้นชัยที่ต้องวิ่งไปหา แต่เป็นเส้นชัยที่เริ่มต้นตั้งแต่จุดสตาร์ท สิ่งนั้นก็คือ "ชัยชนะที่เกิดจากใจของเรา"
ถ้าเรียนรู้ชีวิตนักปราชญ์ของโลก จะเห็นได้ว่าแต่ละท่านล้วนผ่านการเรียนรู้ที่คล้ายว่าจะเป็นผู้แพ้เพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น ทุกการค้นหาต้องลงทุนด้วยคำว่า "แพ้เพื่อชนะ" เสมอ
พระพุทธเจ้าเรียนรู้ที่จะเป็นผู้แพ้ต่อการถูกกล่าวหาว่าไม่รักบ้านเมือง ไม่รักครอบครัว เพราะออกบวชด้วยภาวะที่ไม่ได้รับการยอมรับและเห็นชอบ แต่พระองค์ก็ทำให้รู้ว่า การยอมแพ้บางอย่างเพื่อชนะสิ่งที่ใหญ่กว่า ทำให้เกิดคุณค่ามหาศาลเพียงใด
โทมัส อัลวา เอดิสัน ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่แพ้ เพราะไม่สามารถสร้างหลอดไฟฟ้าให้มีแสงสว่างได้ ทั้งที่ทดลองตั้งหลายร้อยพันครั้ง แต่เอดิสันก็นำคำที่ถูกกล่าวหาว่าแพ้นั้นมาเป็นกำลังใจผลักดันตัวเองให้ก้าวไปสู่ชัยชนะที่ใหญ่กว่า ทำให้โลกรับรู้ในเวลาต่อมาว่า เขาคือผู้ทำให้โลกได้รับแสงสว่างด้วยสิ่งประดิษฐ์ของเขาตราบจนปัจจุบัน
ถ้าหากใครที่คิดว่าชีวิตช่างมีแต่ความพ่ายแพ้ ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตในแต่ละวันและเป้าหมายที่ต้องการ ก็ควรหันกลับมามองเสียใหม่ว่า "เราแพ้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือว่าเราแพ้ใจของตัวเราเอง"
ชอบประโยคนี้จังค่ะ
"เราแพ้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือว่าเราแพ้ใจของตัวเราเอง"
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ถ้าแพ้แม้กระทั่งใจตนเอง อย่าหวังเลยว่าจะชนะใครเค้าได้
พี่เอ๋.. จอยชอบประโยคที่ว่า
...วันนี้อาจพ่ายแพ้แต่ใช่ว่าจะแย่เสมอไป...
ถ้าใจเราเข้มแข็งและพร้อมจะต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก็คงไม่มีใครพ่ายแพ้ทุกวันหรอก ใช่ไหมจ๊ะ