ยังไม่จบ


                  เด็ก ๆ พี่เลี้ยงและครูบางส่วนกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ที่ศูนย์ GTXNAN 2  วันนี้มีครูนาย และครูแต๋ว อยู่ส่วนครูอู๋จำเป็นต้องไปเรียนปริญญาโท สาขาภาษาอังกฤษให้จบตามพันธกิจ

                  การสรุปทำงานเป็นธรรมดา จะต้องมีการสรุปผลงาน ที่ต้องเสนอผู้บริหารโรงเรียน  และในวันที่ 6 พ.ค.มีนัดหมายให้ไปนำเสนอที่ส่วนกลางกันอีก ถือว่าภารกิจยังไม่จบ

                  ได้รับน้ำใจไมตรีจากครูสุเรียนฯ  กัลยาณมิตรและเวียนมาเยี่ยมเยือนศูนย์ฯ แม้ว่าค่ายทำพิธีปิดไป  เนื่องจากทราบมาว่า ครูศูนย์ฯ ภารกิจยังไม่จบ  แล้วที่ต้องทำหนังสือตอบขอบพระคุณหน่วยงาน ผู้มีอุปการะคุณในการจัดค่ายฯ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง 

หมายเลขบันทึก: 93470เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2007 18:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กตามแนวทางโลกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก (พ.ศ.2550 – 2559) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และประกาศใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเด็กของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้จัดทำแผนปฏิบัติการระยะสั้น 3 ปี (2550-2552) ทั้งในระดับแผนบูรณาการระดับชาติและระดับจังหวัด และให้กระทรวงที่รับผิดชอิบสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า นโยบายของรัฐระดับชาติด้านเด็ก รัฐจะต้องรับผิดชอบด้านการจัดบริการต่างๆ ให้ทั่วถึงและมีคุณภาพในทุถกพื้นที่ เพื่อพัฒนาเด็กทุกคนให้มีชีวิตอยู่รอดและมห้เด็กได้พัฒนาตามศักยภาพของตนอย่างรอบด้าน รัฐต้องขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเด็กทุกรูปแบบ และสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันของเด็กทุกคน รัฐต้องยึดถือหลักการโดยคำนึงของประโยชน์สูงสุดของหลักเป็นหลัก รัฐต้องให้ความปกป้องคุ้มครองเด็กทุกกลุ่มเป็นพิเศษ  รัฐต้องเอาใจใส่เด็ก โดยเน้นการป้องกันไม่ให้เด็กมีปัญหา เป็นต้น โดยจะมีคณะอนุกรรมการติดตามงานและประเมินผลใน กยช.  โดยติดตามแผนปฏิบัติการทุก 3 ปีและประเมินผลปลายแผน ซึ่งผลการติดตามดังกล่าวให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ทราบสถานการณ์ด้านเด็กว่าเป็นไปตามผลการดำเนินงานหรือไม่
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางเนตรปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้ยุบเลิกทุนหมุนเวียนเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ.ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยอ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี 17 ต.ค. 2549 ที่ให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ กลับไปทบทวนนโยบายกองทุนเงินให้เปล่า ซึ่งไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแต่อย่างใด ในขณะที่ กรอ.ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ดำเนินการให้กู้ยืมแก่นักศึกษาเฉพาะภาคการศึกษาที่ 2 / 2549 ดังนั้น ในปีการศึกษา 2550 ผู้ที่กู้เงินกรอ.เดิม จำนวน 322,510 คน ทางสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการกู้ยืมเรียบร้อยแล้ว โดยนำไปรวมอยู่ในรายการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ) ตามมติครม.เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2549 ซึ่งให้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา สามารถกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาได้ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อครม.พิจารณาแล้ว กรอ.และกองทุนเงินให้เปล่า จึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินการต่อไป ตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน ครม.จึงได้เห็นชอบให้ยุติการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคตในปีการศึกษา 2550 พร้อมกับให้ยุบเลิก กรอ.และกองทุนเงินให้เปล่า นายเนตรปรียา กล่าวว่า ขณะเดียวกันก็มีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่กู้เงิน กรอ.ซึ่งมีคุณสมบัติตาม กยศ.กรณีเข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็ให้กู้ยืมแบบกยศ.ได้ ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา ค่าครองชีพ ส่วนผู้กู้ยืมเงิน กรอ.ที่ไม่มีคุณสมบัติตาม กยศ.ดังกล่าว ก็เห็นควรให้ดำเนินการช่วยเหลือ โดยสามารถกู้ยืมได้เป็นกรณีพิเศษ โดยยึดหลักเกณฑ์ของ กยศ. มาใช้เป็นการอนุโลมแต่ให้กู้เฉพาะค่าเล่าเรียน จนจบหลักสูตร

ที่สำเนาข่าวมา  เพื่อบอกว่า เรื่องเด็ก ๆ ยังไม่จบ  เรายังค้องขอคิด ยังจำเป็นต้องร่วมมือกันต่อไปครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท