มีน้องเล่าให้ฟังว่า ไปปฏิบัติธรรมที่สระบุรี สวดมนต์ นั่งสมาธิเสร็จลงจากศาลาปรากฏว่า รองเท้าแตะที่ใส่หายไปไหนไม่รู้ บอกหาโดยทั่วก็ไม่เห็น ใจก็กังวล ว่าใครเอาไป คงมีคนยืมไปใส่เดียวคงมาคืน แต่ก็ไม่มีวีแววจะเจอ ก็กังวลพอสมควร ไม่มีสมาธิจะกลับบ้านยังไง จะไปยืมใคร หรือต้องเดินเท้าเปล่านุ่งห่มผ้าขาวกลับบ้าน จึงได้นั่งสมาธิสงบจิตใจที่คิดฟุ้งซาน และจำคำสั่งสอนของหลวงพ่อว่า ยามใดที่เกิดปัญหาให้เปลี่ยนเป็นโอกาส หรือปัญญา จึงคิดได้ว่าแม้แต่รองเท้าแตะ ยังจากเราไป ไม่จากตอนนี้ อีกหน่อยมันก็เก่า พุพัง เราก็ต้องเปลียนคู่ใหม่ มันไม่อยู่กับเราตลอดกาล มันมีความเสือมเป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเช่นนี้ เกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ และก็เสื่อมสลายไปดับไป เช่นเดียวกับอารมย์ ตอนแรกก็กังวลโกรธ พอสักพักก็ไม่โกรธ และมองเป็นเรื่องธรรมดา พอเวลากลับบ้านก่อนขึ้นรถบัส จึงได้ไปเข้าห้องน้ำ จึงได้เห็นรองแตะคู่นั้น อยู่ในสภาพที่เปลื้อนดินมาก จึงนำมาเช็ดถูให้สอาด
กอบัว....
เรื่องรองเท้าหายนี้ เป็นธรรมดา...
บางที ก็มีผู้จงใจที่จะเอาไปคือขโมย...
บางที เค้าก็อาจใส่ไปผิดคู่ โดยไม่เจตนา...
บางที ก็ตั้งใจที่จะยืมใส่สักประเดียวแล้วค่อยเอามาคืน... แต่บางครั้ง เค้าก็ลืมมาคืนที่เดิม ไปจอดไว้ที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็อาจค้นหาได้ไม่ยาก...
ประเด็นหายไป จะได้คืนหรือไม่ได้คืน อาตมาไม่ค่อยกังวลมาก ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา...
ที่ค่อนข้างจะเซ็งสุดๆ ก็คือ มีคนใส่ไปผิดข้างนี้แหละ... เค้าก็จะต้องทิ้งไป ส่วนอาตมาก็ต้องทิ้งไป กล่าวคือ ไม่สำเร็จประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ... แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกัน..
เจริญพร
นี่สิครับคนประพฤติธรรมย่อมเห็นธรรม ผู้ประพฤติธรรมย่อมเห็นเรา พระพุทธองค์ตรัสไว้ครับ
จริง ๆ ครับ เวลาไปวัด บางคนรองเท้าแตะหายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลันเศร้าหมองไปตลอดวัน
แต่บางคนก็ตั้งใจทำชั่วในวัดจริง ๆ นั่นล่ะ
แต่คนที่คิดได้ว่าเป็นสิ่งธรรมดา นี่สิครับยอดธรรม
อ่านแล้วเข้าถึงธรรมจริง ๆ เลยค่ะ แต่ถ้ามีร้านขายรองเท้าอยู่ในวัด หรือใกล้ ๆ วัด ก็ดีนะคะ สงสารคนรองเท้าหาย ถ้าหาไม่เจอคงจะแย่เหมือนกันนะคะ