เส้นทางที่ 2 : คินตามณี-ปุระเตอต้าเอ็มปุล-ปุระกุนุงกาวี –Kecak Dance


เคยดูรายการโทรทัศน์ที่พาไปเที่ยวตลาดอูบูด แหม! ดอกไม้ที่เค้าจัดเพื่อทำบุญช่างสวยงามเหลือเกิน ดูคนบาหลีเป็นคนพิถีพิถัน มีความคิดสร้างสรรค์หรือ Creativity จนต้องไปดูให้เห็นกับตา ถึงแม้วันนี้จะตื่นสายเล็กน้อย...ก็มาพักผ่อนนี่คะ จะรีบเร่งไปไหน เราตัวคนเดียว สบายๆ อยู่แล้ว ตื่นมาก็ไปเดินเล่นที่ตลาดอูบูดเป็นที่แรก เมื่อคืนพักที่ Sania’s House เดินไปนิดเดียวก็ถึงตลาดแล้วค่ะ

แม้จะไม่เช้าตรู่แต่ก็พอเห็นแม่ค้าขายดอกไม้อยู่จำนวนหนึ่ง คาดว่าตอนเช้ามืดน่าจะมากกว่านี้..ที่นี่เค้าชอบทำบุญค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว 20% ของรายได้เชียวนะคะที่เค้าจะนำไปทำบุญและซื้อดอกไม้บูชาทุกวัน ตลาดอูบูดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวที่ชัดเจนมากค่ะ ตอนเช้าจะขายดอกไม้ ผัก ผลไม้ กับข้าวต่างๆ เหมือนตลาดสดทั่วไป สายหน่อยตลาดเริ่มวายก็จะเห็นของระเกะระกะ สกปรกไปหมด โดยเฉพาะโซนที่เป็นลานขายผลไม้ ดูเละเทะมาก อีกสักพักตลาดสดก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นตลาดนัดขายของถูก เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ ถูกวางกองบนผ้าใบขายเลอยู่เต็มลาน ช่วงใกล้ๆ เที่ยงจนถึงเย็นย่ำ ตลาดอูบูดก็กลายเป็นแหล่งขายของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุด มีร้านรวงตั้งอยู่เต็ม จนไม่เหลือเค้าตลาดสดหรือตลาดนัดตอนเช้าสักนิด วงจรเป็นอย่างนี้ทุกวันค่ะ เห็นแล้วอดนึกชื่นชมในใจไม่ได้ ใช้พื้นที่คุ้มค่าจริงๆ อย่างนี้เค้าเรียกว่ามี Productivity ค่ะ

หลายๆ คนไม่นิยมเดินทางเที่ยวประเทศโลกที่สาม แต่ชอบไปแหล่งท่องเที่ยวที่เจริญแล้ว เพราะดูเจริญหูเจริญตามากกว่า ยิ่งถ้ามาเดินที่ตลาดอูบูดตอนเช้าแล้ว คงไม่นิยมเป็นแน่แท้ เพราะแย่กว่าตลาดสดบ้านเราอีกค่ะ อาหารการกินที่เป็นพื้นบ้านจริงๆ ก็ดูแย่ สกปรก และไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย ดูจากในรูปนี้ก็ได้ค่ะ อาหารยอดฮิตคนต่อคิวเป็นวาเชียวนะคะ..ขนาดเป็นคนชอบลอง ไม่ว่าจะลาบ หลู้ ส้า ของป่า ของแปลก ไม่เคยปฏิเสธ...แต่งานนี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ

            สายหน่อยก็ Check-out ออก เตรียมย้ายที่อยู่ใหม่ หลังจากแวะสำรวจมาเมื่อเช้า ฝากของที่ระลึกไว้ด้วยค่ะ (เผื่อเพื่อนคนไทยมาเที่ยวเห็นแล้วจะได้อุ่นใจ เหมือนอยู่บ้าน) เก็บของในที่พักใหม่เรียบร้อย ก็ขับรถไปเที่ยว Tempaksiring วันนี้เป็นวันบุญใหญ่ของเกาะบาหลีค่ะ วัดจึงเต็มหมดทุกที่ ยิ่ง Pura Tirtha Empul ที่คนนิยมไปอาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว คนแน่นไปหมดค่ะ เลยต้องเปลี่ยนโปรแกรมขับต่อไปที่ คินตามณี (Kintamani) ก่อน โชคดีนะคะที่เช่ารถยนต์ขับ ถ้าดันทุรังจะขี่มอเตอร์ไซค์แบบที่นักท่องเที่ยวนิยมแล้ว คงได้เปียกปอนแน่ๆ เพราะเจอฝนตกตลอดทางขึ้นเขา มองแง่ดีก็อากาศเย็นสบายค่ะ ไปถึงจุดชมวิวทันได้ถ่ายรูปนิดหน่อย ฝนก็ปรอยลงมาอีก เลยไปนั่งกินบุฟเฟ่ต์ ชมวิวในมุมที่สวยที่สุด น่าประทับใจมากค่ะ กินข้าวไป นั่งมองทะเลสาบและภูเขาไฟที่เมื่อโดนฝนก็จะยิ่งเห็นควันจากปล่องภูเขาไฟชัดยิ่งขึ้น ฝนปรอยนิดๆ โรแมนติกไม่ใช่เล่น...เฮ้อ! แล้วก็ฝันว่าวันหนึ่งเราจะมีคนมาอยู่เคียงข้างในที่แบบนี้บ้าง...ฮา

            แต่แหม! อารมณ์อย่างนี้นานๆ มันจะผุดขึ้นมาทีค่ะ โชคดีที่ไม่ใช่คนขี้เหงา เรามาหาประสบการณ์ก็เลยต้องเอาให้คุ้มหน่อย เดินทางคนเดียวก็ดีอีกนิด ตรงที่อยากทำอะไร คุยกับใครก็ได้ ไม่ต้องกังวลความรู้สึกของคนที่มาด้วย เลยมีโอกาสได้คุยกับแหม่มออสซี่และลูกๆ อีกสองคน เธอเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขค่ะ มาเที่ยวบาหลีครั้งแรก แต่เคยไปเมืองไทยตั้งสองครั้ง เห็นว่าเธอไม่ได้เอากล้องมา เลยอาสาถ่ายรูปครอบครัวพร้อมกับส่ง e-mail ไปให้ อุตส่าห์มาถึงที่ไม่มีรูปติดไปคงเสียดายแย่ แล้วก็นั่งเล่นหมากรุกไม้แกะสลักกับเด็กๆ ที่ซื้อมาราคา 200,000 IDR  (ราวๆ 800 บาท) สวยนะคะ ราคาก็พอรับได้...แต่ตามอ่านเรื่องหมากรุกไม้ต่อไปนะคะ                        

            เมื่อบรรจุอาหารและความรู้สึกจนเต็มเปี่ยม ฝนก็หยุดพอดี เลยขอตัวลาเพื่อนใหม่ทั้งสามเพื่อเดินทางต่อไป ช่วงแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวอีกครั้ง ก็มีพ่อค้าแม่ขายแวะเข้ามามะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด..แล้วก็ปฏิเสธไปด้วยอัธยาศรัยอันดีงาม ก่อนจะขับรถออกไปมีหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาขายหมากรุกไม้ ราคาเปิดที่ 170,000 ถูกกว่าที่เด็กน้อยซื้อมาอีก ต่อรองกันสักพักได้ที่ 80,000 โอ้โห..เริ่มน่าสนใจขึ้น แต่ก็คิดว่าน่าจะต่อรองได้อีก เลยขับรถออกไปก่อน เดี๋ยวเราจะไปกลับรถเพื่อวนมาอีกครั้ง เมื่อวนกลับมาที่เดิมก็เป็นอย่างที่คาดไว้ คือหนุ่มคนนั้นวิ่งเข้ามาที่รถและลดราคาให้เหลือ 70,000 ได้ทีเราก็เลยเอาใหญ่ ต่อเหลือ 50,000 แบบไม่ใยดี และสุดท้ายก็ได้มาในราคาแค่ 200 บาท เห็นของและฝีมือแล้วนับว่าคุ้มจริงๆ ทุกวันนี้ยังเสียดายอยู่ว่าน่าจะซื้อมาอีกสักสองอัน...ใครต่อรองได้ราคาถูกกว่านี้อย่าลืมมาบอกกันและถ้าขนมาได้ ติดต่อมาเลยนะคะ จะขอซื้อต่อทันทีเลยค่ะ...ถ้าอยากเห็นแวะไปดูรูปได้ที่เรื่อง ของฝากจากบาหลีนะคะ

            ขากลับเจอฝนตกหนักมาก ค่อยๆ ขับรถไปเรื่อยๆ นักเดินทางห่วงชีวิต นักซิ่งอย่างดิฉันห่วงหลงทางค่ะ แล้วฟ้าบาหลีก็เป็นใจให้เสียเหลือเกิน เมื่อไปถึง Pura Tirtha Empul ฝนก็หยุดพอดีอีกแล้ว (สาธุ) คนมาทำบุญเยอะอีกเช่นเคย แต่ปริมาณรถน้อยกว่าเมื่อเช้ามาก ใครชอบดูภาพศิลป์ (ที่ไม่ถึงกับนู้ดนะคะ) ขอให้ไปที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ผุดขึ้นจากใต้ดินเป็นพันปีโดยไม่มีวันหมด ในช่วงเทศกาลค่ะ เพราะชาวบาหลีเค้าถอดเปลี่ยนผ้าลงแช่น้ำกันแบบตากลมห่มฟ้าเลยทีเดียว เห็นศรัทธาของเค้าแล้วก็ชื่นชมค่ะ ขอถ่ายรูปก็ไม่ว่าอะไร เดินอยู่สักพักรู้สึกเกรงใจ เพราะเราแต่งเสียเต็มยศ คนอื่นเค้านุ่งผ้าแค่ผืนเดียว เลยขอตัวลาก่อนดีกว่า

                      

            Pura Gunung Kawi  วัดกุนุงกาวี อยู่ไม่ห่างกันนัก เป็นทางไหลผ่านของน้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน จากที่จอดรถเดินไปไกลพอสมควร ต้องเดินลงเขาด้วย ระหว่างทางเดินก็จะสวนกับคนจำนวนมากที่เดินทางกลับจากการทำบุญ ทุกคนล้วนแต่งกายด้วยชุดสวยงามโดยเฉพาะผู้หญิง ยิ่งเดินขึ้นขามาพร้อมกันถาดผลไม้ที่จัดอย่างสวยงามอลังการทูนมาบนศีรษะด้วยแล้ว เป็นภาพที่ประทับใจยิ่งค่ะ...สาวบาหลีนี่ความสามารถสูงจริงๆ

            เห็นหินผาแกะสลักอันยิ่งใหญ่แล้วก็ต้องทึ่งค่ะ ความอุตสาหะพยายามในการแกะสลักหินเป็นรูปเทพที่นับถือในป่าอันห่างไกลเช่นนี้ ต้องอาศัยทั้งความพยายาม ความอดทน ศรัทธา ฯลฯ เกินจะบรรยายค่ะ ถือว่าชีวิตนี้คุ้มแล้วที่ได้มีโอกาสเห็นศิลปะวัตถุที่บาหลีนี้...(ขอแอบบอกล่วงหน้าว่า ยิ่งไปหลายๆ ที่ก็จะทึ่งมากค่ะ...นับวันจะหลงเสน่ห์บาหลีมากขึ้นทุกวัน)

               

            คืนนี้เรามีนัดไปดู Kecak Dance การแสดงที่ขึ้นชื่อที่สุดของบาหลีค่ะ รีบกลับไปอาบน้ำแต่งชุดสวยไปเที่ยวต่อ...อยู่เมืองไทยไม่ค่อยมีโอกาสแต่งสวย (ที่ก็ไม่เคยมีใครมองว่าสวยสักที) เพราะกว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำ อยู่หน้าคอมกับหนังสือเกือบตลอดเวลา จนใครๆ หาว่าเป็นมนุษย์ถ้ำไปเสียนี่ พอได้ทีเที่ยวก็เตลิดซะจนกู่ไม่กลับไปเสียอย่างนั้น

            เราได้ตั๋วรอบทุ่มครึ่งที่ Pura Dalem Taman kaja เลยอูบูดพาเลซไปนิดเดียว เป็นการแสดง Kecak Fire and Trance Dance

          ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาวบาหลีทุกคนถึงเชียร์ให้ไปดูการแสดงเคจัก แรกๆ ก็นึกขำเมื่อได้ยินเสียงนักแสดงร้อง เคจัก เคจัก เคจัก อยู่ตลอดเวลา ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเรียกการแสดงนี้ว่าเคจัก เรื่องที่ได้ดูเป็นตอนที่นางสีดาถูกลักพาตัว เท่าที่นับๆ ได้ มีคนแสดงทั้งสิ้นประมาณ 112 คน บวกลบจากนี้ไม่มาก คนดู 40 ค่าชมคนละ 50,000 IDR หรือประมาณ 200 บาท/คน รวมทั้งสิ้นก็ 8,000 บาทต่อรอบ ยังไม่ได้หักค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้กับตัวแทนขายตั๋วอีก วันหนึ่งแสดงได้รอบเดียว แถมไม่ได้มีทุกวันอีกต่างหาก ถ้าไม่แยกบทเอกบทรอง และตัวประกอบอีกนับร้อยชีวิต จะได้ค่าตัวคนละไม่ถึง 70 บาทเลย  ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่าสถานที่ ค่าคนดูแลงานภายนอกอีก แล้วจะกินอะไรกันล่ะคะเนี่ย  เห็นการแสดงที่วิจิตรบรรจง หรูเริ่ดอลังการงานสร้าง ทุ่มทุนกันขนาดนี้แล้ว เสียดายแทนค่ะ...กลัวเค้าจะรับรายได้เท่านี้ไม่ไหวและต้องปิดไปในที่สุด รำไทยที่ว่าแน่แล้ว ต้องไปดูที่บาหลีให้เห็นกับตาตัวเองค่ะ

ก่อนจบก็เป็นการแสดง Trance Dance หรือพวกเจ้าเข้าทรงทำนองนั้น เป็นผู้ชายใส่ชุดเหมือนม้าวิ่งเหยียบบนกองไฟ พอเตะจนกระจายหมดสักพัก เจ้าหน้าที่เก็บกวาดก็มาดำเนินการ ไม่ใช่กวาดทิ้งนะคะ แต่กวาดกลับเข้ามาให้เริ่มใหม่อีกรอบ วิ่งเตะไฟแดงๆ อยู่สามรอบ สุดท้ายเค้าก็ช่วยกันจับให้เลิกคึกคะนอง มีพราหมณ์ออกมาทำพิธีพรมน้ำหมดให้ สุดท้ายก็สิ้นฤทธิ์นั่งนิ่งหมดแรงอย่างไม่เหลือเค้าม้าคะนองสักครู่เลย ดูๆ แล้วก็คล้ายๆ บ้านเราค่ะ ไม่สามารถจำแนกแบ่งแยกได้ชัดว่า บาหลีกับไทย ใครจะหลงใหลกับเรื่องเหลือเชื่อมากกว่ากัน

             

สุดท้าย Memory card เต็ม เลยต้องขับรถวนดูร้านอินเตอร์เน็ตและหาที่จอด แล้วก็ได้ที่พำนักเป็นร้านเล็กๆ ที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ราคาอินเตอร์เน็ต 1000 IDR / 7.5 min หรือประมาณ 32 บาท/ชม. แพงกว่าบ้านเราเล็กน้อย แถมยังช้าอีก ค่า write CD ตกแผ่นละ 80 บาท เราเลยย้ายรูปลงใน Trumb drive ถึงจะช้าหน่อย แต่ก็ถูกกว่าเยอะเลย...ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่ง Trip เลย หมดไป 1 GB แล้ว อย่างนี้การ์ดเราจะพอหรือเปล่าเนี่ย....

คำสำคัญ (Tags): #bali#indonesia
หมายเลขบันทึก: 92966เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2007 21:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 20:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

หวัดดีจ้า น้องพอใจ

    อยู่ บาหลี เหรอ....นี่เป็นการพักร้อน หรือไร....

อ่านแล้ว น่าสนุก...เพลินๆ....เที่ยวคนเดียวก็สนุกไปอีกแบบ

ผจญภัยดี พี่หน่อยก็ชอบคะ...

    เคยไปทริปหนึ่ง สมัยโน้น  ที่ ญี่ปุ่น 1 วัน เขาให้เลือก

ไ ปผจญภัย ตามสถานที่ 3-4 ที่

    เพื่อนเขาจับกลุ่มกันไปคะ...แต่เขาชอบ ชอบปิ้งกัน

พี่หน่อยเลยเลือกไปคนเดียว อยากไปดูที่ อูเอโน๊ะ

สวนสัวต์ และพิพิธภัณฑ์สถานโบราณมากกว่า

    ชอบ ทดสอบตัวเองคะ ...

    ดีๆ จะมาอ่านอีกคะ... 

สวัสดีค่ะพี่ดอกแก้ว

มาอ่านตั้งแต่ยังไม่เอารูปขึ้นอีกเหรอคะเนี่ย ดีจังเลยค่ะ

ทริปนี้พักร้อนไปค่ะ ลาสองวันได้หยุดตั้งเจ็ดวัน ไม่มีใครไปด้วย เลยต้องไปคนเดียว...ตื่นเต้นตลอดการเดินทางเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ 

ตามมาอ่านต่อค่ะ น่าสนุกดีนะคะ เขียนอ่านเพลินเชียวค่ะ แล้วจะมาตามอ่านต่อเรื่อย ๆ นะคะ

ไม่อยากบอกเลยว่า เท่าที่อ่านดู อารมณ์ประมาณเดียวกันเลยค่ะ ชอบรูปที่ถ่ายมาค่ะ วิวสวยดีค่ะ

ไม่มีรูป
kook-tip

สวัสดีและขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่านมาตลอด เห็นอย่างนี้แล้วก็ดีใจ กะว่าจะรออีกสัก 2 วันค่อยเขียนต่อ เลยต้องตั้งหน้าตั้งตาเขียนเล่าต่อทันที

ถ้าไปบาหลีต้องเอากล้องดีๆ ไปเลยนะคะ เพราะมีแต่วิวสวยๆ เต็มไปหมด พอใจมัวแต่เที่ยวเลยไม่ได้เก็บเงินซื้อกล้องใหม่ซะที...บอกได้คำเดียวว่าเสียดายค่ะ

ตลาด Ubud จะเป็นอย่างที่พอใจว่าไว้จริงๆ

ผมจะตื่นแต่เช้าจับลูกลงรถเข็นแล้วเข็นไปดูตลาดเค้าทุกวันที่อยู่ที่ Ubud..  ไปดูวิถีชีวิต ไปนั่งถ่ายรูป..

 ที่สำคัญ อาหารพื้นเมืองหลายๆอย่าง คล้ายและเหมือนกับอาหารพิ้นเมืองที่นราธิวาสบ้านผมมากๆ บางอย่างเหมือนทั้งหน้าตาและรสชาติ ทั้งๆที่อาหารเหล่านั้นจะหาไม่ได้ใน Malaysia

ทำให้นึกว่า ในอดีต ชวาและปัตตานีคงจะติดต่อค้าขายกันมาจนถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่กัน แต่ก็แปลก.. ทำไมไม่ผ่าน Melaka เลย.. หรือเป็นเพราะอยู่กันคนละฝั่งคาบสมุทร

 ว่างๆคงต้องนั่งรถตระเวนแถบ Teranganu, Kuantan และ Kelantan ซึ่งเป็นแถบชายฝั่งตะวันออกที่อยู่ถัดมาทางใต้จากปัตตานีบนคาบสมุทรมลายูดูว่า อาหารจะคล้ายๆกับที่พบในบาหลีและนราธิวาสบ้านผมหรือไม่..

เย้! มีคนมาช่วยการันตีข้อมูลแล้ว แถมเพิ่มเติมให้รู้มากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก...อย่างนี้เรียกว่าเข้าถึงของแท้เลยค่ะ

เพิ่งจะทราบว่าเป็นคนนราธิวาส มิน่าหน้าเหมือนคนมาเลย์เลยค่ะ

เคยไปเที่ยวบาหลี 1 สัปดาห์ รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มเลย ไปได้ไม่ทั่วเลย

ตานะลอต ไปปค่ 30 นาทีเอง แต่ก็สวย ประทับใจมาก

คินตามณี ก็ไม่มีไรหรอก เฉยๆ ถ้าพูดภาษาอินโดนีเซียได้ จะเพอร์เฟค เลยนะ

ถ้าจะเที่ยวแต่ละหาดไกลกันรึเปล่าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท