บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร เมื่อพงไพรสอนกนกพงศ์


ชีวิตชนบท น่าอภิรมย์ยิ่งนัก แม้จะโดนเบียดเบียนไปเรื่อยๆ ด้วยทุนนิยมก็ตาม แต่แก่นแท้ของชนบทนั้นน่าหลงไหลอย่างยิ่ง ผมว่าชนบทแบบในเล่มนี้แหละครับ ที่เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียง


เล่มนี้ได้มาจากสัปดาห์หนังสือฯ หลายปีมาแล้ว ยังไม่ได้อ่านเสียที จนครบรอบปีการจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เลยเอามาอ่านเสียหน่อย จริงๆ ในการซื้อครั้งนั้น ได้บันทึกฯ ขบวน ๒ มาด้วย

เล่มนี้เป็นการเขียนลักษณะบทความลงในนิตยสารไรเตอร์เป็นตอนๆ ซึ่งเป็นรูปแบบงานที่เจ้าตัวนักเขียนไม่นิยมเท่าใดนัก เขาเลยเขียนรวดเดียวให้เสร็จ จากนั้นก็เอาเวลาไปทำงาน วรรณกรรม ที่เขามุ่งมั่นจะสร้างผลงานแนวนั้นมากกว่า

บันทึกนี้เป็นช่วงที่นักเขียนเช่าบ้านอยู่ในสวนผลไม้เชิงเขาหลวงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ที่นี้เป็นแหล่งผลิตเรื่องสั้นชุด แผ่นดินอื่น ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลซีไรท์ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙

ลักษณะงานของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ที่สัมผัสได้ คือ ยาวมากในแต่ละเรื่อง
ใช้เวลาอ่านนาน แต่มีความหมายและคุ้มค่าในการอ่านทุกเรื่อง
ตั้งแต่เรื่องแรกที่แสดง ความน่ารักของชาวบ้านที่เข้าใจนิยามของอาชีพนักเขียนต่างๆ กัน เช่น เป็นนักเขียนป้าย
บท โต๊ะทำงาน แสดงให้เห็นความยากลำบากของนักเขียน ด้วยความสามารถในการบรรยายของคุณกนกพงศ์
การวิ่ง ที่สร้างระเบียบวินัยของนักเขียน
บท คืนนั้นจันทร์ฉาย ที่เล่าถึงการเข้าสู่นิพพาน ด้วยการรำมโนห์รา นี่สุดยอด
นอกจากนั้นแสดงความสำคัญ
เห็นด้วยว่าศิลปะขั้นสุดยอดของภาคใต้ คือ มโนห์รา และ หนังตะลุง โดยเฉพาะหนังตะลุงที่เล่นกันทั้งคืน ผมเองดูไม่เคยจบเสียที หลับก่อนทุกที แต่ชอบจะตามพ่อไปนอนหน้าโรงหนังนะ มีความสุขดี ส่วนมโนห์รายังไม่ค่อยได้สัมผัส
บท ผลิตผล ที่บอกแนวคิดชาวสวนในอดีต ชอบตอนท้ายบทที่สะท้อนให้รู้ว่า คนเราที่หวังเอาจากผู้อื่นมาตลอด มักไม่ได้รับ แต่ถ้าคิดจะให้ ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้รับ เหมือนกับแม่เฒ่าผู้เกิดมาเพื่อเผาหลามข้าวเหนียว กับประโยค "ลูกค้าซื้อหาก็ล้วนแต่ลูกๆ หลานๆ คนกันเองในหมู่บ้านทั้งนั้น ไม่รู้จะขายแพงไปทำไม" ทำให้แกไม่ขึ้นราคาข้าวหลามเลย
สุดท้ายงานศพแกมีผู้คนหลั่งไหลเข้าร่วมจนเนืองแน่นออกนอกเขตวัดเลยทีเดียว แค่นี้ก็น่าจะแสดงผลในสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตได้นะครับ

อ่านเล่มนี้บางช่วงนึกถึง มหา'ลัยเหมืองแร่ขึ้นมาในการบรรยายบรรยากาศ คิดเล่นๆ ว่าน่าทำหนังบ้างนะ เล่มนี้

ที่ได้อีกอย่างคือ วรรณกรรมที่ผู้เขียนพูดถึง จะเอามาบอกไว้ท้ายเรื่อง เพื่อจะได้หามาอ่านกันต่อ จดได้หลายเล่มเลยครับ

เล่มนี้มีปรัชญาแฝงอยู่ทั่วไปครับ อีกทั้งบอกเราว่า ชีวิตชนบท น่าอภิรมย์ยิ่งนัก แม้จะโดนเบียดเบียนไปเรื่อยๆ ด้วยทุนนิยมก็ตาม แต่แก่นแท้ของชนบทนั้นน่าหลงไหลอย่างยิ่ง ผมว่าชนบทแบบในเล่มนี้แหละครับ ที่เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียง

ขอคารวะดวงวิญญาน คุณกนกพงศ์ ด้วยความเคารพครับ

เขียนกลอนไว้เล่นๆ ลองอ่านดูครับ

กนกพงศ์จากไปหนึ่งปีแล้ว
ใจเคยแผ้วครั้งทราบข่าวการตายเขา
แม้ไม่ได้เป็นญาติหรือเพื่อนเรา
แต่ผลงานนั้นคอยเล่าเรื่องรู้กัน

ควนขนุน พัทลุง เคยวิ่งเล่น
มาได้เห็นเป็นฉากหลังบางเรื่องสั้น
เหมือนได้พบกับคนคุ้นเคยกัน
มาทราบข่าวตายจากกันแสนเศร้าใจ

ครบหนึ่งปียังมีงานออกมาเรื่อย
ไม่รู้เหนื่อยขยันเขียนทิ้งเอาไว้
ฝากผลงานคนรุ่นหลังไว้อาลัย
เมื่อเขาได้อ่านงานเขียนเรื่องดีๆ

หากวิญญานล่วงรู้รับความได้
ขอทราบไว้งานยังพิมพ์ในปีนี้
ถึงเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี
งานของพี่จะยังคงคู่คนไทย



ผมเขียนถึง คุณกนกพงศ์ไว้อีกฉบับ เอามาฝากครับ

หนึ่งปีกับการจากไปของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

จริงๆ ลืมไปแล้ว จนอ่านวารสารสีสันเล่มล่าสุด ในช่วงแนะนำหนังสือ โดยนักวิจารณ์หนังสือชั้นนำ จรูญพร ปรปักษ์ประลัย ที่มักจะเขียนวิจารณ์มีรายละเอียดมากมายเสมอ (จริงๆ จะบอกว่าเขียนยาว)
ครั้งนี้คุณจรูญพร เปิดการแนะนำเล่ม รอบบ้านทั้งสี่ทิศ ด้วยการนำย้อนไปกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๔๙ ถึงข่าวการจากไปของนักเขียนซีไรต์ปี ๒๕๓๙ ชาวอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จำได้ว่าได้ยินข่าวหลังการตายเขาหนึ่งวัน ครั้งแรกที่ได้ข่าว จุกอกบอกไม่ถูก เหมือนเสียเพื่อนคนสนิทไปหนึ่งคนเลย เที่ยวหาข่าวการตายจาก Internet มาอ่าน วางไว้ในกระทู้ในพันทิพย์ แม้จะล้าหลังไปหนึ่งวัน แต่ขอมีส่วนร่วมรำลึกครับตอนนั้น อ่านเจอว่าภรรยาคุณกนกพงศ์จะตั้งกองทุน ไม่แน่ใจไปถึงไหนแล้ว เราน่าจะช่วยเขาได้ผ่านการซื้อหนังสือเขานะ

เล่มที่คุณจรูญพรแนะนำเป็นรวมเรื่องสั้นของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ที่ออกมาหลังจากเสียชีวิตแล้วคือ รอบบ้านทั้งสี่ทิศ

หนังสือที่ออกมาหลังนักเขียนเสียชีวิตทั้งหมดจะมี กวีนิพนธ์ "ในหุบเขา", รวมเรื่องสั้น "นิทานประเทศ", รวมเรื่องสั้น "รอบบ้านสี่ทิศ", รวมเรื่องสั้นชุดพิเศษ "กวีตาย" และที่กำลังจัดพิมพ์ "คนตัวเล็ก"
ช่วงสัปดาห์หนังสือน่าจะหามาเก็บให้ครบครับ นานๆ เราจะมีนักเขียนชั้นดีประดับวงการ ไม่อ่านวันนี้ เก็บไว้บนชั้นหนังสือ ค่อยเก็บมาอ่านก็ยังไม่สาย เอาไว้ให้ลูกหลานอ่านก็ได้ เป็นการช่วยคนข้างหลังทำกิจกรรมต่อไปได้

จำได้ว่าอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของกนกพงศ์แล้วคุ้นเคยเพราะมีฉากแถวๆ บ้านพิกุลทอง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นฉากหลัง ลุงผมอยู่ที่นั่น เคยไปเล่นอยู่แถวนั้นเลยคุ้นเคย เหมือนเจอเพื่อนมาเล่าเรื่องคนแถวบ้านให้ฟัง ชอบครับ
กนกพงศ์มักเขียนเรื่องสั้นขนาดยาว รายละเอียดเยอะ แต่หากตั้งใจอ่านจะได้อะไรเยอะ จนบางคนบอกเครียดเกินไปที่จะอ่านเรื่องของเขา
จริงๆ แล้วเรื่องที่กนกพงศ์เขียนก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่ด้านสดใสนัก คนเราไม่ยอมรับความจริง หรือไม่ชอบด้านหม่น ปัญหาหลายเรื่องเลยไม่ได้รับการแก้ไข เพราะเราไม่อยากที่จะมอง เลยไม่ได้แก้ปัญหา หรือเตรียมตัวรับมือ


ไม่มีอะไรมาก แค่อยากรำลึกถึงนักเขียนชั้นดี ที่จากครบหนึ่งปีแล้ว เขาจากไปไวเกิน และอยากให้ทุกคนหาหนังสือเขามาเก็บไว้ครับ สำหรับผมไม่น่าพลาด
แม้ปีนี้ตั้งเป้าไม่ซื้อหนังสือ หากเคลียร์ของที่ซื้อมาไม่หมด กำลังหาทางซื้อโดยยังรักษาสัญญาอยู่ครับ

รักกันมากๆ นะครับ ชีวิตนี้ไม่ได้ยาวมากนัก

คำสำคัญ (Tags): #หนังสือ
หมายเลขบันทึก: 92712เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2007 19:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 12:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

เท่าที่อ่านดู แสดงว่าเป็นแฟนของคุณกนกพงศ์ตัวจริงเลยนะคะ มีเขียนกลอนให้ด้วย เป็นนักเขียนก็ดีอย่าง แม้ตัวจะไม่อยู่ ก็ยังมีผลงานให้คนกลับไปศึกษาและกล่าวขานถึง รำลึกถึงได้นะคะ

พี่ส้มครับ

พอดีคุณกนกพงศ์เขามีพื้นเพใกล้บ้านผม เวลาอ่านงานเขาแล้วใกล้ตัวดีครับ เลยชอบน่ะครับ

กว่าคุณกนกพงศ์จะมีงานเขียนแบบนี้ ผ่านการกรำมาอย่างหนักเลยครับ

ลองดูที่นี่ดูครับ http://www.bookgang.net/writer/kanokpong/?PHPSESSID=3310f3562ef0cf4795eca017e83a3a53

วันนี้พี่ไปเรียน เรื่อง อยากเป็นนักเขียนเป็นวันแรก อ.แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ พี่ไม่เคยอ่านงานของคุณกนกพงศ์ เลย เชยไหมนี่ เลยกลับเข้ามาดู blog ของปรีดิ์แล้วก็ไม่ผิดหวัง พี่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่นี่ จึงกลับมาอ่าน จะลองไปหาซื้อดู ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังมีขายอยู่หรือเปล่าคะ

พี่ส้มครับ

ลองอ่านดูนะครับ

หากหาไม่ได้บอกมานะครับ จะส่งไปให้ยืม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท