ธุรกิจกิจธุระ


เรามาเปลี่ยนทุนนิยมให้กลายเป็นบุญนิยมกันดีกว่า

 

NEC: New Entrepreneurs Creation     โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่(NEC)เป็นโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ปี ๒๕๔๐ เพราะเพิ่งจะเห็นความสำคัญว่า ๙๙.๗% ของธุรกิจทั้งหมดภายในประเทศเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยก่อนหน้านั้นจะมุ่งแน้นส่งเสริมเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีจำนวนเพียง ๐.๐๓% เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า "โง่ก่อนแล้วค่อยฉลาด" 

 

   NEC เป็นโครงการที่ดูแลโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(อุตส่าห์หากรรม)ที่มีแม่งานใหญ่คือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ปัจจุบันมีเครือข่ายดำเนินงานเป็นมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจัดตั้ง"ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ"กระจายอยู่ทั่วภูมิภาค มีการดำเนินงานเชิงรุกไปจนถึงระดับรากหญ้า ที่เรียกว่า "โครงการสร้างเสริมผู้ประกอบการ SMEs รุ่นเยาว์"(ระดับมัธยม)ปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ให้สามารถเขียนแผนธุรกิจเป็น และมีการทำธุรกิจจำลอง  แต่.....มีบางอย่างที่สำคัญอย่างมาก ขาดหายไปในกระบวนการนี้ซึ่งก็คือ การปลูกฝังคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ 

.

 

.

 เมื่อขึ้นชื่อว่าธุรกิจ.....ก็ต้องมีกำไรขาดทุน การห้ำหั่นเชือดเฉือนจึงเกิดขึ้นเพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งเน้นกำไร และเงินตรา เมื่อสนามรบมาอยู่บนสนามการค้า ทะเลที่ว่ากว้างใหญ่และมีรสเค็ม ยังกลายเป็นสีเลือด การตลาดเชิงกลยุทธ์ที่คิดโดยฝรั่ง แบบ Blue Ocean จึงเกิดขึ้น (ตลาดใหม่ๆลูกค้าใหม่ๆ กลยุทธ์ใหม่ๆ)แต่ไม่นาน....ทะเลสีครามก็จะค่อยๆกลายเป็นสีเลือดในที่สุด

    ธุรกิจที่มุ่งผลกำไร(เรียกหรู ๆว่า ความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุด) ตำรากลยุทธ์พิชิตสงคราม จึงถูกงัดมาใช้ทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้กระทั่ง วิชามาร ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า มอเตอร์โชว์ หากพลิกตำราธุรกิจเป็นต้นว่า ลูกค้าคือใคร? มีรูปแบบการใช้ชีวิตหรือlife stlye แบบไหนจึงซื้อรถสปอร์ต คำตอบก็คือ คนมีรายได้สูง,เพศชาย,ไฮโซ ,ชอบความตื่นเต้น วิชามารที่จะมาเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า life stlye(สันดาร)แบบนี้ก็คือ ผู้หญิงสวยๆแต่งตัวดึงดูดเสือป่า เดี่ยวนี้เราจึงเห็นพริตตี้,โคโยตี้ ไปทุกที่ที่มีงาน งานไหนไม่มี ต้องบอกว่าเชย

    ในวงการโฆษณา เมื่อรู้ว่า คนเราสมัยนี้ติดอยู่กับเปลือก ชอบการหลอกลวง โฆษณาจึงออกมาสารพัดเปลือก สารพัดเพ็คเกจจิ้งให้คนเสพกัน  หลอกกันเวลาช่วงโฆษณาไม่พอ ป้ายโฆษณายังตามมาหลอกหลอนในช่วงรายการปกติอีก  หากไปถามคนผลิตโฆษณา เขาคงจะบอกว่า อยาก -*-.ให้หลอกกันทำไม

.

 

. 

 

.

ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเตอร์เนต วงการบันเทิง มักจะมีภาพสวยๆงามๆอยู่ที่หน้าแรก ขอบของความพอดีพองาม และศิลปะมันหดสั้นลงไปทุกทีๆ (Sex marketing)

    ยิ่งดารานักร้อง นักแสดงแล้วยิ่งเสริมแรงกรรมได้มากมาย ถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่า มีเปรตบนดินกำลังเดินเพ่นพ่านอยู่ เวลามีเวทีคอนเสริต จากดาราดังๆ ถ้ายิ่งมาจากทางญี่ปุ่น,เกาหลีหรือประเทศแถบยุโรป แล้วละก็ ฝูงเปรตจะแห่กันไปต้อนรับ ชนิดที่ว่าจะเหยียบกันตาย ฟูงเปรตพวกนี้จะกรีดร้องอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวออกมาว่า กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!.....-*-.

 นอกจากฝูงเปรตแล้วยังมีสัตว์นรก ที่โดนไฟร้อนๆของกระทะทองแดงเผาเอา สัตว์นรกเหล่านี้จะดิ้นพล่านทุรนทุรายอย่างสุดแรงเกิด ดิ้นกระจายฝุ่นตลบ โยกหัว โยกคอกันแทบหัวหลุด กลิ่นเหงื่อคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน ถ้ามีเสียงระเบิดเสียงปืนจากสัตว์นรกที่กำลังกัดกัน หรือได้ยินเสียงตะโกนบอกว่ามีไฟไหม้ จะจริงหรือไม่จริงก็ตาม ก็จะเกิดโศกนาฎกรรมหมู่จากการเหยียบกันตายเกิดขึ้น ทีนี้หละจะได้ไปลงกระทะทองแดงของจริงกัน บางคนบ้าหนักถึงขนาดฆ่าตัวตายตามดารานักร้อง ขนาดยังไม่ตายพวกดารานักแสดงพวกนี้ยังมีเปรตสาวกมากมายขนาดนี้ หากตายไปแล้วไม่อยากคิดเลยว่าจะไปเป็นอะไร 

.

สมัยก่อนอาชีพดารานักแสดงเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน แต่เดี่ยวนี้กลับกลายเป็นน่าเอาแแบบอย่าง  ถ้าสังเกตุดีๆเราจะพบว่า เพลงพวกรักๆใคร่ จะวนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ แอบรักเขา เขาไม่รัก รักแฟนชาวบ้าน รักสามเศร้า อกหัก รักเขาข้างเดียว(ควายมีสองเขา)ฟังแล้วเกิดอาการหลงไปตามอำนาจเพลง ถ้าอกหักมาใหม่ๆ ฟังแล้งอาจจะอยากฆ่าตัวตาย ยิ่งชมMVแล้วยิ่งheartจัด ถ้ายังไม่รัก แค่กิ๊กๆกัน ฟังแล้วอาจปรุงแต่งให้เคลิบเคลิ้มกลายเป็นรักแบบคนตาบอดได้  ปิดหูปิดตากรอกหูเด็กและเยาวชนกันเข้าไป หลงกันเข้าไปกำไรเข้า R.......เกรม....... เพลงตลาด

สื่อลามก CDโป้ คลิปมือถือ หาง่ายยิ่งกว่าหาซื้อขนมที่ร้านเซเว่น ผลก็คือ ลูกๆหลานๆของเราทั้งนั้นแหละที่ต้องชดใช้กรรม ต้องโดนข่มขืน กรรมมันวนเวียนแสดงผลของมันอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหนไกลหรอก

เมื่อเด็กและเยาวชนหลอกง่าย ผลการวิจัยตลาดพบว่า เงินออกจากกระเป๋าผู้ปกครองเพราะเด็กได้ง่ายที่สุด ผู้ประกอบการจึงตั้งเป้าหมายมาที่เด็ก ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล้าเบียร์ ต่างจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเด็กและเยาวชน ยังกะแย่งชิ้นปลามัน เด็กอายุ ๑๕ปีขึ้นไปดื่มเหล้าเพิ่มขึ้นถึง ๑๕.๓ ล้านคน มากกว่า ๑ ใน ๓ ของคนในกลุ่มนี้

.

.

วงการบัตรเครดิต คงไม่แปลกใจใช่ไหมว่าทำไมคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต จึงยังสามารถทำบัตรเครดิตกันคนละสิบกว่าใบ หมุนไปหมุนมาก็เป็นหนี้มันทุกธนาคาร การเชื่อมโยงข้อมูลของธนาคารไงละ ทั้งๆที่รู้ว่าคนๆนี้กำลังเป็นหนี้ แต่ก็ยังไปเพิ่มหนี้ เพิ่มจำนวนบัตรเครดิตเข้าไปอีก       

อำนาจ ชื่อเสียง และผลประโยชน์มักจะมาพร้อมกัน (นิยามของคำว่า"การเมือง")นักธุรกิจจึงนิยมมาเล่นการเมือง จากนั้นก็ใช้ความรู้ทางธุรกิจกับการเมือง ทำการตลาดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม สารพัดประชานิยม "กินแบบเหนือเมฆ" กลายเป็นการเมืองแบบสร้างภาพชนิดที่ตีบทแตก ถ้ามีการมอบรางวัลก็คงมอบตุ๊กตาทอง หรือรางวัลออสก้าให้แล้วละ 

.

.

ทุกวงการโดนครอบงำโดยธุรกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการศาสนา มีบางสำนักถึงกับออกมาประกาศว่า ทำบุญโดยการอัดธรรมกายจะได้ขึ้นสวรรค์ เปิดรับสมาชิกแบบขายตรง จากนั้นก็นำเงินจำนวนนั้นไปซื้อหุ้น กลายเป็นหุ้นได้ขึ้นสวรรค์เสียนี่ การนำเงินทำบุญไปซื้อหุ้นนั้นไม่ผิด แต่ผิดตรงที่ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการนำเงินจำนวนนั้นไปใช้ในเบื้องต้น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหลอกลวง ไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหม ถ้ามีข่าวยิงกัน ฆ่ากันในวัดเนื่องจากการขัดผลประโยชน์

 

    เวลาทำบุญ ก็มักมีการจารึกชื่อไว้ตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งมีการประกาศชื่อและจำนวนเงินที่ทำด้วยแล้วละก็ โยมก็ได้บุญหน้าบานกลับบ้านไป "รื้อเสาบ้านมาสร้างโบสถ์" การสร้างสิ่งวิจิตงดงามบำรุงวัดวาอารามเป็นสิ่งดี แต่จะไม่ดีถ้ามันเกินคำว่า"พอดี" ซึ่งเป็นการไม่เดินทางสายกลาง(ไม่พอเพียง) หากเราอ่านในพระบาลี จะพบว่าพระพุทธองค์สั่งสอนว่า ตราบใดที่พระหรือนักปฏิบัติยังมีความยินดีในเสนาสนะป่า พระพุทธศาสนาจะไม่เสื่อมสลายหายจากโลกตราบนั้น ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาจึงไม่ได้อยู่ที่ความใหญ่โตหรือความสวยงามเทียบสวรรค์ชั้นฟ้า ของวัดวาอาราม

     ไม่ว่าธุรกิจแบบไหน ก็มุ่งตอบสนองต่อกิเลสตัณหาในใจคนอย่างสูงสุด (ความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุด)ยิ่งยั่วกิเลส กระตุ้นให้เกิดความอยากมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นกำไรมากเท่านั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งความโลภอยากได้บุญ อยากได้ของขลัง อยากได้ขึ้นสวรรค์ของคน ฯลฯ....เอาเป็นว่า เขียนมากไปกว่านี้ นรกจะกินกบาลแบบเห็นผลทันตาไปเสียก่อน  -*-.

. 

    

I'AM DEVIL                 

    เป็นไปได้ไหม...ที่จะมีคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ? เรามาเปลี่ยนธุรกิจเป็นกิจธุระกันดีกว่า คงไม่ต้องรอให้วิกฤตคุณธรรมกลายเป็นวิกฤโลกหรอกนะ         

      

หมายเลขบันทึก: 90857เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2007 23:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 21:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท