รายงานการประชุมคณะกรรมการบริหาร
จุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนฅนด่านซ้าย
ครั้งที่ 2/2549 วันที่ 31 มกราคม 2549
ณ อาคารจุดปฏิบัติเรียนรู้วิทยุชุมชนฅนด่านซ้าย
บริเวณลานพระพุทธบาทจำลอง วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย จ.เลย
....................
ผู้เข้าร่วมประชุม
1.นายชยุต ไชยทิพย์
2.นายเดชา สายบุญตั้ง
3.นายสุคง พันธ์โสดา
4.นายทรงจิต เนตรผง
5.นายนิพนธ์ เนตรผง
6.นายฮับหุ่ง สิงห์สถิตย์
7.นางสาวเกศแก้ว ไชยศรี
8.นายวีรชัย ฉิมงาม
9.ด.ต.วิชิต ประกิระตา
10.อาจารย์สมภาร จุลวิถี
วาระที่ 1 แจ้งเพื่อทราบ
-กิจกรรมส่วนย่อย ในการจัดงานปิดรอยพระพุทธบาทจำลอง ให้วิทยุชุมชนรับผิดชอบดังนี้ รำวงชาวบ้าน,ประกวดร้องเพลง โดย อบต.ด่านซ้ายสมทบงบประมาณ จำนวนเงิน 20,000 บาท
รายงานสรุปบัญชี รับ-จ่าย
-รายรับ 16,830 บาท
-รายจ่าย 14,824 บาท
คงเหลือ 136 บาท
เจ้าหนี้
-ร้านเก่งวัสดุ2 5,703 บาท
-ร้านกรุงเทพมือถือ 3,000 บาท
-ร้านสุรินทร์ 6,000 บาท
วาระที่ 2 เพื่อพิจารณา
-การย้ายห้องเรียนห้องเล่นตาโขนมาอยู่ที่วิทยุชุมชน ความคิดเห็นของคณะกรรมการ มีความเห็นชอบ ให้ย้ายห้องเรียนห้องเล่นตาโขนมาที่วิทยุชุมชน เสนอให้เภสัชอ๋อย เขียนแนวทางการทำงานของห้องเรียนห้องเล่นตาโขน และนำเสนอแนวทางให้เจ้าอาวาสวัดโพนชัย เพื่อพิจารณาขออนุญาตใช้สถานที่ ให้ทางเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดเห็นชอบแล้วค่อยดำเนินการต่อไป
บริหารงบประมาณ 20,000 บาท เพื่อจัดงานปิดรอยพระพุทธบาทจำลองเพื่อส่งเสริมประเพณี มีกิจกรรมดังนี้
1.การประกวดร้องเพลง
2.รำวงชาวบ้าน
เสนอเพิ่มเติม
1.ประกวดเครื่องจักสาน
2.ประกวดร้องสรภัญญะ
3.ประกวดการแสดงรำเซิ้ง
ปิดประชุมเวลา 21.00 น.
เกศแก้ว ไชยศรี
(นางสาวเกศแก้ว ไชยศรี)
ผู้บันทึกการประชุม
...............................................
ห้องเรียนห้องเล่นตาโขน
เภสัชดาริน จึงพัฒนาวดีและเพื่อนได้ร่วมกันจัดตั้งห้องเรียนห้องเล่นตาโขน โดยมีวัตถุประสงค์ที่อยากจะให้เด็กๆ ในอำเภอด่านซ้ายได้ใช้เวลาว่างในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการอ่านหนังสือ ทำกิจกรรมพิเศษ เช่น วาดรูป ระบายสีตุ๊กตาปูนพาสเตอร์ ฯลฯ ซึ่งในช่วงที่เริ่มต้นครั้งแรก มีการร่วมกันบริจาคจากเพื่อนๆและผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินและหนังสือ ของเล่นต่างๆ และได้เช่าบ้านที่อยู่ใกล้ๆกับวัดโพนชัยเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและจัดเก็บสิ่งของ
กิจกรรมในช่วงแรกดำเนินไปได้ด้วยดี มีเด็กๆ และผู้ปกครองให้ความใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากกิจกรรมที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และอาสาสมัครที่ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแล มีภาระงานที่มากขึ้นไม่สามารถช่วยกันมาดูแลได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็กๆ เริ่มมาทำกิจกรรมที่ห้องเรียนห้องเล่นตาโขนน้อยลง
ทางคณะกรรมการวิทยุชุมชนได้ร่วมกันปรึกษาหารือ และเห็นว่ากิจกรรมของวิทยุชุมชนเองและห้องเรียนห้องเล่นตาโขนเป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์โดยที่ไม่หวังผลกำไร อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่ห้องเรียนห้องเล่นตาโขนต้องจ่ายเป็นค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาทนั้น เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมาก คณะกรรมการจึงได้ร่วมกันเชิญชวนให้ทางเภสัชอ๋อย ได้เข้ามาร่วมกันโดยใช้พื้นที่อีกด้านหนึ่งของวิทยุชุมชนเป็นพื้นที่ทำการของห้องเรียนห้องเล่นตาโขน...
ทางเภสัชอ๋อยเอง ได้มีแนวทางที่จะพัฒนาสนามบริเวณหน้าอาคารของวิทยุชุมชนเป็นสนามเด็กเล่นอีกด้วย..
ไม่มีความเห็น