โครงการฝ่าวิกฤติพิชิตพุง ตอนที่ 3

รุ้หรือเปล่าว่าการดัดขนตาให้งอนอยู่นานโดยไม่ใช้มาสคาราเลยทำอย่างไร และการพอกหน้าด้วยวิธีธรรมชาติทำให้หน้านุ่มลดความมันในคนหน้ามัน หน้าชุ่มชื่นขึ้นในคนหน้าแห้ง

โครงการฝ่าวิกฤติพิชิตพุง ตอนที่ 3 (วันที่ 2 ของการเข้าคอร์ส)

เช้าวันนี้เราตื่นช้าไป 15 นาที น้องตู่มาเคาะประตูห้อง สดุ้งตื่น แล้วรีบออกไปหาสมาชิกยังที่นัดหมาย ก็พบว่ามีคนมารอแล้วหลายคน เมื่อคืน ทำAAR กับพี่ปอย เลยนอนดึก (ปกตินอน ไม่เกิน 3 ทุ่ม แต่วันนั้นนอนเกือบเที่ยงคืน และตามหมอนวดมานวดตัวให้อีก 2 ช.ม นวดแผนไทย คนนวดเป็นผู้หญิง อายุ 60 ปี มือแข็งแรงน่าดูเลย นวดหนักนะ เราร้องเป็นช่วงๆ ว่าเบาๆหน่อยจ้ะป้า แกก็ไม่ค่อยจะเบาลงเท่าไรนัก ก็ได้คุยกับแกว่าดูหน้าตาเหมือนเป็นเบาหวานกับความดัน เพราะตาแกตรงหนังตาบวม แกก็บอกว่าใช่ เป็นมา 2 ปีแล้ว ตอนแรกไม่รู้ตัว ว่าเป็น มาวันหนึ่งมีอาการเพลียๆเหนื่อย ๆ เลยไปหาหมอ ก็เจาะเลือด เลยรู้ว่าเป็นทั้งเบาหวานน้ำตาล 200กว่า ทั้งความดันโลหิตสูง พอถามแกว่าคิดว่าเป็นโรคนี้ได้อย่างไร แกก็บอกว่าเป็นคนกินข้าวเยอะ แล้วก็อ้วนขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หมอบอกว่าให้กินข้าวน้อยๆ ก็พยายามทำ ช่วงตรุษจีนกินขนมเทียนกับขนมเข่ง น้ำหนักขึ้น น้ำตาลก็เลยขึ้นด้วย หมอเลยด๊าเอา ) คนสุพรรณพูดเนอๆ ต้องฟังดีๆ บางประโยคเราต้องถามแกซ้ำว่าหมายถึงอะไร เช่น ปกติป้านวดเป็นอาชีพหรือเปล่า แกบอกว่าแกทำประจำคือนวดอยู่ที่ อบต. แล้วมารับนวดนอกเวลาที่รีสอร์ทนี้เพิ่ม แฟนป้ารับจ้างทั่วไป ก็เก็บแห๊ว (พูดเนอๆ) เรายังไม่เข้าใจเลย คิดว่าเป็นเก็บหอย แต่ป้าแกบอกว่าเป็นสมหวัง ไง เราขำไม่หายไปแปลความหมายผิด เล่ามาไกล ขอย้อนกลับไป หลังจากลุกจากที่นอนมารวมตัวกันที่ลานหน้าล็อบบี้ (ริมแม่น้ำท่าจีน) มายืดเหยียดกล้ามเนื้อโดยการนำของอาจารย์บุณยพร ซึ่งได้นำการออกกำลังกายในเรื่องโยคะ ในตอนบ่ายๆของวันนี้อีกหลังจากยืดเหยียดเสร็จเราก็ได้แบ่งกลุ่มออกเป็น2กลุ่มคือกลุ่มที่มีการเต้นของชีพจรเกิน80ครั้งต่อนาที อีกกลุ่มคือคนที่มีการเต้นของชีพจรต่ำกว่า 80 ครั้งต่อนาที ใช้วิธีเดินวนขวากลุ่มหนึ่ง วนซ้ายอีกกลุ่มหนึ่ง โดยกลุ่มที่ชีพจรเต้นเกิน80ครั้ง ต้องใช้วิธีเดินก้าวยาวๆพร้อมแกว่งมือ แล้วสูดหายใจเข้าออกยาวๆ (กะคร่าวๆรอบหนึ่งราวๆ 1 กิโลได้) เดิน 3 รอบ จากนั้นก็ยืดเยียดกล้ามเนื้อกันสักประมาณ 5 นาที จากนั้นก็ร่วมใจใส่บาตร โดยพระท่านนั่งเรือหางยาวมารับบิณฑบาตร ได้ทั้งสุขภาพกายดีแถมใจสงบ อีกด้วยแหละ จากนั้นทุกคนก็ไปทานข้าวและอาบน้ำเตรียมพร้อมเข้าห้องประชุม กันต่อ เวลา 08.30 น. ภาพการจดบันทึกเรื่องเล่าในกลุ่ม และอีกท่าที่ช่วยเขย่าพุง เช้าของวันนี้ ในห้องประชุม เราขอใหห้จัดโต๊ะนั่งรวมกันเป็นกลุ่มๆ รูปตัวยู หันหน้ามาด้านหน้า ก่อนทำกลุ่มเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกลุ่ม เราก็จัดการกระตุ้นให้ทุกคนสดชื่นขึ้นโดยการใช้ การร้องเพลง เมื่อแมงกัดแขน เมื่อแมงกัดขา (เนื่องจากที่นี่มีแมลงเยอะในตอนกลางคืน) ขอยืมเพลงที่พี่อ้วนใช้ตอนเริ่มทำกลุ่มที่ ร.ร ผู้ฝูงมาใช้ แต่มาขอเปลี่ยนเล็กน้อยจากยุงเป็นแมง ก็สนุกสนานกันไป ใช้เวลา 15 นาที ก็ให้กลุ่มพูดคุยกันในประเด็นหัวปลาคือ “ความสำเร็จหรือความพยายามในการดูแลสุขภาพตัวเอง” แต่การที่จะเล่าเรื่องได้อย่างเห็นภาพได้คงต้องใช้วิธีลองเล่าตัวอย่างการเล่าที่เห็นภาพก่อน โดยให้พี่ปอยเล่าเรื่องตัวเอง แล้วเราเป็นผู้ซักถาม HOW TO เราให้เวลาการเล่า 1 ช.ม แต่มีบางกลุ่มยังได้เล่ากันไม่ครบ เลยต่อเวลาไปอีกสัก 15 นาที จากนั้นจึงให้กลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอเรื่องเล่าของสมาชิกในกลุ่มให้กลุ่มอื่นๆได้รู้ด้วย เชื่อมั้ยว่า การส่งตัวแทนตอนแรกๆ หัวหน้ากลุ่มจะบอกว่ากลุ่มนี้ไม่มีใครพูดเก่งเลย เราเลยแนะว่า ให้ลองขออาสาสมัครดู เป็นไปได้อยากให้เด็กๆเขามีบทบาทเข้ามา แล้วก็พบว่า น้องๆที่มานำเสนอนั้น ซึ่งเป็นน้องผู้ช่วย เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เหล่านี้ เขานำเสนอได้ดี เกินคาด ศักยภาพของทุกคนมี ถ้าเราให้โอกาสคน และสนับสนุน เครื่องมือของ KM เป็นสิ่งที่นำไปปรับใช้ได้ทุกบริบท ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นจะหยิบมาหรือไม่ ในเช้าวันนั้นทุกคนสนุกสนานกับการนำเสนอเรื่องของแต่ละกลุ่ม ที่มีทั้งความสำเร็จมาแล้วจากการดูแลสุขภาพ จนทำให้หลายๆคน มีกำลังใจที่จะทำให้ตัวเองสุขภาพดีขึ้นมาบ้าง และได้รู้ว่าอีกหลายๆคนได้มีความพยายามอยู่เหมือนกันในการที่จะเริ่มมาดูแลสุขภาพตัวเอง ก็หมดเวลาในช่วงเช้า ในช่วงบ่าย เราได้ขอให้แต่ละกลุ่มไปช่วยกันคิดวางแผนต่อ(โดยนำไปคิดกันช่วงกลางคืน) ว่าหลังจากกลับไปนี้ กลุ่มจะมีแผนปฏิบัติอย่างไรบ้างและต้องการให้คณะกรรมการกลางสนับสนุนในเรื่องใด และจะนำเสนอในเช้าวันพรุ่งนี้เมื่ออาหารเริ่มย่อยบ้างแล้ว เราก็เริ่ม โยคะกันในเช้านั้นเลย โดยอาจารย์บุณยพร นำฝึก หลายๆคนที่อ้วนมากจะทำยาก ก็เลยไม่ค่อยชอบ (จากการประเมินผล) แต่อีกหลายๆคนบอกว่า สอนเป็นเสต็ปดี ทำได้ง่าย เหมาะกับคนที่เริ่มต้นทำ ก็นาๆจิต กันไป แต่ก็เป็นแนวทางให้คนได้เลือกวิธีออกกำลังกาย ที่หลากหลาย ให้เหมาะสมกับตัวเองและความชอบ หลังช่วงเบรกบ่าย ก็มีการแนะนำเคล็ดลับความงามต่อ เช่น กินเมล็ดแงลักชงใส่น้ำดื่มก่อนกินอาหาร จะทำให้เรากินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว การดัดขนตา ให้ใช้ไดร์เป่าผม เป่าตรงที่ดัดขนตาก่อน พอมันร้อน ก็นำมาดัดขนตา จะทำให้งอนอยู่ได้เองโดยไม่ต้องใช้มาคคารา เลยแหละ เราทดลองทำในวันรุ่งขึ้น แล้วก็เป็นเช่นที่กล่าวจริงๆ(อ. บอกว่า รู้มาจากกระเทยที่แต่งหน้าบอก) และอีกอย่างคือเรื่องการทำไฮไลท์ผม ให้ใช้ผงฮาน่า ซึ่งเป็นสมุนไพร มาผสมกับกาแฟ หมักใส่ผม ถ้าต้องเน้นเป็นส่วนที่ให้ติดสี ก็ใช้ผงนี้ที่ผสมกาแฟแล้ว ป้ายเฉพาะส่วนที่ต้องการ หมักทิ้งไว้ประมาณ 5 ช.ม ลองดูผมอาจารย์ สีสันสวยงามตามแบบฮาน่าเลยแหละ หลังจากนั้นก็ให้คนที่ต้องการจะสปาหน้าด้วยกรรมวิธี สวยแบบธรรมชาติ มาพอกหน้าด้วยกล้วยไข่ สำหรับคนหน้ามัน และหน้าแห้งก็ใช้กล้วยน้ำว้าพอก ถ้าผสมน้ำผึ้งกับมะนาว จะดีมาก หลังทำเสร้จ ทุกคนบอกว่าหน้าตัวเองนุ่มนิ่มขึ้นมา พอใจกันไปทั่วๆ เราแยกย้ายกันจากห้องประชุม 17.00 น. นัดแนะกันไปกราบรอยพระพุทธบาท ที่วัดซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม โดยต้องนั่งเรือไป ข้ามแม้น้ำท่าจีน คนละ 5 บาท และมาเจอกันอีกครั้งอาหารเย็น 18.00 น. ซึ่งคืนนี้เราจะมีคาราโอเกะ และลีลาศ จัดให้ด้วย เด็กๆสนุกกันสุดๆ ร้องเพลง เต้นรำ ออกกำลังกาย จนถึงเกือบเที่ยงคืน จึงยุติลง เราเองอยู่ไม่ไหว แอบหนีกลับที่พักตอน21.00 น. ก็หมดไปอีกวันแล้ว เป็นวันที่2 ของการเข้าคอร์ส ติดตามตอนต่อไป นะคะ คือวันที่สามของการเข้าคอร์ส