กลับจากที่ทำงาน หลายคนเหน็ดเหนื่อยเมื้อยล้าเหลือคณาจนอยากจะนอนหลับไปเลย แต่สำหรับคนที่มีลูกวัยกำลังเล่น 1-6 ขวบ ผมไม่อยากให้ลืมการเล่นกับลูกครับ เพราะมันสำคัญมาก ถ้าตอนเล็ก พ่อไม่หยอกล้อกับลูกเลย อยากหวังเลยครับว่าโตขึ้นเขาจะกล้าคุยปรึกษาหารืออะไรๆ กับคุณ
ตอนผมเด็กๆ ผมจำได้ว่า ถึงแม้พ่อจะดุเป็นบางเวลา แต่ท่านมักจะหยอกล้อเล่นกับผมและน้องเป็นประจำ ทำให้จนถึงปัจจุบันผมมีความสนิทใจคุยกับพ่อได้ทุกเรื่อง พอๆ กับการคุยเปิดใจกับเพื่อนซี้ของผม ทั้งนี้ผมคิดว่า เป็นเพราะสิ่งที่พ่อสร้างไว้ในอดีต ตอนที่ผมเป็นเด็ก นั่นคือ พ่อเล่นกับผมเป็นประจำ (คุณปู่เป็นคนดุมากครับ แต่ท่านก็ทำกิจกรรมร่วมกับหลานๆ เป็นประจำ จนหลานๆ สนิทใจ)
ผมพบว่า ครอบครัวไหนที่พ่อดุหรือไม่คอยเล่นกับลูกเลย ชอบแต่สั่งกับสอนอย่างเดียว ลูกมักกลัวพ่อและไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ นำไปสู่การออกไปเล่นและให้ความสำคัญกับเพื่อน จนบางครั้งกู้ไม่กลับ
ผมยังจำเหตุการณ์วันหนึ่งได้ที่พ่อของผมตำหนิน้องชายของท่าน (คือ อาของผม ถ้าเรียกไม่ผิดนะครับ) ว่า อย่าคุยแบบนั่นกับลูกสิ (แบบนั่นที่ว่า คือ ทำเสียงดุๆ และขึงขังมาก) ทั้งๆ ที่เวลาที่อาคุยกับผมกับคนอื่นท่านมักจะเป็นคนตลก แต่พอกับลูกตัวเองแล้วดุทุกที
พ่อผมตำหนิน้องชายของท่านต่อหน้าลูกของน้องชายพ่อด้วยนะครับ(งงมัยครับ) ลูกของอาผมก็เสริมขึ้นมาทันทีว่า ใช่ครับ ผมไม่กล้าคุยกับพ่อก็เพราะพ่อเป็นอย่างนี้แหละ
ผมว่าการแนะนำลูกที่ดีไม่จำเป็นต้องดุครับ แต่ควรแนะนำอย่างให้เกียรติและรับฟังลูกจะดีกว่า แต่ก่อนจะไปถึงการแนะนำอะไรกัน ก็ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการให้ลูกรู้สึกว่า พ่อเป็นได้ทุกอย่าง เป็นเพื่อนที่ซี้ที่สุดด้วย
การเล่นกับลูก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือต้องสิ้นเปลืองเงินทองอะไรเลยครับ แค่สละเวลา แค่นั่งดูทีวีด้วยกัน คุยกันระหว่างที่ทีวีกำลังโฆษณา ก็ได้ผลดีกว่าที่คุณคิด (แต่ผลนี้จะเกิดในระยะเวลาข้างหน้าครับ ไม่ใช่ทำเดี่ยวนี้ เห็นเดียวนี้)
อย่าให้ความเหน็ดเหนือยจากการทำงานของคุณ ส่งผลให้คุณต้องเหนื่อยใจต่อไปอีกกับลูกในอนาคต อันเนื่องจากคุณไปพักผ่อนส่วนตัวแล้วลืมที่จะให้เวลาในการเล่นกับลูกของคุณในวันนี้นะครับ
กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่กระบี่
ใช้กระบี่โดยไร้ใจ เท่ากับสังหารตนเอง