จิต : การคิดสังเคราะห์ข้อความ


ในบล็อกก่อนๆผมได้บันทึกเกี่ยวกับระบบความจำของคนเอาไว้ว่า  คนเรามีระบบความจำการรู้สึกสัมผัส  ซึ่งใช้อักษรย่อว่า  SM (Sensory Memory)  ระบบย่อยนี้มีช่วงความจำสั้นมาก  คือราว ๑ วินาที โดยประมาณ  และยังไม่รู้ความหมาย  แต่ถ้าจำเอาไว้นานกว่านั้น เช่น ๓๐ วินาที  และรู้ความหมายแล้ว  เราเรียกว่า ความจำระยะสั้น ย่อว่า STM หรือ Short-Term Memory  ทั้งระบบ SM  และระบบ STM นี้ เรามี "ความรู้สึกตัว" หรือ Conscious  ระบบนี้มีช่วงความจำกว้างมากขึ้น  คือ ราว ๕ - ๙ หน่วย  คือถ้าเป็นคำๆ ก็จะประมาณ ๕ - ๙ คำ ครับ  แต่บางคนอาจจะจำได้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ครับ  และถ้าได้ "ทบทวน" อยู่ตลอดเวลาด้วยแล้ว  ก็จะย่งจำได้นานมากขึ้นด้วย  หลังจากนั้น สารเหล่านั้นก็จะเข้าไปเก็บไว้ในระบบย่อยอีกระบบหนึ่งคือ "ความจำระยะยาว" ย่อว่า LTM หรือ Long-Term Memory  คือจำได้นาน  และไม่จำกัดจำนวน ครับ  ถ้าไม่มาจำไว้ที่นี่ก็แสดงว่า "ลืม" ครับ  สิ่งต่างๆที่อยู่ภายนอกหัวสมองของเรา  มันเข้ามาทาง ตา  หู  จมูก  ลิ้น  ผิวหนัง ซึ่งมีทั้ง " ภาพ, เสียง, ความหมาย" มันได้เข้าไปเก็บไว้ที่นี่แหละครับ  มันเก็บไว้ในบางรูปแบบ เราเรียกว่า "ความรู้" ไงละครับ  ถ้าต้องการจะใช้  ก็จะดึง(ระลึก)เอาความรู้เหล่านี้ออกมาจาก LTM ไปปฏิบัติการ(คิด)ใน STM ครับ

การ "คิด" ทั้งหลาย รวมทั้งการคิดสังเคราะห์ด้วยนั้น  ปฏิบัติการคิดที่นี่แหละครับ !  มันน่าอัศจรรย์จริงๆ !!

ก - ข - สระ - ทั้งหลาย  จัดเป็น "ภาพ" ครับ  เป็นความจำภาพ

และ "แมว"  -- ก็เป็น "ภาพ" ครับ คือภาพสระ แ ภาพอักษร ม และ ว 

แต่ถ้า  "แมว" + จินตภาพ แมว (ความหมาย )   แล้ว คำ "แมว"นั้นก็มีความหมายขึ้นมาครับ

เราเรียกกันว่า "ภาษา" ใช่ไหมครับ  ถ้าพูดก็เป็นภาษาพูด  ถ้าเขียนก็เป็นภาษาเขียน

ถ้าเราพูดว่า "แมวของฉันสีขาวน่ารักที่สุดในโลก"  ก็เรียกว่าเรา "สัเคราะห์" คำพูดออกมาเป็น "ประโยค"  ถ้าเราเขียนออกมาดังว่า ก็เป็นการ"สังเคราะห์ข้อความ"

เรา"สังเคราะห์"ทำไม?  --  ก็เพื่อ "สื่อความหมาย -- สื่อความคิด  -- สื่อสาร " ไงละครับ

"เราดึงสาร - ระลึก - ออกมาจาก LTM  - มาปฏิบัติการ"คิด"ที่ STM " เพื่อการ "สื่อสาร"  เราจึงตกลงเรียกันว่า "การสังเคราะห์ข้อความ"

ผลที่ออกมาก็เป็น "ผลผลิต" ของการคิดสังเคราะห์

เราผลิต / สังเคราะห์ข้อความเพื่อการสื่อสารกันทุกวัน  เช่น "การสนทนากันธรรมดาๆ"  "การสังเคราะห์เพื่อการสอนหน้าชั้น"   "การสังเคราะห์ข้อความเพื่อหาเสียงของผู้แทน"  "การสังเคราะห์ข้อความของการพูดในที่ชุมชน"   "การสังเคราะห์ข้อความเพื่อเขียนนิยาย" ฯลฯ

มันสำคัญจริงๆครับ !!

กระทรวงศึกษาธิการจึงบังคับให้ครูสอนเด็ก  --  โดยเขียนในจุดประสงค์ของหลักสูตรทุฉบับ  -  ทุกระดับช่วงชั้น !!ว่า "ให้สอนเพื่อพัฒนา การคิดวิเคราะห์  การคิดสังเคราะห์ --- "

ครูเคยเปิดอ่านกันบ้างไหมเอ่ย ???!!!

อ้อ - ถ้าจะสื่อสารกับชาวต่างภาษา  ก็ใช้คำเหล่านี้ได้ครับ -- Synthesis of a sentence, Synthesis of a set of communication, Production of a set of communication, เป็นต้น

คำสำคัญ (Tags): #synthesis a set of communication
หมายเลขบันทึก: 89248เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2007 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 14:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อาจารย์ ดร.ไสว...

อ่านบันทึกนี้ ยิ่งตอกย้ำว่า เมืองไทยควรเปิดสาขาตรรกศาสตร์ได้แล้ว...

และต่อไปก็กำหนดให้โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาจะต้องมีผู้จบตรรกศาสตร์อย่างน้อย ๑ คน เพื่อทำหน้าที่ วางแผน จัดการ ประเมินผล การเรียนกานสอง ว่ามีผลต่อการคิดของนักเรียนอย่างไรบ้าง เป็นต้น..

อาตมาคิดว่า ถ้าเราวางแผนระยะยาวทำนองนี้ ก็อาจพัฒนาระบบคิดของเยาวชนไทยในอนาคตได้...

แต่เป็นแผนระยะยาว ต้องเสนอเข้าสู่แผนพัฒน์ฯ อะไรๆ อีกหลายๆ อย่าง...

อาจารย์มีความเห็นอย่างไรบ้าง ประเด็นนี้...

เจริญพร

 

ครับ    เราได้เปิดสอนเป็น "รายวิชา" ในระดับปริญญาตรี  เป็นประเภทวิชาทั่วไป   เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐานทั่วไปของ "คนทั่วไป" ที่เขาจะติดตัวไปสนทนาได้รู้เรื่องกับเพื่อนในโปรแกรมอื่นๆ  หรือทุกสายาวิชา 

ฉะนั้น  พวกที่จบปริญญาตรีมา  ไม่ว่าสาขาวิชาใดๆ ก็ "ต้อง"สามารถร่วมวงสนทนาเรื่องของ "ตรรกศาสตร์" ได้เสมอ  จะผิดจะถูกนั้นอีกเรื่องหนึ่ง

  และในระดับมัธยมดูเหมือนจะมีเหมือนกันครับ

แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้สอนครับ  ถ้าผู้สอนไม่แตกฉาน  ก็จะไร้ความสามารถที่จะ "สอยดาว" ลงมาให้คนเดินดินกินได้นะครับ  !!  คนแตกฉานพูดสิ่งที่ยากให้ง่ายได้  พูดอะไรก็ดูง่ายไปหมด  ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่องมันยากนักหนา

อันที่จริงตรรกศาสตร์มีเป้าหมายเพื่อ "พิสูจน์"  Truth value ของ Proposition ต่างๆ ว่า Valid / Invalid  แต่เครื่องมือสำหรับพิสูจน์นั้นมัน"อยู่ในหัว" ของเรา คือ "เหตุผล"  จึงต้องไปค้นหารากเหง้าของ Proposition ในหัวอีกทีหนึ่ง  และคนที่คิดไว้นั้นล้วนเป็นคนสมัยโบราณ นับพันปีมาแล้ว  ภาษาที่ใช้จึงยากนักหนาสำหรับคนรุ่นเราที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ  ทั้งๆที่มันไม่ได้ยากดังว่าเลย  และการคลำหาต้นตอดังกล่าวภายในหัวของเรา  ทำให้คิดว่า "เราได้ความคิดเชิงเหตุผลมาแล้วแต่เกิด"  จึง ประกาศว่า "คนคือสัตว์เหตุผล"

และแนวคิดเช่นนี้ได้มีผู้เรียกว่า Analytic บ้าง  Priori บ้าง

พูดมากไปจะยิ่งยาวเฟื้อยไปเปล่าๆครับ 

พระคุณเจ้าโยนอะไรมายั่วยุให้ผมต่อยอดเสมอ !!

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท